CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ผมรู้แล้วครับว่าปัญหาประเทศไทยเกิดจากอ่ะไร....มันเกิดจากการ "ไม่คิดบวก" นั่นเองครับ

    กระทู้นี้ผมจะลองวิเคราะห์ดูนะครับ ถ้าไม่เห็นด้วย หรือคิดว่าไม่จริงก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทะเลาะกัน หรือมาด่ากันนะครับ

    1 ในประเด็นปัญหาที่ เป็นต้นตอของปัญหาการชุมนุม
    หรือ ปัญหาการประท้วงต่างๆ

    ผมคิดว่าสาเหตุ คือคนไทย "ไม่คิดบวก"

    ทำไมผมจึงคิดแบบนั้นครับ?

    ลองสังเกตสิ่งที่คนไทย(ส่วนหนึ่ง)มักค้านกันอยู่เสมอๆนะครับ

    "เฮ่ย แปรรูแบบนี้มันขายชาตินี่หว่า !!..เฮ่ยไม่เอาๆ บ้านของเราเป็นแบบนี้อยู่ดีๆ มาขายรัฐวิสาหกิจได้ไง .. แบบนี้ขายชาติแน่นอน"

    "เฮ่ย นายก รวยมาได้ไงตั้ง 73000 ล้าน ไม่โกงรับรองไม่ได้แบบนี้หรอก"

    "นายกทำ เมกะโปรเจก โห..เงินหมดประเทศพอดี แถมโกงได้อีกไม่เอาๆๆๆ !!"

    "นายก ปราบยาบ้า เฮ่ย!!..ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปกี่รายแล้ว ไม่ดี!"

    "30 บาทหรอ เฮงซวย!...รักษาคนไมได้จริงหรอก มีคนตายไปตั้งเยอะแยะ ทำมาทำไม"


    นี่คือคำพูดที่ผมได้ยินได้ฟังมาจาก ฝั่งของคนไม่เอารัฐบาล (หรือจาก ฝั่ง คนเชียร์ นายกก็ยังมีพูดเลย)

    ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมด มันมีปัญหามาจากการ "ไม่ยอมคิดบวก"

    หลายคนในนี้อาจจะเคยได้อ่านบทความ หรือ หนังสือเรื่อง The Power of Positive Thinking มาบ้างนะครับ

    หนังสือเล่มนี้มีประเด็นสำคัญคือ หนังสือเล่มนี้สอนให้คนคิดบวกครับ


    การคิดบวก ไม่ใช่การมองโลกเป็นสีชมพู

    แต่การคิดบวกคือ การไม่มองโลกในแง่ร้าย และ "สามารถมองเห็นด้านดี ของทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ และพร้อมจะแก้ไขเรื่องที่ไม่ดี ด้วยใจที่ไม่หม่นหมอง"

    หากคุณไปถาม นักธุรกิจหรือ ผู้ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆ คุณจะพบว่า

    พวกเขาคือผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค และ การไม่ยอมแพ้เหล่านั้น มีผลมาจากการ "คิดบวก " หรือ
    "เชื่อว่า มันต้องทำได้ .."

    คุณอาจจะถามผมว่า
    "เฮ่ยถ้าไม่มองด้านลบของมันเลย ก็แปลว่าไม่ยอมรับความจริง หรือ เป็นการ หนีปัญหาสิวะ"

    การคิดบวกไม่ใช่การไม่ยอมรับความจริง
    แต่การคิดบวก คือ การคิดเชิงแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ใช่ เอาแต่นั่งคิดว่ามันมีปัญหาแล้วพอแล้ว จบแล้ว!!

    ยกตัวอย่างเช่น

    ถ้าวันนี้ผมประสบความล้มเหลวในการทำธุรกิจ
    คนคิดบวก (ซึ่งส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ) จะคิดว่า
    "เฮ่ย เราจะแก้ปัญหายังไงดี" แทนที่จะมานั่ง กลุ้มใจเกี่ยวกับปัญหา

    ในขณะที่คนที่ไม่คิดบวก จะคิดว่า
    "โอย พอๆ แย่ๆ..กลุ้มใจเว้ย แบบนี้ไม่ดีแน่ เลิกดีกว่าไปทำอย่างอื่นไม่ดีๆ เจ๊งๆ"

    เช่นเดียวกันกับเรื่องการเมือง

    นโยบายต่างๆ ที่ออกมาจาก รัฐบาลชุดนี้ คือนโยบายที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น หากเรามองในแง่ของการคิดบวก

    ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค
    กองทุนหมู่บ้าน
    การปราบปรามยาเสพติด
    โครงการเมกะโปรเจค
    การแปรรูป รัฐวิสาหกิจต่างๆ

    ทุกโครงการถ้าเราคิดบวก เราย่อมเห็นข้อดีของมันแน่นอน!!

