| เห็นด้วยกับข่าวนี้ (6 คน) |
| ไม่เห็นด้วย (23 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 29 คน |
สนธิ ถึงดอนเมืองแล้ว ยืนยันไปพักผ่อนจริงๆ ลั่นไม่เคยคิดหลบหนีเพราะไม่ผิด แค่ข่าวปล่อยทำลายจากคนในรัฐบาล ท้า ชลอ-ชิดชัย ออกหมายจับมาพร้อมสู้คดี
เมื่อเวลา 10.50 น.วันนี้ (2 เม.ย.49) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง โดยสายการบิน cx 713 จากฮ่องกง โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยจำนวนนับสิบคน นำโดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2, พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2, พ.ต.อ.จัตุพันธ์ วรรณภักตร์ ผกก.สน.ดอนเมือง ทันทีที่เดินทางมาถึง นายสนธิได้เดินออกมาทางช่องทางออกผู้โดยสารขาออกของอาคาร 2 โดยสวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อยืดสีขาวด้านใน และสวมเสื้อสีเหลืองแขนยาวปกคลุมด้านนอก ปล่อยกระดุม รองเท้าหนังสีดำ พร้อมกับถือหนังสือ 1 เล่ม ชูมือขวาขึ้นในลักษณะสู้ สู้
นายสนธิเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมากว่า ในวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปเมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน เพราะว่าเหนื่อยมาก และตนก็ขึ้นเครื่องไปถึงสนามบินกุ้ยหลินในวันเสาร์ ได้ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำคนเดียว ซึ่งสวยมากมีภูเขาอายุยาวนานเป็นพันๆ ปี
ได้ข่าวว่าเค้าหาว่าผมหนี ผมก็สงสัยว่าผมหนีเรื่องอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถึง พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ หรือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ถ้าคิดว่าผมทำอะไรผิด ก็ไปขอหมายจับของศาลมา ผมก็จะสู้คดี ผมไม่ได้ถอย แต่วิธีการเป็นการปล่อยข่าวเพื่อให้สมเหตุสมผลว่าผมกลัวความผิดจึงหนีไป ซึ่งเป็นนิสัยสันดานเดิมๆ ของคนบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยน ผมเสียใจตรงนี้ ส่วนสาเหตุที่ผมไม่เดินทางกลับตามกำหนดการ เนื่องจากว่าวันเสาร์ผมไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ วันนี้ผมจึงบินจากกุ้ยหลินไปฮ่องกง และต่อเครื่องจากฮ่องกงเข้ามาประเทศไทย ลงมาก็เจอพวกคุณ นายสนธิ กล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า จริงๆ แล้วได้อ่านหนังสือสนุกมาก และได้ซื้อหนังสือ JEFFREY ARCHER เป็นหนังสือที่ดีมาก อ่านแล้วมีความสุขและได้คิดอะไรได้หลายๆ อย่าง และตนก็คิดว่าสังคมไทยอยู่ในช่วงวิกฤตตรงที่ว่า ยังไงเราต้องทำสังคมไทยตอนนี้ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่เพื่อความถูกต้องให้กับสังคม อะไรที่เกิดขึ้นกับตนเองก็พร้อมจะยอม และในช่วงที่ไปเที่ยวนั้นก็มีคนไทยจำนวนมากขอถ่ายรูปและทุกคนบอกว่าให้ตนสู้ ขณะเวลาขึ้นเครื่องจากกุ้ยหลินมาเปลี่ยนเครื่องก็มีผู้โดยสารคนไทยบนเครื่องบอกว่าให้ตนสู้ อย่าถอย โดยมีคนไทยหลายคนเป็นกำลังใจให้
ผมสงสารนายกฯ และภรรยา ไปทานข้าวที่ห้างเอ็มโพเรี่ยม โดนด่าว่าเมื่อไหร่จะออก และนายกฯ ไปที่ห้างสยามพารากอน ก็โดนคนไล่ให้ออก ไปกินก๋วยเตี๋ยวก็โดนเจ๊ไก่ไล่ ความสุขของผมกับนายกฯ ต่างกันมาก ผมได้รู้เลยว่าผมทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่หวั่นอะไรทั้งสิ้น เพราะผมเชื่อว่าเมื่อผ่านไปแล้วมนุษย์ต้องยืนอยู่ในความถูกต้อง วันนี้ผมไม่ต้องการชนะนายกฯ หรือนายกฯ ต้องแพ้ผม แต่ผมอยากให้นายกฯ เดินจากจุดที่ผิดมาอยู่จุดที่ถูก และเราจะนำสังคมไปด้วยกัน แต่ตัวนายกฯ ยืนอยู่จุดที่ผิดอยู่ สังคมไทยไม่มีความหมาย แต่ผมจะยืนอยู่จุดที่ถูกตลอดไป นายสนธิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่เลือกเพราะไม่เชื่อในระบอบรัฐธรรมนูญอันนี้ และไม่เชื่อการเลือกตั้งมาตั้งแต่ต้นแล้ว ทำไมถึงจะไปเลือก
ต่อข้อถามที่ว่าทำไมถึงเดินทางไปจีนในช่วงเวลาที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการถูกม็อบจักรยานยนต์ปิดล้อม นายสนธิกล่าวว่า การล้อมไม่มีปัญหากับตน รู้อยู่แล้วและเตรียมรับมือไว้แล้ว แต่ยังดีที่ไม่บุกเข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งการเดินทางไปจีนนั้นเตรียมการไว้นานแล้ว โดยได้ประสานกับเพื่อนที่อยู่ปักกิ่งให้มารับที่กุ้ยหลิน ส่วนพันธมิตรนั้นก็ได้เล่าให้ฟังไปแล้วว่าตนเองจะไปพักผ่อน
ต่อข้อถามที่ว่า หลังเลือกตั้งหากนายกฯ เว้นวรรค นายสนธิจะเคลื่อนไหวต่อหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปการเมืองตนต้องเคลื่อนไหวต่อแน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับนายปลอดประสพ สุรัสวดีที่บอกว่าถ้าเจอนายสนธิที่ศาลจะขอชกหน้า 1 ครั้ง และยอมเสียเงิน 500 บาท นายสนธิกล่าวว่า ทำไมนายปลอดประสพถึงเป็นคนถ่อยอย่างนี้ คนที่เคยเป็นอธิบดีมาก่อน เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ทำไมพูดจาเหมือนกุ๊ย เหมือนอันธพาล ช่วยถามแกหน่อย ตนก็เลยไม่ประหลาดใจว่าทำไมพลพรรครัฐบาลชุดนี้ถึงเป็นอันธพาลทุกคน แสดงว่านายปลอดประสพชอบตัดสินด้วยกำลัง คนเราสันดานเดิมเป็นยังไง มันฉุดไม่อยู่หรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้พูดแล้วว่าหลังเลือกตั้งจะยอมรับเงื่อนไขของทุกฝ่าย นายสนธิถามกลับว่ายังจะเชื่อคำพูดนายกฯ อีกหรือ พร้อมกับบอกว่ารัฐบาลใช้ประเด็นการเดินทางของตนเป็นประเด็นใส่ร้ายว่าตนหนี
ส่วนคดีหมิ่นที่มีการแจ้งความทั่วประเทศจะทำอย่างไร นายสนธิกล่าวว่า กรุณาไปขอหมายศาล เมื่อตนได้รับหมายศาลแล้วก็จะสู้คดี ไม่กลัว เพราะหลักฐานตนเองมีในวีซีดี มันไม่ใช่อย่างที่เค้าพูด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการไม่พอใจจากฝ่ายทหาร นายสนธิกล่าวว่า ขอบคุณทหารที่ไม่พอใจเรื่องนี้ แต่จะขอบคุณมากกว่าถ้าทหารหันกลับไปดูว่านายทักษิณเคยพูดถึงพระเจ้าอยู่หัวไม่รู้กี่ครั้ง เช่นว่าถ้าผมไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี และนายกฯ เคยพูดว่าถ้าพระเจ้าอยู่หัวกระซิบข้างๆ หู จะออก ทำไมทหารไม่แสดงความจงรักภักดีตรงนี้บ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้จะบานปลายจนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสนธิตอบว่า ประเด็นคือประชาชนถูกปั่นได้ง่าย และนี่คือประเด็นที่น่ากลัวของสังคมไทย เพราะประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริง โดยเอาข้อมูลจอมปลอมเอามาปั่น เหมือนที่คุณถามเรื่องทหาร ตนไม่เข้าใจ เวลานายกฯ พูดไม่รู้กี่ครั้งทำไมทหารไม่ไปร้องมั่ง ถามเค้าหน่อยสิ อย่ามาจงรักภักดีเลือกคนที่จะจงรักภักดีว่าถ้าสนธิพูดก็ดำเนินคดี แต่นายกฯ พูดก็เฉยๆ ลูกผู้ชายหรือปล่าว
เปิดแถลงที่บ้านพระอาทิตย์
ต่อมา เวลา 12.25 น.ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ได้เปิดแถลงข่าวหลังเดินทางกลับจากจากเมืองกุ้ยหลิน เพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่าหลบหนีการจับกุมในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามที่มีกลุ่มบุคคลเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดย นายสนธิกล่าวว่า ขอชี้แจงว่าการเดินทางไปครั้งนี้เพื่อไปพักผ่อนที่เมืองกุ้ยหลิน เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สวยงาม และที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้เมื่อวานนี้เนื่องจากที่นั่งเต็ม ส่วนข่าวที่ออกมาว่าตนหลบหนีนั้นเป็นการปล่อยข่าวของคนในรัฐบาล หลังจากที่ สตม.ทราบการเดินทางของตน จึงได้เอาประเด็นนี้มาประโคมข่าวว่าจะมีการจับตนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงเข้าใจผิดไป ทั้งๆ ที่ตนเป็นคนที่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากกว่านายกรัฐมนตรีคนนี้หลายล้านเท่า และมากกว่านายทหารหลายคนที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า หลังจากไปพักผ่อนที่เมืองกุ้ยหลิน กลับมาตนได้ข้อคิดมามาก คือข้อแรกการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ต่อสู้ถูกต้องแล้ว พร้อมประกาศว่าตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง และเมื่อกลับมาแล้วก็จะดำเนินการต่อสู้ทางการเมืองต่อไป
ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกล่าวว่า ก่อนอื่นอยากจะยืนยันว่าในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีการแจ้งความและนำไปสู่ประเด็นทางการเมืองในขณะนี้ ยืนยันว่าไม่มีทางที่ พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับนายสนธิได้ เนื่องจากการออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้ให้อำนาจต่อศาลในการออกหมายจับ ตำรวจไม่สามารถออกหมายจับได้ และหากพนักงานสอบสวนเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับนายสนธิ ตนในฐานะทนายความก็จะยื่นเพื่อซักค้าน เนื่องจากในวีซีดีการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิไม่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่นเดียวกับคดีที่มีการแจ้งความที่จังหวัดยโสธร ซึ่งตนได้ซักค้าน สุดท้ายศาลก็ไม่อนุมัติออกหมายตามที่พนักงานสอบสวนเสนอในครั้งนั้น
นายสุวัตรกล่าวยืนยันอีกว่า นายสนธิไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และเชื่อว่าหากพนักงานสอบสวนเสนอเพื่อออกหมายจับ และเมื่อตนเข้าทำการซักค้านแล้วเชื่อว่าศาลจะไม่ออกหมายจับอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ในวันอังคารนี้ตนก็จะยื่นฟ้องนายเนวิน ชิดชอบ รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อศาล ฐานหมิ่นประมาทกรณีที่ให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่านายสนธิหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
จากคุณ :
billzeeo
- [
2 เม.ย. 49 18:50:01
]