ความคิดเห็นที่ 1 พันธมิตรฟ้องศาล'เลือกตั้งโมฆะ' Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ Monday, April 03, 2006          นักวิชาการยื่นยูเอ็นวันนี้ คัดค้านเลือกตั้งขัดกติการะหว่างประเทศ จัดคูหาเลือกตั้งเปิดโล่ง ส่งผลให้การออกเสียงของประชาชน ไม่ใช่การออกเสียงลับ ขัดรัฐธรรมนูญ          แฉจ.ม.เวียนเลขากกต.สั่งจัดผังคูหาใหม่          คณะกรรมการศึกษาและสอบสวนการละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ยื่นยูเอ็นวันนี้ สั่งเลือกตั้งโมฆะเหตุออกเสียงขัดกติการะหว่างประเทศ ขณะที่พันธมิตรประชาชนฯ ร้องศาลปกครอง ระงับการประกาศผลรวมทั้งสั่งให้เป็นโมฆะ ส่วนพีเน็ทรุมจวก กกต.จัดการเลือกตั้งไม่โปร่งใส ชี้จัดรูปแบบการเลือกตั้ง-คูหาลงคะแนน ผิด เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พร้อมยุผู้ใช้สิทธิยื่นฟ้องส่วนตัวที่ศาลอาญา ขณะที่ฝ่ายค้านประสานเสียงอัดยับคูหาเลือกตั้ง          กลุ่มประชาชนเตรียมนัดชุมนุมกันวันนี้ (3 เม.ย.) ที่หน้าอาคารสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อลงชื่อในคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ในประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดคูหาเลือกตั้งให้ผู้มีสิทธิออกเสียงหันหลังให้กับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ทำให้กรรมการสามารถมองเห็นการลงคะแนนได้ ไม่ใช่การลงคะแนนลับ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 กำหนดในวรรคท้าย และยังขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งเสมอด้วยรัฐธรรมนูญ ก็บัญญัติเอาไว้เช่นกัน          นายโพธิพงศ์ บรรลือวงศ์ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และคณะกรรมการศึกษาและสอบสวนการละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้เขาและประชาชนผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว จะดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ที่ กกต.จัดการการเลือกตั้งด้วยวิธีการที่ไม่เป็นการลงคะแนนลับ ต่อข้าหลวงใหญ่องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย พร้อมกับประชาชนจำนวนมากที่จะร่วมลงชื่อพร้อมมอบหลักฐานภาพถ่ายคูหาเลือกตั้ง ให้กับข้าหลวงใหญ่องค์การสหประชาชาติ          สำหรับการร้องต่อยูเอ็นครั้งนี้ สอดรับกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 21 (3) บัญญัติว่า เจตจำนงของประชาชนจะเป็นฐานแห่งอำนาจของรัฐบาล เจตจำนงนี้จะแสดงออกโดยการเลือกตั้งเป็นครั้งเป็นคราวอย่างแท้จริง ด้วยการให้สิทธิออกเสียงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน และโดยการลงคะแนนลับ หรือวิธีการลงคะแนนอย่างเสรีที่คล้ายคลึงกัน          นายธนบูลย์ จิรานุวัฒน์ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตพนักงานอัยการ เปิดเผยว่า เขาจะเป็นแกนนำยื่นคำร้องต่อข้าหลวงใหญ่องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เพื่อให้สอบสวนการเลือกตั้งในประเทศไทยขัดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อที่ 25 ที่บัญญัติว่า พลเมืองทุกคนย่อมมีสิทธิและโอกาสโดยปราศจากความแตกต่างดังกล่าวไว้ในข้อ 2 และปราศจากข้อจำกัดตัดทอนอันไม่สมเหตุสมผล ดังนี้ คือ 1.ในอันที่จะมีส่วนในรัฐกิจโดยตรงหรือผ่านทางผู้แทนซึ่งได้รับเลือกมาอย่างเสรี 2.ในอันที่จะออกเสียงหรือได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งตามโอกาสอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป และเสมอภาค และโดยการออกเสียงลงคะแนนลับ ซึ่งรองรับหลักการแสดงเจตนาอย่างเสรีของผู้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง          "การลงคะแนนครั้งนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่เสรีของประชาชน เพราะไม่ใช่การลงคะแนนลับ เนื่องจากหันหลังให้กับคูหา ประชาชนรู้สึกว่าการลงคะแนนไม่ได้มาจากเจตนารมณ์ที่แท้จริง นอกจากนี้ยังมีหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยไม่ได้จัดเตรียมปากกาให้กับผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งถือว่าขัดกับคำสั่งศาลปกครองที่ให้ลงคะแนนทำได้ทั้งการประทับตรายางและการกาเครื่องหมายด้วยปากกา"          ทั้งนี้ ประเทศที่องค์การสหประชาชาติ เข้ามาจัดการเลือกตั้ง อาทิ กัมพูชา แทนซาเนีย และอิรัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย หรือการถอยหลังเข้าคลอง          พันธมิตรฯยื่นฟ้องศาลปกครองวันนี้          วันเดียวกันนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เรียกว่าเป็นต้มยำรวมมิตรกลโกงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปแบบคูหาการเลือกตั้ง โดยหันคูหาลงคะแนนเลือกตั้งเข้าหาผนัง และหันหลังให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยบุคคลภายนอกสามารถมองเห็นการลงคะแนนของผู้ลงคะแนนได้ ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 ที่ระบุให้การเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งโดยตรง และเป็นความลับ ซึ่งข้ออ้างของกกต.ที่ระบุว่า เพื่อป้องกันการทุจริต และการแอบถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งนั้น ถือว่าเป็นการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กกต. แต่ไม่ได้คุ้มครองการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ที่ต้องระมัดระวัง และถือเป็นความลับ ความผิดของกกต.ทั้ง 4 คน อาจถึงขั้นมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่          "เวลา 11.00 น. วันที่ 3 เมษายน พันธมิตรฯ โดยคุณสมศักดิ์ โกศัยสุข จะเป็นตัวแทนไปยื่นร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และร้องให้เปิดไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ กกต.ระงับการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไว้ก่อน" นายสุริยะใสกล่าว          พีเน็ทรุมจวกกกต.จัดเลือกตั้งไม่โปร่งใส          ส่วนที่บ้านมนังคศิลา วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่พบในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ การจัดคูหาเลือกตั้งที่หันหน้าออก ทำให้การใช้สิทธิของประชาชนไม่เป็นความลับ คนที่อยู่นอกที่ทำการหน่วยเลือกตั้ง สามารถสังเกตเห็นว่าเลือกใคร โดยเฉพาะบัตรเลือกตั้งที่ออกแบบให้ช่องที่ไม่ลงคะแนนอยู่ด้านล่างขวา ทำให้ยิ่งสังเกตเห็นง่าย เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 วรรค 3 ที่ระบุว่า การเลือกตั้ง ให้ใช้การออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ          "ถือว่า กกต.ทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยองค์กรกลางจะขอส่งเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พิจารณาว่าเรื่องนี้เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่ และอาจจะส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และหากมีการวินิจฉัยว่าเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ กกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ และให้ถือว่าการเลือกครั้งนี้เป็นโมฆะ ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่"          นอกจากนี้ อีกทางออกหนึ่งคือให้ผู้ใช้สิทธิไปฟ้องโดยส่วนตัว ที่ศาลอาญาหรือศาลจังหวัดได้ทุกจังหวัด โดยตั้งข้อหามีการกระทำไม่สุจริตเที่ยงธรรมของ กกต.และทำให้ผู้ลงคะแนนเสียสิทธิในการรักษาความลับ ตามพ.ร.บ.กกต.มาตรา 24,48 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157          ฝ่ายค้านประสานเสียงอัดยับคูหาเลือกตั้ง          ขณะที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวตำหนิ กกต.ถึงการจัดรูปแบบคูหาเลือกตั้งว่าขนาดอยู่ห่างจากคนใช้สิทธิ ก็ยังรู้ว่าเขากาอะไร ถ้าจะกาเลือกพรรค ก็ขีดข้างบน หรือกาเบอร์สองปลายกระดาษก็จะลงมา แต่ถ้าไม่ประสงค์จะเลือกใคร ปลายกระดาษก็จะขึ้นไป ทำให้รู้ว่าเลือกใคร ทั้งนี้ ได้ตำหนิ กกต.ที่สุพรรณบุรีไปแล้ว และได้เห็นหนังสือที่กกต.กลางแจ้งมายังกกต.จังหวัดแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อให้ผู้มาใช้สิทธิสามารถเห็นหมายเลขของผู้สมัครได้อย่างชัดเจน ทำอย่างนี้เท่ากับรู้ว่าใครกาให้ใคร          นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คูหาเลือกตั้งใหม่ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 104 และเป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ เพราะการมาใช้สิทธิของประชาชนต้องเป็นความลับ และจะเป็นการพิสูจน์การเลือกตั้งว่าเป็นไปอย่างสุจริตหรือไม่ หากประชาชนไปลงคะแนนแล้ว มีคนเห็นว่าไปเลือกใครแบบไหน ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จากคุณ : <_Eminem_> - [ 3 เม.ย. 49 02:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่กกต.ให้หันหลังคูหาสู่ที่โล่ง เพราะคนที่อยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าลงคะแนนช่องไหน โดยกรณีที่เขาลงคะแนน ซึ่งนำปากกามาเองตามวิธีการของ กกต.เชื่อมั่นว่า สื่อมวลชนที่ไปทำข่าวเห็นว่าลงคะแนนช่องไหน          นักวิชาการหนุนส่งฟ้องศาล          ส่วนความเห็นของนักวิชาการนั้น นายเดโช สวนานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวว่า เป็นการจัดรูปแบบการเลือกตั้งที่ผิดปกติจากเดิมอย่างมาก และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่มาใช้สิทธิมากพอสมควร ตรงนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของ กกต.ที่จะตัดสินใจทำอย่างนี้ได้ หากสิ่งดังกล่าวมีการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ และเป็นมติของ กกต. ทั้ง 5 คน ส่วนเสียงติติงจากกรณีเกิดขึ้น หากใครติดใจและเห็นว่า การใช้สิทธิของตนไม่เป็นความลับ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 สามารถนำเรื่องไปฟ้องร้องยังศาลปกครองเพื่อทำการไต่สวนได้          นายบรรเจิด สิงคเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ภาคกฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กกต.จะต้องชี้ให้เห็นว่า การจัดคูหาแบบเดิมนั้น มีข้อเสียอย่างไร เพราะการกระทำในลักษณะนี้ของกกต. อาจจะมีการหมิ่นเหม่ของการเลือกตั้งโดยรัฐ แม้กกต.จะอ้างว่าเพื่อเป็นการป้องการนำโทรศัพท์มือถือมาถ่าย แต่กกต.จะต้องมีสถิติว่า ที่ผ่านมา มีการกระทำอย่างนั้นเท่าไร          นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า กฎเกณฑ์ของกกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และจะต้องมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลวินิจฉัยว่ามติดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ กระบวนการเลือกตั้ง ก็จะต้องเสียไป และยกเลิกผลการเลือกตั้งในที่สุด          ด้านนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมายังหน่วยเลือกตั้งเพื่อมาใช้สิทธิ โดยหลังจากที่นายอานันท์ลงคะแนนแล้ว ได้ท้วงติงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการวางช่องคูหาลงคะแนน หันหลังให้กับทางเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งเป็นรูปแบบของหน่วยเลือกตั้งที่กกต.จัดขึ้นมาใหม่ ว่าเป็นเรื่องผิดปกติ          แฉจ.ม.เวียนเลขากกต.สั่งจัดผังคูหาใหม่          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ กกต.จัดคูหาช่องกาบัตร โดยให้ผู้ใช้สิทธิหันหลังออกนอกหน่วยเลือกตั้ง และทำให้บุคคลทั่วไปนอกหน่วยเลือกตั้ง สามารถมองเห็นได้นั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 16 มีนาคม 2549 เรื่องการจัดให้มีวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพิ่มเติม ถึงประธาน กกต.จังหวัดทุกจังหวัดและกทม.ให้ดำเนินการตามมติกกต.          หนังสือดังกล่าว ระบุว่า "ตามที่ได้แจ้งมติกกต.ในการประชุมครั้งที่ 75/2548 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2548 เรื่องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยให้ดำเนินการจัดที่เลือกตั้งใหม่ ดังนี้          1.จัดเรียงคูหาลงคะแนน ให้ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง หันหน้าไปทางผนังหรือฉากกั้นที่เลือกตั้ง (เดิมหันหลังให้) เพื่อให้ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เดินเข้าคูหาได้สะดวก          2.จัดทำประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น (ส.ถ.28) หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ผ.ถ.28) แล้วแต่กรณี ปิดประกาศเพิ่มเติมไว้ที่ผนังกั้นฉากที่เลือกตั้ง จำนวน 1 ชุด          ทั้งนี้ มีรายงานจาก กกต.ด้วยว่า ในการประชุมกกต.ได้มีการท้วงติงว่า การกระทำดังกล่าว อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 วรรค 3 ที่ระบุว่า การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ แต่ก็มีการยืนยันว่า แม้คูหาจะหันหน้าออก คนที่อยู่ภายนอกก็ไม่สามารถเห็นได้ว่า ลงคะแนนให้กับผู้ใด          กกต.แจงเรื่องหันคูหาเข้าด้านในกำแพง ต้องการอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ และป้องกันการทุจริต          พล.ต.ต.เอกชัย ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่จะคอยดูการใช้สิทธิของประชาชนว่ามีการแอบนำบัตรเลือกตั้งอื่นเข้ามาหรือมีการถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนไว้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้สิทธิสูงอายุ ที่จะสามารถมองเห็นภาพถ่ายและหมายเลขของผู้สมัคร ได้ง่ายในกรณีที่ลืมหมายเลขที่ตั้งใจว่าจะมาเลือก ทั้งนี้ ยืนยันว่าการใช้สิทธิของประชาชนจะเป็นความลับ เพราะคูหามีขนาดไม่ใหญ่มาก และพยายามให้ผู้ใช้สิทธิทิ้งช่วงเพื่อไม่ให้เห็นว่าคนก่อนหน้านี้กาหมายเลขใด อีกทั้งยังเป็นการจัดสถานที่เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ที่มีผู้สมัครจำนวนมาก จึงเป็นการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาใช้สิทธิเรื่องการดูภาพถ่ายและหมายเลขผู้สมัครเช่นกัน          ด้านนายสงวน ลิ่วมโนมนต์ ประธานกกต.กทม. กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนใน กทม.ว่าในคูหาเลือกตั้งบริเวณผนัง มีรูปและหมายเลขผู้สมัครติดอยู่ ว่า ลักษณะดังกล่าวทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะในบริเวณคูหาจะมีรูปผู้สมัครคนใดไม่ได้ ถ้าจะมีก็จะติดอยู่บริเวณบอร์ดที่ กกต.จัดทำไว้ และต้องวางไว้หน้าหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ ถ้ามีรูปและหมายเลขผู้สมัครติดอยู่ในบริเวณนั้นจริง ก็เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งต้องแจ้งให้กรรมการประจำหน่วยลงบันทึกและเอารูปดังกล่าวออกทันที ขอให้สื่อมวลชนช่วยถ่ายรูปและส่งให้เขาเพื่อเป็นหลักฐานด้วย          4 กกต.หลบฉากไม่เข้าสำนักงาน          วานนี้ (2 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วประเทศ แต่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 4 คน ซึ่งมีภาระหน้าที่หลักคือการจัดการและควบคุมการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันไม่มี กกต.ท่านใดในสำนักงานกกต. อาคารศรีจุลทรัพย์ ยกเว้นพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ที่เข้ามาในช่วงเช้าและใช้เวลาอยู่เพียงครู่เดียว ซึ่งเมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าเหตุใดกกต. 4 คน ถึงไม่เข้าสำนักงาน          มีรายงานแจ้งว่า การไม่เข้าสำนักงานของกกต.อาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติงานในวันเลือกตั้งได้หากเกิดจลาจลมีการชุมนุมประท้วง หรือเกิดเหตุสุดวิสัย อำนาจการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการเลื่อนการเลือกตั้ง การนับคะแนน หรือการออกมาตรการเตรียมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอำนาจ 4 คน          เลขากกต.ฟิวส์ขาดท้าฟ้องจัดคูหาใหม่          พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนจุดคูหาเลือกตั้ง ว่า เป็นมติ กกต. เพื่อรองรับการเลือกตั้ง ส.ว.วันที่ 19 เมษายนนี้ เนื่องจากจำนวนผู้สมัครส.ว.มีมาก จึงเห็นควรว่าตรงกำแพงด้านหลังหน่วยลงคะแนน ควรจะมีรูปของผู้สมัครติดไว้ และยังเป็นการป้องกันการนำบัตรลงคะแนนปลอม มาเปลี่ยนกับบัตรลงคะแนนจริง          ผู้สื่อข่าวถามว่า การหันหลังให้กรรมการเลือกตั้งประจำหน่วย และให้คนที่ยืนอยู่บริเวณหน่วยเลือกตั้งสามารถสังเกตได้ว่า ผู้ลงคะแนนกาหมายเลขใดในบัตร อาจผิดรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้การเลือกตั้ง ต้องเป็นการลงคะแนนในทางลับ พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวว่า ไม่มีทางเห็น ในต่างประเทศหลายประเทศ ก็ดำเนินการในรูปแบบนี้ และภายในหน่วยเลือกตั้ง ก็ไม่มีใครที่จะมาคอยจ้องอยู่ได้เป็นเวลานาน ดังนั้น ขอให้อย่าคิดในทางร้ายเพียงอย่างเดียว          "เรื่องนี้เป็นมติของคณะกรรมการ ผมเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการตามคำสั่ง จะให้ทำอย่างไรได้ พวกคุณอย่าไปคิดว่ากรรมการจะมาคิดในทางที่เลวร้าย ทุกคนคิดมาเป็นอย่างดี อย่าเอาข้อสังเกตแค่นี้มาทำลายประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้ง" พล.ต.ต.เอกชัยกล่าวอย่างมีอารมณ์          ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางองค์กรกลางเตรียมที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ และอาจจะต้องเลือกตั้งใหม่ ที่จะต้องเสียค่าจัดการเลือกตั้งอีก 2 พันล้านบาท พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวว่า "ก็ให้ไปฟ้องศาลเอา อยากให้ไปฟ้องเลย มีสิทธิก็ไปฟ้อง ผมยังไงก็ได้ ผมทำตามมติ จะเอาอะไรกับผม ผมทำงานไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใครทั้งนั้น ผมไม่เชื่อว่า ศาลไหนจะวินิจฉัยให้เลือกตั้งใหม่" จากคุณ : <_Eminem_> - [ 3 เม.ย. 49 02:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาขนาดนี้แล้วจะโมฆะอะไรอีกหรือ รอปีหน้าค่อยเลือกใหม่ดีกว่า เมื่อแก้ รธน.เสร็จ จากคุณ : จมื่นเพิ่ม - [ 3 เม.ย. 49 02:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ้าว ก่อนหน้าเห็นบ่นบอกเสียดาย 2พันล้าน ถ้าเลือกตั้งใหม่ ก็เสียอีก สองพันล้านเลยน่ะ ไม่เสียดายแล้วเหรอ จากคุณ : ZEIES - [ 3 เม.ย. 49 02:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดี๋ยวเลือกตั้งเสร็จแล้ว เอาไปเก็บให้หมดเลยนะ พวกปัญหามาก จากคุณ : หลี่ ปู้ เหว่ย - [ 3 เม.ย. 49 02:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โมฆะทั้งรัฐบาลและกกต. ออกไปทั้งคู่เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก จากคุณ : รปภ. (ลุงยาม) - [ 3 เม.ย. 49 08:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาอีกแล้ว เรื่องภายในบ้านเอาไปฟ้องยูเอ็น พวกนี้เป็นคนไทยหรือเปล่าวะ ศาลไทยทำไมไม่ฟ้อง มันเห็นยูเอ็นเป็นพ่อมันหรืออย่างไร ชอบฟ้องนักไอ้พวกอับปีชนทั้งหลาย จากคุณ : มอ2 (มอ2) - [ 3 เม.ย. 49 09:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วลุงยามจะให้ใครเป็นรัฐบาล 5แกนนำพันธมิตร ข่มขืนประชาธิปไตยน่ะหรือ จากคุณ : NTAM - [ 3 เม.ย. 49 11:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เห็นด้วยค่ะ เปลืองงบ จะอะไรกันนักหนา จากคุณ : black coupe - [ 3 เม.ย. 49 13:10:08 ]