    และข้อดีเหล่านั้นคุณ ก็รับรู้มาแล้วละครับ จากสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะบอก

    เพราะตัว ทักษิณเอง เป็นคนที่คิดบวก อยู่เสมอ เขาถึงร่ำรวยจนมีวันนี้ได้

    คุณอาจจะถามผว่า

    "เฮ่ย .. แต่เมกกะโปรเจคมันก็มีการโกงกินกันได้นี่ "
    "30 บาทนโบบายมันดี แต่ทางปฎิบัติมันห่วยนะ!!"
    "รัฐบาลทำแบบนี้ โกงแหง๋!.."
    "...ฆ่ายาบ้า คนบริสุทธิ์ก็ตายเยอะ..."
    " แปรรูปรัฐวิสาหกิจมันขายชาติ"

    ผมเข้าใจคำพูดของพวกคุณทั้งหมดดี ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดบกพร่องที่
    "มันไม่มีทางที่เรื่องใดๆก็ตามจะไม่มีสิ่งที่เลวอาศัยอยู่"

    แต่ประเด็นคือ

    แทนที่จะคิดว่า "ไม่เอาเว้ยๆๆๆ!!..มันห่วย..ทิ้งๆ ห่วยแตกไม่เอา นโยบายพวกนี้ใช้ไม่ได้"

    ทำไมไม่มาคิดบวกว่า
    "แล้วเราจะทำยังไงให้ มันดีขึ้นละ"

    ผมไม่เคยมองว่าการ ไม่ยอมรับนโยบายดีๆของรัฐบาลเพราะมองเห็นปัญหา คือความคิดที่ฉลาด

    แต่ผมมองว่ามันคือ "การยอมแพ้ " ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นต่างหาก

    แทนที่จะคิดว่า "ไม่เอา 30 บาทเพราะมันห่วย.."
    มาคิดว่า "จะทำยังไงให้ 30 บาทมันดีขึ้น" จะดีกว่ามั้ย?

    แทนที่จะคิดว่า
    "ไม่แปรรูป เพราะเดี๋ยวขายชาติ!!..กฎหมายมันไม่รัดกุมพอ ไม่ได้ๆ..ไม่แปรรูป"

    มาคิดว่า
    "เรามาแก้กฎหมาย ยังไงดี ให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ นั้น มันแปรได้อย่างถูกต้องและได้ประโยชน์ทั่วถึง"

    ทำไมพวกเราถึงเอาแต่มองแต่ปัญหาที่อาศัยอยู่ในนโยบายที่มันดีๆทั้งหลาย แล้วเลือกที่จะไม่ยอมรับมันแล้ว ก็เลิกทำมันซะ

    ทำไมพวกเรา ไม่ยอมมองด้านที่ดีๆ แล้วมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันละครับ


    การคิดบวก ไม่ใช่การไม่ยอมรับความจริงที่โหดร้าย
    แต่คือการ เลือกที่จะไม่ใส่ใจความโหดร้ายที่เลวๆเหล่านั้น
    แล้วหันมาแก้ไขมัน ด้วยความมองโลกในแง่ดีต่างหาก

    นี่คือการคิดบวก!

    ทำไมแทนที่จะประท้วง ไม่เอา นู่นไม่เอานี่ ไม่เอานั้นเพราะมันไม่ดีอย่างงั้น อย่างงี้อย่างโง้น

    ทำไมไม่ประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลทำงานดีกว่านี้ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาจุดนี้  เรียกร้องให้รัดกุมเรื่องนี้ให้มากขึ้น

    ทำไมไม่ประท้วงให้แก้ไข
    แต่กลับประท้วง เพื่อให้ทิ้งมันไป ไม่เอาแล้ว!

    นโยบายดีๆเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ มีคนที่คิดบวกเป็นคนคิดขึ้นมา

    แต่มีคนที่คิด ไม่บวกกำลังทำลายมันไป


    มันเหมาะสมแล้วหรือ?


    ผมฝากไว้หน่อยนะครับ

    ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำอาชีพอ่ะไร
    ไม่ว่าคุณมีจุดมุ่งหมายในชีวิตแบบใด
    ไม่ว่าคุณอยากจะให้บ้านเมืองเป็นแบบไหน
    ไม่ว่าคุณจะอยากเป็นคนประสบความสำเร็จด้านไหน

    ถ้าคุณไม่คิดบวก คุณจะไม่มีทางได้สิ่งที่คุณต้องการแน่นอน

    ผมจะมาพูดถึงนักวิชาการประเทศไทยกันมั่ง

    เรามักจะชื่นชมนักวิชาการแขนงต่างๆที่ออกมาแย้งสิ่งไม่ดีๆที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย แล้วบอกให้เลิกทำมัน บอกให้หยุด บอกให้ยกเลิก

    นักวิชาการเหล่านั้นไม่ได้โง่ครับ
    แค่เขาไม่เคย ทำมัน..เขาไม่เคยทำครับ!..และเขาก็ไม่เชื่อว่า มันทำได้..มันดีแน่..และมันเป็นไปได้

    ประเด็นไม่ใช่นักวิชาการโง่ แต่ประเด็นคือเขากำลัง มองปัญหาที่อยู่ในทุกๆสิ่งที่เขาคิด วิเคราะห์ ปัหญาต่างๆ ออกมาได้แล้วเอาออกมาบอกเรา..

    เขากำลังคิดว่า
    "โอ้..นั่นก็ปัญหา ..นี่ก็ปัญหา..โน่นก็ปัญหา ตายละปัญหาเพียบแบบนี้ใช้ไม่ได้..รัฐบาลใช้นโยบายนี้ปัญหาเพียบ ซวยแน่"

    แต่เขาไม่เคยคิดว่า

    "แล้วเราจะแก้มันยังไงละ?"

    นักวิชาการไม่ได้โง่ครับ
    แค่เขาไม่ได้คิดบวก

    นักธุรกิจบางคนไม่จบมหาวิทยาลัย
    แต่เขาไม่เคยเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้น เป็นไปไม่ได้
    เขาคิดว่า เขาต้องทำได้..เขาต้องแก้ปัญหาได้..

    ถ้าวันนี้ บิลเกต เชื่อผู้บริหาร IBM คนหนึ่งที่บอกว่า
    "เรื่องทุกคนจะมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวนะเหรอ..555..ฝันไปเหอะ"

    ถ้าบิลเกตเชื่อคำพูดๆนั้น ..ตอนนี้เราอาจยังไม่มีคอมพ์ใช้
    ถ้า บิลเกต เลือกที่จะไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วคิดว่า "เออ มันเป็นไปไม่ได้หรอก บ้าป่าว"
    เราก็คงไม่มี Window XP

    Bill gate อาจจะ IQ ต่ำกว่านักวิชาการบ้านเราก็ได้
    แต่เขา เป็นคนที่คิดบวก และไม่ ล้มเลิกโครงการใดๆ เพียงเพราะมันมีปัญหา

    เขาเลือกที่จะทำต่อไป แก้ปัญหาต่อไป สู้ต่อไป เขาถึงมีวันนี้


    เรามาคิดบวกกันเถอะครับ
    หยุดประท้วง เพื่อยกเลิกเรื่องต่างๆ
    เลิกคิดว่ามัน

    "เป็นไปไม่ได้หรอก..."
    "จะทำได้ยังไง ก็ประเทศไทยมันเป็นอย่างเงี่ย"
    "ขายชาติๆ..ไม่เอาๆ"
    "นายกโกงแน่ ไม่งั้นไม่รวยแบบนี้หรอก โกงแน่นอน!"
    "นโยบายนี้ปัญหาเยอะแยะ..อย่าทำทำไม่ได้"

    มาช่วยกันคิดว่า
    "มันเป็นไปได้"
    "ประเทศไทย ต้องเจริญได้ เราต้องแก้ปัญหาสิ"
    "ขายชาติหรอ...ทำยังไงถึงทำให้มันไม่ขายดีละ?"
    "นายกรวยหรอ..เราต้องรวยให้ได้แบบเขามั่ง เราจะทำยังไงดี?"
    "นโบายนี้มีปัญหาเยอะแยะ..เราจะแก้ไขมันยังไงดี?"

    เลิกได้แล้วที่จะถามว่า

    "คุณผิด ผมถูก หรือ คุณถูก แล้วผมผิด?"

    มาคิดว่า

    "อ่ะไรคือสิ่งที่ผิด..เราจะแก้ไขมันอย่างไร"

    เลิกได้แล้วครับที่จะมองแต่ปัญหา แล้วคิดว่าเรื่องต่างๆจะต้องจบลงด้วยความสูญเปล่า และ ล่มสลาย.. โกงกิน..วุ่นวาย..เละเทะ

    มาช่วยกันคิดดีกว่าครับว่า "เราจะทำอย่างไร ให้เรื่องราวต่างๆดีขึ้น"


    The Looser see problems in every solution.
    The Winner see solutions in every problem.

    แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 03:04:37

    แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 03:02:09

    จากคุณ : OscaMee - [ 4 เม.ย. 49 02:58:45 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป