CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สาเหตุที่ไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง............เป็นสาเหตุเดียวกับที่ไม่เคยชนะปชป. ในภาคใต้

    กระทู้นี้เป็น ความคิดเห็นจากคนธรรมดาสามัญ

    มิได้เป็นผู้สังกัดพรรคการเมือง    และ มิได้มีผลประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากกลุ่มการเมืองใดๆ

    มิได้เป็นนักวิชาการ  มิได้เป็นสื่อสารมวลชน   มิได้ยอมเสียเวลาพิมพ์ทั้งหมดเพราะอามิสสินจ้างหรือรับเงินผู้ใด

    จึงขอให้ผู้อ่านทุกท่าน อย่าอ่าน โดยคิดว่าผู้พิมพ์มี อคติ กับพรรคใดหรือกลุ่มการเมืองใดๆ

    และมิได้พิมพ์เพื่อก่อให้เกิดการแตกแยกของสังคมหรือภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย

    ผู้พิมพ์เชื่อมั่นในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ  แห่งราชอาณาจักรไทย

    ข้อ1 ที่ว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดมิได้ "เป็นอย่างยิ่ง  

    และทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้พิมพ์  จะไม่อ้างอิงนโยบายหรือประเด็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน  
    ของกลุ่มการเมืองกลุ่มต่างๆกลุ่มใดๆ



    ประเทศไทยเรา ถือว่าปกครองมาในระบอบประชาธิปไตย มายาวนานชั่วระยะเวลาหนึ่ง

    แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเพิ่งมาเต็มใบ ในสมัยท่านนายกฯ  ชาติชาย  ก่อนจะมาเจอวิกฤติการณ์พฤษภาทมิฬ

    นักการเมืองส่วนใหญ่ที่ยังวนเวียนอยู่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลไปมากน้อยเพียงได

    ส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักการเมืองที่มาจาก กลุ่มอิทธิพลฐานเสียงในแต่ละพื้นที่แต่ละภูมิภาค   ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาใช่หรือไม่

    เช่น จังหวัดตรังที่เป็นฐานเสียงของคุณชวน  ภาคใต้ทั้งภาคเป็นของพรรค ปชป  สุพรรณบุรีและภาคกลางของคุณบรรหารและพรรคชาติไทย

    บุรีรัมย์เป็นของคุณเนวิน  กลุ่มภาคเหนือตอนล่างของวังน้ำยม   สระแก้ว ของคุณสเหนาะและอีสานบางส่วนของวังน้ำเย็น  

    นครพนมของพลเอกชวลิตและอีสานของความหวังใหม่  นครราชสีมาของคุณสุวัจน์  เป็นต้น

    พรรคไทยรักไทยก่อตั้งขึ้น หลังการปฏิรูปการเมืองรอบแรก จากการรวมตัวของกลุ่มการเมืองเก่าหลายกลุ่มเช่นกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง

    ของวังน้ำยม  สระแก้ว ของคุณสเหนาะและอีสานบางส่วนของวังน้ำเย็น นครพนมของพลเอกชวลิตและอีสานของความหวังใหม่ฯ

    รวมตัวกัน ท่ามกลาง กระแสขาลงของคุณชวน นำมาซึ่งชัยชนะ 2544 ของพรรค  ทรท

    ก่อนการเลือกตั้ง 2548 พรรคทรทที่เข้มแข็งทั้งปัจจัยพื้นฐานทั้งด้านเงินทอง และได้กระแส ขาขึ้นในความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรี

    ก็ได้ดึงรวบรวมกลุ่มก้อนอำนาจการเมืองกลุ่มต่างๆจากพรรคอื่นๆ  เข้ามาสู่พรรค ไทยรักไทย

    เช่นบุรีรัมย์ของคุณเนวินพรรคชาติไทย  นครราชสีมาของคุณสุวัจน์และฐานเสียงเดิมของชาติพัฒนา  กลุ่มสนธยา วิทยา  คุณปลื้ม

    ภาคตะวันออกของพรรคชาติไทย  เหล่านี้นำมาซึ่งความแข็งแกร่งที่มากขึ้น จนแทบกล่าวได้ว่า หัวคะแนนและกลุ่มอำนาจเดิมๆ

    ทั้งหมดที่มีฐานเสียงมาแต่เดิม  ทำให้ไทยรักไทย  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

    เพราะประชาธิปัตย์แทบไม่ได้ ขยับตัว มองหา  กลุ่มอำนาจจากภูมิภาคอื่นๆมารวบรวมไว้เลย

    นำมาซึ่งชัยชนะการเลือกตั้ง2548แบบถล่มทลาย  แต่จริงๆแล้วมองให้ลึกลงไป เอาหัวโขน เอาชื่อพรรคของแต่ละคนออก

    การเมืองไทยแทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มอำนาจท้องถิ่นใดๆเลย

    ถ้าจะมีภูมิภาคที่มีอิสระต่อกลุ่มการเมืองท้องถิ่นมากที่สุดน่าจะได้แก่ กรุงเทพฯ ที่มักเปลี่ยนแปลงตามกระแสที่เกิดขึ้นในสังคม

    คือเป็นการผลัดกันขับเคี่ยวระหว่างกลุ่มทรท (พลังธรรมเก่าที่เริ่มต้นมาจากความชื่นชมคุณจำลอง)กับประชาธิปัตย์ที่มีฐานเสียง

    พอสมควรในกรุงเทพฯและเคยขับเคี่ยวกับประชากรไทยมาก่อน

    ดังนั้นผลการเลือกตั้งที่กรุงเทพฯจึงเป็นเหมือนเสียงสะท้อนใช้วัดกระแสที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยได้กลายๆ

    ขณะที่ต่างจังหวัด ฐานเสียงหัวคะแนนแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือกล่าวได้ว่ากลุ่มอำนาจเดิมในภูมิภาคต่างๆไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย

    ทรท ซึ่งรวมกลุ่มอำนาจเดิมจากภูมิภาคต่างๆ(เว้นภาคใต้)ไว้ได้ทั้งหมด  จึงได้เปรียบกลุ่มการเมืองกลุ่มอื่นๆ  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

    ดังนั้นการที่หลายฝ่ายคัดค้าน นายกทักษิณที่จะใช้ผลการเลือกตั้ง เป็นการตัดสินประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน

    จึงเป็นเหตุผลที่รับฟังได้   เพราะเป็นประเด็นปัญหา  ที่กล่าวหามาที่ตัวท่าน  ท่านจึงไม่ควรใช้การเลือกตั้งที่ตนเองรู้อยู่แล้วว่าเป็นฝ่ายชนะ

    มาเป็นวิธีตัดสินปัญหา  การยุบสภาครั้งนี้ถึงได้มีผู้กล่าวหาว่าเป็นการฟอกตัว  สร้างความชอบธรรมให้ตนเอง

    ชัยชนะจากการเลือกตั้ง2549ที่ผ่านมาจึงแทบมิได้พิสูจน์อะไร ในประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเลย

    เป็นเพียงการสะท้อนให้เห็นความเข้มแข็งของกลุ่มอำนาจเดิมจากภูมิภาคต่างๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    ขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วว่าเป็นอิสระต่อกลุ่มการเมืองท้องถิ่น  หรือกล่าวได้ว่าแทบไม่มีกลุ่มการเมืองใดมีฐานเสียงส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

    ได้เลือกที่จะให้มีเสียง no vote มากกว่าคะแนนเสียงของพรรค ทรท ซึ่งน่าจะสะท้อนปัญหากระแสเรื่อง  


    ความไม่ไว้ใจเนื่องจากท่านยังเป็น  ศูนย์กลางของอำนาจรัฐ  จึงทำให้เกิดความแคลงใจ ของกลุ่มคนหลายกลุ่มในสังคม ทั้งนักวิชาการ  สื่อสารมวลชน

    องค์กรวิชาชีพต่างๆ  ว่าหากท่านยังเป็นศูนย์กลางของอำนาจรัฐอยู่  การตรวบสอบประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวท่านจะไม่เป็นกลาง

    เกรงว่าองค์กรที่ต้องตรวจสอบต่างๆ  จะทำงานได้อย่างขาดความอิสระ  นำมาซึ่งการเรียกร้อง ให้ท่านลงจากตำแหน่ง

    เพื่อพิสูจน์ประเด็นต่างๆที่ท่านถูกกล่าวหา  รวมกับก่อนการเลือกตั้ง มีการเรียกร้องให้มาพบพูดคุยระหว่างผู้ถูกกล่าวหา และผู้กล่าวหา

    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนตัดสิน แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้น และจึงเป็นที่มา คำถามถึง ความจริงใจในการพิสูจน์ตนเองของนายกรัฐมนตรี

    ที่ผ่านมาการตอบคำถามในประเด็นปัญหาต่างๆ  ก็เป็นคำตอบที่มา จากองค์กรฝ่ายรัฐข้างเดียวเท่านั้น องค์กรตรวจสอบอิสระต่างๆ

    ก็ไม่สามารถทำงานได้ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ทั้ง ปปช ที่ไม่มีตัวตน  และยังมีปัญหาในขั้นตอนการสรรหา ปปช ชุดใหม่  

    พร้อมเสียงซุบซิบ ที่ รายชื่อกรรมการ  ปปช ชุดใหม่ที่จะต้องมาทำหน้าที่ตรวจสอบ   ก็เป็นกลุ่มคนที่มีสายสัมพันธ์ เป็นอย่างดีกับรัฐบาล

    และตัวนายกรัฐมนตรี  ดังนั้นความมั่นใจของคนทุกฝ่ายในสังคม ต่อการตรวจสอบที่จะเกิดขึ้นว่าจะบริสุทธิ์ยุติธรรม

    จึงต้องขึ้นอยู่กับการ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ลงจากอำนาจก่อนเท่านั้น   จึงทำให้กลุ่มคนกลุ่มต่างๆในสังคม

    เชื่อมั่นต่อการตรวจสอบว่าจะมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมจากการตรวจสอบได้จริง

    จบภาคแรก

    แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 09:26:05

    แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 05:49:53

    แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 05:02:08

    แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 04:53:53

    จากคุณ : greenthinking - [ 8 เม.ย. 49 04:51:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป