ความคิดเห็นที่ 1 จัดให้http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4240513/P4240513.html จากคุณ : นางงามซิมบับเว่ - [ 8 เม.ย. 49 20:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฟุตบอลของเขาสุดยอดตอนทีผมยังเล็กนัก ตอนนี้ไม่รู้แล้วแก่แล้วไม่ได้ตามครับ จากคุณ : คังดิกคู - [ 8 เม.ย. 49 21:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.cia.gov/cia/publications/factbook/geos/ar.html Economy    Argentina Top of Page   Economy - overview:   Argentina benefits from rich natural resources, a highly literate population, an export-oriented agricultural sector, and a diversified industrial base. Over the past decade, however, the country has suffered problems of inflation, external debt, capital flight, and budget deficits. Growth in 2000 was a negative 0.8%, as both domestic and foreign investors remained skeptical of the government's ability to pay debts and maintain the peso's fixed exchange rate with the US dollar. The economic situation worsened in 2001 with the widening of spreads on Argentine bonds, massive withdrawals from the banks, and a further decline in consumer and investor confidence. Government efforts to achieve a "zero deficit," to stabilize the banking system, and to restore economic growth proved inadequate in the face of the mounting economic problems. The peso's peg to the dollar was abandoned in January 2002, and the peso was floated in February. The exchange rate plunged and real GDP fell by 10.9% in 2002, but by mid-year the economy had stabilized, albeit at a lower level. GDP expanded by about 9% per year from 2003 to 2005. Growth is being led by a revival in domestic demand, solid exports, and favorable external conditions. The government boosted spending ahead of the October 2005 midterm congressional elections, but strong revenue performance allowed Argentina to maintain a budget surplus. Inflation has been rising steadily and reached 12.3 percent in 2005 Reserves of foreign exchange and gold:     $28.07 billion (December 2005)   ของไทย Reserves of foreign exchange and gold:     $51.9 billion (December 2005)   ดูอันดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ อยู่ที่ อันดับ18 แล้วดูอันดับ 19  ผมไม่มีข้อมูลตอนที่เราลดค่าเงินว่ามีเท่าไหร่ รายละเอียดอื่นๆค่อยๆดู อย่าเฃื่อแค่การพูดลองค้นข้อมูลเพิ่มเติมแล้วตัดสินใจ ด้วยตัวเอง บางครั้งสื่อก็ให้ข้อมูลด้านเดียว พูดจนคนคิดว่าจริง ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายตอนนี้ จากคุณ : ไม่มีอะไรในกอไผ่ - [ 8 เม.ย. 49 21:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อิ อิ แวะมาขำคห 2 จากคุณ : นางงามซิมบับเว่ - [ 8 เม.ย. 49 21:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าอ่านจากคห. 3 ก็แสดงว่าปัจจุบันอาร์เจน เศรษฐกิจดีแล้วสิคะ ไม่ได้เป็นเหมือนที่ ใครๆ พยายามบอกว่าประเทศเจ๊งไม่เป็นท่า...หุ หุ ต้องไปหาอ่านข่าวต่างประเทศให้มากกว่านี้ซะแล้ว อ่านแต่หนังสือพิมพ์ไทยท่าจะแย่ สำหรับคห. 2  ฟุตบอลอาร์เจน ยังเก่งอยู่เหมือนเดิม นักเตะมาเล่น ในลีก ต่างๆ ของยุโรบด้วยค่าตัวสูงๆ จำนวนมาก เป็นสินค้าออกอย่างดี ขนาดเด็กอายุ 18 อย่าง Messi ยังเล่นได้สุดยอด....... จากคุณ : nukanka - [ 8 เม.ย. 49 21:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... เจออันนี้มา  น่าสนใจมาก.... ==================================== ความคิดเห็นที่ 52   คุณนิติภูมิเขาไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์แกเรียนแบบจับฉ่าย ในยุคที่รัสเซียให้ทุนนักเรียนไทยที่สมองไม่ดีไปเรียน เพราะคุณนิติภูมิเอง ประวัติเขาก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไร เข้าเตรียมทหารอายุ 19 ก็เลิกพูดแล้ว เอนทรานซ์ก็ไม่ผ่าน เรื่องชั่วๆ ของแก ผมเคยนำมาเปิดเผยสองครั้ง แรกๆ ก็ไม่กล้าพูดเพราะจะกลายเป็นความอิจฉา แต่เมื่อเขาประกาศตัวจะล้มรัฐบาลแน่ชัด อยากเป็นนักการเมืองสกปรกหักหลังชาวบ้าน ตอนหลังผมเลยแฉแกเยอะ คนด่าผมมาตลอด แต่เวลาจะอ่านนิติภูมิ ตอนนี้ มีคนตั้งคำถามภูมิรู้แกแล้ว หลายคนก็ตื่นจากความฝันแล้วว่า ไม่เท่าไรเลย ดอกเตอร์นิติภูมิ นิติภูมิพยายามโกหกว่า แปรรูปแล้วอาร์เยนติน่าสิ้นชาติ จริงหรือ ผมก็ลงทุนไปค้น นี่เป็นนิสัยผมที่ชอบจับผิดคน เพราะมีนิสัยนักกฎหมายทนายความเก่า แล้วก็มีเพื่อนต่างชาติเยอะ โดยเฉพาะตามสถานทูต เพราะเข้ากับคนง่าย ตรงไปตรงมา ผมก็เลยทราบว่า นิติภูมิโกหกหลอกคนทั้งบ้านเมือง เอาใจม็อบเพื่อหวังว่า สมัยหน้าข้าจะได้เป็นรัฐมนตรีบ้าง อาร์เยนติน่ามีประชากร 40 ล้านคน ไทย 65 ล้านหกแสน เราดูเบื้องต้นเวลานี้ของอาร์เยนกับไทยก่อนนะครับ ข้อมูลนี้ ค้นที่ไหนก็มีหะ เขาเรียก demographic หรือ country profile เอา ศก ตอนนี้ก่อน จะๆ เลยนะ รายได้ต่อหัวของอาร์เยนคำนวณตาม ppp หรือ purchasing power parity ไปค้นเองคืออะไร เดี๋ยวนี้ใช้มากกว่า GNP per capita ด้วย ผมไม่มีเวลามาอธิบาย อาร์เยน 13000 ดอลลาร์ ขณะที่อำนาจซื้อของไทย 8300 ดอลลาร์เท่านั้น แสดงว่าเอาคนมาหารรายได้ ดูอำนาจการซื้อของคน อาร์เยนสูงกว่าไทยค่อนข้างมากนะ แค่หลักเบื้องต้น นิติภูมิก็เป๋แล้วครับ พูดสั้นๆ ง่ายๆ คือ คนอาร์เยนรวยกว่าคนไทย พอได้ตรงนี้ เราไปดูต่อว่า จริงไหม ดูข้าวของความเจริญเขากับไทยต่อไป คนอาร์เยนอายุเฉลี่ย 75 ปี คนไทย 71.9 ปี นี่ก็มีนัยว่าสาธารณสุขเขาก้ดีกว่าเรานะ แต่เอาเหอะ บ้านเราอากาศร้อน บางคนอาจเถียงว่า คนไทยจึงอาจจะอายุสั้นกว่า เหมือนเนื้อใส่ตัวเย็นกับอยู่ที่ร้อนๆ เนื้อในตู้เย็นก็เน่าช้ากว่า เอาผ่านไป โทรศัพท์บ้าน อาร์เยนมี 8 ล้านเลขหมาย ไทยมี 7 ล้านครับ เขาก็มากกว่าเรา ทั้งที่คนเขาน้อยกว่าเรานะ มือถือ อาร์เยนมีใช้กันเกร่อ 65 ล้านเครื่อง ไทย 27 ล้านเครื่อง คงไม่ต้องอธิบายแล้วนะ การศึกษา คนเมืองเราอ่านออกเขียนได้ร้อยละ 92.6 อาร์เยน 97 ทั้งหมดในภาคแรกจะเห็นว่า อาร์เยนไม่ได้ด้อยกว่าเราตามที่นิติภูมิโกหกนะครับ บทที่สอง คุณโชคดีชะมัดที่ผมมาใส่ใจปัญหาคุณ เอาวิชาการแท้ๆ มาถกเลย แต่ผมไม่มีหน้าหนังสือพิมพ์เขียนเท่านั้นแหละครับ เพราะเกือบค่อนชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ดวงผมมันต้องไปดี ได้เงินจากต่างแดน อาร์เยน ล้มละลายมาหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเข้าไอเอ็มเอฟ มค 2002 เพราะหนี้ท่วมตัว หนี้ที่รัฐบาลก่อทั้งน้าน แล้วหนี้มาจากไหนล่ะ จากการลงทุนในรัฐวิสาหกิจ ไง ค้ำหนี้ต่างประเทศ กู้มาลงทุนโดยตรง พอเป็นหนี้มากๆ ออกพันธบัตร ถึงเวลาจ่ายรัฐไม่มีเงินจ่าย ติดเงินเดือนข้าราชการ คนก็แห่ถอนเงินซีครับ ซื้อดอลล่าร์แทนเงินเปโซที่มีค่าเปลี่ยนแปลงรายวัน ลดลงๆ ที่สุด รัฐหมดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ใครเขาก็ไม่อยากค้าขายกับคุณ เพราะอาร์เยนไม่มีเงินสกุลแข็ง พวกดอลลาร์ เยน มาร์ก จ่าย ก็แบบเดียวกับไทยในปี 1997 เขาเข้า IMF เพื่อขอเงินกู้เพื่อมาสำรองเงินตราระหว่างประเทศ จะเข้า IMF อาร์เยนก็ถูกกำหนดว่า ต้องทำนั่นนี่ อย่างนึง คือ แปรรูปวิสาหกิจ เพราะรัฐไม่อาจเข้ามาลงทุนในไฟฟ้า ประปา ไปรษณีย์ต่อไปแล้ว ให้เอกชนดำเนินการแทนรัฐบาลอาร์เยน ก็ถูกเสือนอนกินในวิสาหกิจด่าว่าขายชาติแบบเดียวกับทักษิณโดนเลย นิติภูมิออกมาประกาศว่า อาร์เยนเจ๊งหนัก ชาติล้มละลายหลังแปรรูปวิสาหกิจ ผมออกมาสวนว่า อาร์เยนชนะต่างหาก ศก ดีขึ้นมากมาย ผมพูดจากตัวเลขของธนาคารโลกนะครับ คุณจะเชื่อนิติภูมิ ก็ช่าง แต่ผมเชื่อธนาคารโลกครับ อาร์เยนใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนดสองปี เท่ากับทักษิณของไทยทำให้กับประเทศเช่นกัน ปี 2000 ศก อาร์เยน ติดลบ 0.8 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มหนักหนาในปี 2001 ติดลบ 10.9 เปอร์เซ็นต์ ปีล้มละลาย มากกว่าไทยในยุคนายชวนนิดนึง แต่เขาฟื้นครับ ในปี 2003 2004 2005 อาร์เยนติน่า มีศก โตเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี มันวิเศษไหมครับ หลังการแปรรุป รัฐพ้นจากความหายนะ มาโตอีกครั้ง โตถึงร้อยละ 8 นี่ไม่ธรรมดานะครับ ขณะที่ไทยโตราวปีละ 4-5 เปอร์เซ้นต์เท่านั้นนะหะ ธนาคารโลกประกาศความสำเร็จในการพัฒนา ศก ของอาร์เยนว่า เกิดจากการดำเนินนโยบาย ศก ที่ถูกทิศทาง ขณะที่นายนิติภูมิ ดอกเตอร์ที่ กพ ไม่รับรอง อวดเก่งกว่าธนาคารโลก พูดโง่ๆ ว่า อาร์เยนเดินผิดทาง ถามว่า ดร กำมะลอคนนี้เก่งกว่าคนทำงานธนาคารโลกเหรอ มันง่ายหรือครับที่จะทำงานในสถาบันทรงเกียรติแห่งนี้ ถามว่า คุณเชื่อใคร แต่อาร์เยนก็มีภาพที่ต้องแก้ไขอีกมาก ผมมองในมุมกว้างนะ คนจนในอาร์เยนต่ำกว่า poverty line ที่ธนาคารโลกกำหนดมีถึงร้อยละ 38.5 ของไทยมีแค่ร้อยละ 10 จะเห็นว่าการกระจายรายได้ของอาร์เยน แย่กว่าไทย คือ คนรวยก็รวยเสียให้เข็ด จนก็จนกว่าหนังธรณีกันแสง ขณะที่ไทยคนจนก็ไม่จนมากเกินไปนักและรวยก็ไม่ทิ้งจนห่างมากๆ จะมีรวยแบบคุณทักษิณ คุณอะไรเจ้าของเบียร์ช้าง หรือนายห้างธานินทร์ ไม่กี่คนหรอกครับ หนี้สาธารณะ คือ พูดง่ายๆ ฟังง่าย หนี้ที่รัฐบาลต้องใช้ อาร์เยนมีถึง 69.7 เปอร์เซ็นต์ นี่วิบากกรรมจากการกู้หนี้มาให้ รสก พนักงานเสือนอนกินโบนัสไม่ทำงาน ขณะที่ไทย รัฐบาลไทยมีวินัยการคลังดีกว่า หนี้สาธารณะมีแค่ 35.9 เปอร์เซ็นต์ สนุกไหมครับ อ่านตามทันไหมครับ วิชาการแท้ๆ นะครับ ตัวเลขมาจากไหน จากสหรัฐ คือ CIA Factsheet ครับ ตอนนี้ อย่าไปด่า อาร์เยนติน่าเลยครับ เขาสบายขึ้นเยอะ ฟุตบอลเขาก็เก่ง มีกองหน้าริเควลเม้ ไวมากๆ ถ้าไม่โดนอาเดรียโน กองหน้าร่างยักษ์ ของเอซีมิลานจากบราซิลเบียดล่ะก้อ สุดยอดเลยครับคนนี้ เขาจะไปบอลโลกแล้ว ก็มีความสุขดี รัฐบาลเขาเก็บรายได้มากกว่ารายจ่าย ทางบัญชีเรียกงบประมาณเกินดุล มีรายได้ 42.63 พันล้านเหรียญ รายจ่าย 39.98 พันล้านเหรียญ จริงๆ เขาทำเป็นเปโซ แต่ผมทำเป็นเงินสกุลสหรัฐ ให้ท่านเข้าใจง่ายๆ เรียกว่า รัฐมีเงินเข้ามากกว่าเงินออก ขณะที่รัฐบาลไทยยังขาดดุลทุกที รายรับ 30.64พันล้านเหรียญ รายจ่าย 31.76 พันล้านเหรียญ ถามว่า เงินเข้ามากกว่าเงินออก หรือเงินออกจากระเป๋ามากว่าเงินเข้าดีล่ะครับ ถ้าแปรรูปมันเฮงซวย รัฐบาลอาร์เยนจะเก็บภาษีมาจากไหน จะเอาเงินเข้ามากกว่าเงินออกได้ไงตั้ง 3.2 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็มีดีกว่าอาร์เยนในเรื่องคนตกงาน ของไทยเราตอนนี้ตกงานร้อยละ 1.4 แต่ไม่แน่ประท้วงบ้าบอแบบสนธิ จำลอง คงได้เห็นคนตกงาน โรงงานปิดโรงงานไปอีกเยอะ แต่แน่ๆ อาร์เยน ตอนนี้ คนว่างงานร้อยละ 11.1 สูงกว่าไทยมากนะครับ ธนาคารโลกเขามีรายงาน ศก ของอาร์เยนติน่ายาวเหยียดเลย แต่ผมสรุปสั้นๆ เพราะเหนื่อยแล้วว่า ความสำเร็จทางศก หลังไอเอ็มเอฟของอาร์เยนมาจาก solid domestic demand การบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น สภาพภายนอกประเทศมองอาร์เยนไว้ใจขึ้น หลังปลดแอก รสก รัฐวิสาหกิจ ลดการสร้างหนี้ลง และการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ถามว่า คุณนิติภูมิเอาอะไรมาพูดว่า รัฐบาลแปรรูป รสก แล้ว อาร์เยนพินาศ ในเยอรมัน ในอเมริกาที่ผมเคยไปอยู่มาสองประเทศเกือบแปดปี ผมก็เห็นบริษัทไฟฟ้า โทรศัพท์ ดำเนินการโดยเอกชน ไม่เคยได้ยินฝรั่งบอกว่า รัฐบาลเขาขายชาติ แต่ประเทศไทยเราจะเอาที่ดินขายฝรั่ง แปรรูป รสก ทำความตกลงเขตการค้าเสรีที่ WTO สนับสนุน ทุกอย่างที่จะทำดีๆ แต่ผลคือ คุณจะเป็นคนแรกที่ถูกกล่าวหาว่า คุณกำลังขายชาติ การโกหกเพื่อทำลายทุนนิยมยุคใหม่ จากกลุ่มผู้เสียประโยชน์และเสือนอนกินทั้งหลาย วันหลัง ผมจะเอากรณีอิหร่านที่ผมเคยอยู่หลายปีมาเล่าให้ฟังว่า เขาพูดแบบสนธิกำลังพูด เป้ะเลย ขายชาติ ขายประเทศ ผลเกิดอะไรกับ ศก อิหร่านที่มีทรัพยากรมากมาย แต่ประเทศกลับถูกไทยประเทศเล็กๆ ไม่มีทรัพยากรอะไร หนักหนาแซงหน้าไปได้ จนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของอิหร่าน ขึ้นปกเมื่อปีกลายว่า แม้แต่ไทยก็ overtake อิหร่าน ฟังดูเหมือนชม แต่คำขึ้นต้นว่า แม้แต่ไทย Even Thailand ฟังแล้วทะแม่งๆ ยังไงพิกล จากคุณ : มือใหม่DSM  - [ 8 เม.ย. 49 18:01:12 ] ==================================== จากคุณ : nunimitr - [ 8 เม.ย. 49 21:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หากกังวลใจเรื่องต่างประเทศอย่างอาเจนติน่า  ฝากกังวลใจเรื่องนี้ด้วยนะครับ ทางการเนปาลประกาศเคอร์ฟิวก่อนฝ่ายค้านจะนัดประท้วงใหญ่เพื่อต่อต้านกษัตริย์กยาเนนทราในวันนี้ http://www.thaisnews.com/news_detail.php?newsid=168757 จากไทยไปเนปาล  ใกล้กว่าไปอาร์เจนติน่าอีกครับ จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 8 เม.ย. 49 22:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ...ผมเคยย้อนถามคนที่ดูแล้วว่า พอเสร็จแล้วรู้หรือเปล่าว่าเงื่อนไขในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของอาเจนติน่าร์เป็นยังไง เขาตอบไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง ...แล้วอีกอย่างทำไมประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศที่เขาก็แปรรูปเหมือนกัน ทำไมประเทศเขาไม่เจ๊ง แถมประเทศเขาเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย เขาก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกัน ...อย่าเอาสิ่งคนอื่นทำแล้วเจ็ง มาเป็นมาตรฐานว่า ถ้าเราทำจะเจ็งเหมือนเขาสิครับ ...ถ้าการแปรรูปมันไม่ดี แล้วทำไม ปตท. ถึงถูกจัดอันดับว่าเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาล และเป็นบริษัทยอดเยี่ยม 1 ใน 500 ของโลกหล่ะครับ (อันดับที่ 200 กว่า หรือ 300 กว่านี่หล่ะ) จากคุณ : Mr. (AKR_MGO) - [ 8 เม.ย. 49 23:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สาเหตุสำคัญที่ทำให้อาร์เจนติน่าล่มสลายจริงๆเกิดจากมีผู้นำเฮงซวยห่วยแตกผลัดกันมาโกงกินประเทศ  เล่นการเมืองน้ำเน่า  ออกนโยบายผิดๆที่ทำให้ประเทศเป็นหนี้เป็นสิน  ปลูกฝังค่านิยมที่เป็นการบ่อนทำลายทรัพยากรบุคคลจนกลายเป็นคนขี้เกียจ  ฟุ้งเฟ้อ  เป็นการสะสมยาพิษมาเรื่อยๆเป็นระยะเวลายาวนานจนออกฤทธิ์ร้ายทำลายประเทศให้พังพาบลงในที่สุด... อิริโกเยน (พ.ศ.2495) เป็นประธานาธิบดีที่เป็นต้นแบบในการใช้นโยบายประชานิยมเพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเอง  เช่นให้เงินเดือน ขรก.สูงๆ  เพิ่มเงินเดือนทหารและเพิ่มงบประมาณซื้ออาวุธให้กองทัพ  ให้เงินสนับสนุนรากหญ้าหรือเกษตรกรด้วยการประกันผลผลิตในราคาสูงเกินเหตุ  และให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ... แต่ประธานาธิบดีอาร์เจนจะลงเลือกตั้งสองสมัยติดกันไม่ได้  เดอ อัลเวีย  ประธานาธิบดีคนต่อมาเห็นว่านโยบายประชานิยมของอิริโกเยนมีผลเสีย  จึงพยายามปรับเปลี่ยนโดยการลดค่าใช้จ่ายต่างๆในภาครัฐลง  ทำให้ได้รับการต่อต้านมาก  ดังนั้นอิริโกเยนซึ่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อมาจึงได้รับเลือกกลับมาอีกครั้ง  พร้อมกับสัญญาว่าจะใช้เงินสนับสนุนจำนวนมากเหมือนครั้งที่แล้วอีก  เมื่อเข้ามาจึงสานต่อนโยบายเดิม  ทำให้งบประมาณขาดดุลย่อยยับ  จึงต้องไปกู้เงินมา  ในทางการเมืองก็เล่นวิชามารด้วยการพยายามครอบงำสภา... ปลายปีพ.ศ.2472 เกิดวิกฤติตลาดหลักทรัพย์สหรัฐล่มสลายครั้งใหญ่ที่สุด  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นเวลา 6ปี  รัฐบาลอาร์เจนจึงไม่มีเงินจะนำมาใช้ในโครงการประชานิยมได้อีก  เพราะเศรษฐกิจถดถอยทำให้เก็บภาษีไม่เพียงพอ  กู้อีกก็ไม่ได้เพราะหนี้เดิมก็ท่วมหัวแล้ว  ทำให้ต้องตัดค่าใช้จ่ายต่างๆในภาครัฐลง  ทำให้ประชาชนกลุ่มที่เคยได้รับผลประโยชน์ออกมาประท้วง  ภายในพรรครัฐบาลก็เกิดการแตกแยกอย่างรุนแรง  ความวุ่นวายแผ่ลามไปทั่วจนทหารต้องออกมาปฏิวัติ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลังปฏิวัติ  ทหารได้จัดให้มีการเลือกตั้งโดยใช้กลโกงช่วยเหลือพรรคการเมืองที่ตนเองสนับสนุน  และห้ามพรรครัฐบาลประชานิยมของอิริโกเยนลงเลือกตั้งด้วย... เศรษฐกิจของอาร์เจนเริ่มฟื้นตัวขึ้นค่อนข้างเร็วกว่าประเทศอื่น  เพราะพื้นฐานอาร์เจนเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งผลิตสิ่งจำเป็นอย่างอาหารส่งออก  แต่ก็มีมาตรการอื่นร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย  เช่นตัดรายจ่ายโครงการประชานิยม  ลดค่าเงิน  ขึ้นภาษีขาเข้า... รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่เริ่มนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมโดยส่งเสริมการผลิต  ทำให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมายในเขตเมืองหลวง  ทำให้คนต่างจังหวัดอพยพเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นจำนวนมาก  จึงสร้างความแออัดและปัญหาสังคมที่เลวร้ายขึ้นอีก... ต่อมาไม่นาน  เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2  ทำให้อาร์เจนประสบปัญหาเศรษฐกิจอีก  เนื่องจากตลาดสำคัญของอาร์เจนเป็นประเทศแถบยุโรป  ซึ่งเป็นสมรภูมิรบในขะนั้น  อาร์เจนจึงหันไปเปิดตลาดใหม่ที่สหรัฐ  แต่ก็ถูกสหรัฐใช้มาตรการกีดกันต่างๆนานา... เมื่อเศรษฐกิจมีทีท่าว่าไม่ดีขึ้น  และพรรคฝ่ายค้านก็ดูจะคะแนนเสียงดีขึ้นมา  ทหารจึงปฏิวัติอีก  แต่ทหารเองก็แบ่งกันหลายก๊ก  เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็มีปฏิวัติซ้อนขึ้นมาอีก  คราวนี้ทหารไม่จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นมาอีก  แต่เข้าปกครองประเทศเอง  และงัดนโยบายอันเด็ดดวงของอิริโกเยนขึ้นมาใช้เรียกคะแนนนิยมในทันที... หลังรัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศได้ปีนึง  เนื่องจากทหารมีหลายก๊กหลายพวก  เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เกิดการปฏิวัติขึ้นมาอีก  โดยมีนายทหารคนนึง  คือพันเอกฮวน เปรอน เข้าร่วมด้วย... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กาลามสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนชนชาวกาลามะ ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ 1.อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา 2.อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบต่อกันมา 3.อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ 4.อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำรา 5.อย่าปลงใจเชื่อด้วยตรรก 6.อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอนุมาน 7.อย่าปลงใจเชื่อเพราะการตรึกตรอง 8.อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตนเอง 9.อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ 10.อย่าปลงใจเชื่อเพราะท่านเป็นครูของเรา "การได้รับรู้รับฟังตามๆ กันมา แม้จะเป็น พ่อ แม่ ครู อาจารย์ พี่น้อง เพื่อนสนิท ฯลฯ พูดให้ฟังก็ตาม ยังไม่ควรเชื่อในทันที" โดย เฉพาะการมีคนว่าร้ายใครก็ตาม ควรตั้ง สติ ให้ดีก่อน ควรถามหาเหตุผลและหลักฐานก่อนจึงจะค่อยเชื่อ ไม่ควรใช้อารมณ์ความรู้สึกของคนพูดและของตัวเองตัดสินผู้อื่นโดยขาดเหตุผล และหลักฐาน โดยไม่รอรับฟังเหตุผลของผู้ถูกกล่าวหาก่อน แต่ทำไมนะคนเราถึงชอบฟังคำโกหก สิ่งที่เหลือเชื่อ คุณละเป็นอย่างนั้นไหม แล้วใครกันละที่เชื่อกันอย่างโง่งมงาย เชื่อโดยไม่มีเหตุมีผล จากคุณ : คบคนพาล พาลพาไปหาผิด (Amergedon) - [ 8 เม.ย. 49 23:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ฮวน เปรอน  เป็นคนที่มีบุคลิกดี  ฉลาด  วิสัยทัศน์กว้างไกล  เขาเล็งเห็นว่ากรรมกรจะเป็นฐานเสียงที่สำคัญของการเมือง  เนื่องจากนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ  จึงมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมาย  ทำให้มีสหภาพแรงงานเกิดขึ้น  ฮวน เปรอน จึงเข้าไปตีสนิทและสนับสนุนผลประโยชน์ให้กลุ่มกรรมกร  เช่นเป็นตัวสำคัญที่ก่อให้เกิดการตั้งทบวงแรงงาน  และเป็นรัฐมนตรีทบวงแรงงานคนแรกด้วย  ทำให้กลุ่มกรรมกรจงรักภักดีในตัวเขามาก... เมื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม  ฮวน  เปรอน  ได้ขยายฐานอำนาจด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีในการหางบประมาณเพิ่มให้กองทัพ  สนับสนุนการซื้ออาวุธใหม่ๆ  เพื่อซื้อใจกองทัพให้จงรักภักดีในตัวเขา... ฮวน เปรอน  ได้รับเลือกตั้งเป็นประนาธิบดีในปี พ.ศ.2489  มีฐานเสียงทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น  พรรคของเขาจึงมีฐานและกลไกพร้อมเข้าไปควบคุมรัฐสภาอย่างท่วมท้น  ต่อมาเปรอนจึงแก้ไขรัฐรรมนูญให้ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้เกินกว่า 1 สมัย... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อเป็นประธานาธิบดี  เปรอน  ได้วางนโยบายเช่น - ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของภาคเอกชนเต็มที่  โดยให้การช่วยเหลือด้านทุน  เช่นการลดดอกเบี้ย  จำกัดและห้ามนำเข้าสินค้าที่เป็นคู่แข่ง  ยกเว้นภาษีขาเข้าจำพวกวัตถุดิบและเครื่องจักรให้ - ตั้งรัฐวิสาหกิจจำพวกอุตสาหกรรมหนักเพิ่มขึ้น  โดยให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ - ยึดกิจการต่างชาติบางอย่างมาเป็นของรัฐ  โดยเฉพาะโทรคมนาคมและตั้งสายการบินแห่งชาติขึ้น - สนับสนุนให้กรรมกรและข้าราชการมีรายได้มากขึ้น  และส่งคนของตัวเองไปควบคุมกิจการของสหภาพแรงงานโดยใช้วิชามาร  เช่น ยุแหย่ให้แตกแยกกันเอง  แล้วเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งของสหภาพให้ฝ่ายตัวเองชนะ - ตั้งองค์กรสวัสดิการสังคมขึ้นเพื่อแจกเงินและสิ่งของโดยภรรยาประธานาธิบดีคืออีวิต้า  เพื่อสร้างภาพ  เป็นการปูฐานคะแนนเสียง - ตั้งหน่วยโฆษณาชวนเชื่อ  เพื่อโปรโมทความสำเร็จของรัฐบาล  และสร้างภาพลักษณ์ที่สวยหรูให้เปรอนและอีวิต้า  เข้าแทรกแซงและปิดหนังสือพิมพ์ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นโยบายของเปรอนมีผลทันตา  เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่สูงมาก  เนื่องจากปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง  โดยเฉพาะการใช้จ่ายจำนวนมากของภาครัฐ  การขยายตัวของการบริโภคอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเพิ่มรายได้ของกลุ่มกรรมกรและข้าราชการที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการประชานิยมของรัฐ  และการลงทุนระดับสูงที่เกิดจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นพิเศษ... การขยายตัวทางเศรษฐกิจ  และการกินดีอยู่ดีทันตาเห็น  ทำให้เปรอนได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น... ในขณะนั้นชาวอาร์เจนส่วนมากไม่รู้ว่ารัฐบาลได้วางระเบิดเวลาไว้ให้พวกเขานั่งทับ  ไม่รู้ว่าผลผลิตที่เพิ่มขึ้นที่ทำให้พวกเขากินดีอยู่ดีนั้น  นำไปสู่การขาดดุลการค้าระดับสูง  เพราะผู้ผลิตต้องนำเข้าเครื่องจักรและวุตถุดิบเพื่อผลิตสิ่งต่างๆในการบริโภคภายในประเทศ  ไม่ใช่เพื่อส่งออก ... รัฐบาลจึงปิดการขาดดุลด้วยการใช้เงินสำรองของประเทศ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนฮวน  เปรอน เข้ารับตำแหน่ง  อาร์เจนมีเงินทุนสำรองในรูปเงินตราต่างประเทศสงถึง 2.5 เท่าของการนำเข้าต่อปี  ผ้เชี่ยวชาญคำนวณว่าเป็นประมาณ70% ของเงินทุนสำรองของประเทศละตินอเมริกาแทบทั้งหมด... แต่เปรอน  ได้ใช้เงินสำรองของประเทศจำนวนมากจนหมดสิ้นในเวลาต่อมา... ถึงแม้รัฐบาลจะลดค่าเงินเปโซเพื่อจะทำให้สินค้าส่งออกถูกลงและส่งออกได้มากขึ้น  พร้อมกับทำให้สินค้านำเข้าแพงและการบริโภคลดลง  แต่ยังไม่สามารถปิดดุลการค้าได้  ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลไม่ยอมลดค่าใช้จ่ายของรัฐโดยเฉพาะเงินสวัสดิการประชานิยมและงบประมาณทหาร  เพื่อรักษาฐานอำนาจทางการเมืองไว้... เมื่อปิดดุลการค้าไม่ได้  และงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น  รัฐบาลก็หันไปกู้เงิน  พร้อมพิมพ์ธนบัตร  การลดค่าเงินและพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ  ทำให้ผู้กินเงินเดือนประจำลำบากทันที  จึงขอค่าจ้างและเงินเดือนเพิ่มขึ้น  เมื่อไม่ได้ก็ประท้วงบ้าง  หยุดงานบ้าง  เป็นข้ออ้างให้ทหารกลุ่มหนึ่งทำการปฏิวัติ  แต่ไม่สำเร็จ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อมีความวุ่นวายเกิดขึ้น  รัฐได้ใช้อำนาจปราบปรามการต่อต้านด้วยวิธีต่างๆอย่างรุนแรง  อีวิต้าผู้ภรรยาก็ก่อตั้งกองกำลังลับๆของตนขึ้นมา  ซึ่งเงินที่ใช้ในการก่อตั้ง  ล้วนมาจากความฉ้อฉลแผ่นดินทั้งสิ้น... พ..2495 ฮวน เปรอน  ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง  เปรอนพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ  แต่ก็ไม่สำเร็จ  เพราะนยบายและมาตรการต่างๆล้วนขัดกันอยู่ในตัวเอง... ส่วนกลุ่มคนที่เคยได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยม เมื่อรัฐบาลไม่ตามใจอีกเนื่องจากไม่มีเงินก็ประท้วงกันอย่างกว้างขวาง   รัฐบาลตอบโต้ด้วยการใช้กำลังลับและฝงชนที่ปลุกปั่นขึ้น  เมื่อบาทหลวงไม่เหนด้วยและออกต่อต้าน  เปรอนก็จับบาทหลวงขังคุก ประเทศเข้าสู่ภาวะจลาจล... กองทัพอากาศไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเปรอน  จึงส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่ทำเนียบประธานาธิบดี  แต่เปรอนรอดตัว  จนในที่สุดกองทัพบกทนไม่ไหวจึงก่อการปฏิวัติ  เปรอนจึงหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หลังจากนั้นอาร์เจนก็อยู่ในวังวนการปฏิวัติช่วงชิงอำนาจตลอดเวลา  เศรษฐกิจล้มลุกคลุกคลาน  เงินทุนสำรองหมดประเทศ  จนต้องไปกู้เงินไอเอ็มเอฟในปี พ.ศ. 2500... ข้ามไปถึงปี 2516  ฮวน  เปรอน  กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น  เขากลับมาคราวนี้พร้อมกับอิซาเบล  ภรรยาคนใหม่... เมื่อกลับมา  เปรอนก็งัดนโยบายเดิมๆมาใช้อีก  และเป็นโชคดีของเขาที่ช่วงนั้นราคาวัตถุดิบในตลาดโลกสูงขึ้นมาก  ทำให้อาร์เจนมีรายได้จากการส่งสินค้าเกษตรกรรมได้มาก  และสามารถเก็บเงินสำรองได้อย่างรวดเร็ว  ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นย่อมสร้างภาพลักษณ์ให้กลุ่มที่นิยมเขามากขึ้นอีก... แต่ถัดมาอีกปี  เปรอนได้เสียชีวิต  อิซาเบลผู้ภรรยาจึงก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสืบต่อ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปี2517 เป็นปีที่น้ำมันในตลาดโลกขึ้นราคาราว4 เท่า เนื่องจากปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง  ทำให้น้ำมันและสินค้านำเข้าทุกอย่างในอาร์เจนแพงขึ้นด้วย  อาร์เจนยังถูกซ้ำเติมด้วยการห้ามนำเข้าเนื้อวัวของประเทศในยุโรป  เพราะโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยระบาด... ทั้งที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะร่อแร่  ประธานาธิบดีกลับหันไปใช้นโยบายประชานิยมเพื่อสร้างความนิยมให้ตัวเอง  เกิดการแตกแยกและโกงกินในรัฐบาลมากขึ้น  ต้องเปลี่ยนค.ร.ม.กันบ่อยๆ ... เมื่อรายได้ไม่พอชำระหนี้และเพื่อปิดงบประมาณ  รัฐบาลก็ไปใช้เงินสำรองและเพิ่มการพิมพ์ธนบัตร  เงินสำรองหมด  พร้อมกับการเกิดเงินเฟ้อในอัตราเดือนละ30%  ทำให้อาร์เจนเศรษฐกิจล่มสลายจนต้องหันไปกู้ไอเอ็มเอฟอีกในปี 2518... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 8 เม.ย. 49 23:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เหตุการณ์วุ่นวายจนทหารออกมาปฏิวัติในปี พ.ศ.2519  พร้อมกวาดล้างฝ่ายตรงกันข้ามอย่างรุนแรงจนแทบจะเป็นสงครามกลางเมือง... เมื่อปราบฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อย    รัฐบาลได้วางรากฐานเศรษฐกิจโดยเน้นหลักตลาดเสรี เช่น... - ลดค่าเงิน - ตั้งอัตราดอกเบี้ยสูง - ลดภาษีขาเข้า - พยายามขายรัฐวิสาหกิจ -ลดรายจ่ายภาครัฐ - ห้ามขึ้นค่าจ้างแรงงาน (เพื่อทำลายอำนาจและฐานการเมืองของกลุ่มกรรมกร) จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 00:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาตรการเหล่านี้มีผลทั้งบวกและลบ  ด้านบวกคือเงินเฟ้อบรรเทาลง  พร้อมการขยายตัวในอัตราสูงของภาคเกษตร  ทำให้ประเทศมีรายได้จำนวนมากจากการส่งออก  เงินทุนจากต่างประเทศค่อยๆไหลกลับเข้ามาส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนในกิจการต่างๆ  และเพื่อให้กู้  การไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศทำให้อาร์เจนสามารถสะสมเงินสำรองของประเทศได้ถึงระดับเหมาะสมกับฐานทางเศรษฐกิจ... ส่วนด้านลบ  ภาคอุตสาหกรรมในประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุด  กิจการและโรงงานที่ขาดประสิทธิภาพแต่อยู่ได้ด้วยกำแพงภาษีและการสนับสนุนของรัฐล้มละลายเป็นจำนวนมาก  ก่อให้เกิดภาวะว่างงานและกลุ่มกรรมกรต้องยากจน  แม้เงินเฟ้อจะลดลง  แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงจึงมีผลกระทบต่อผู้มีรายได้จำกัด... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 00:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาตรการที่ตั้งขึ้นเพื่อดูดเงินทุนต่างประเทศได้ผลดี  เงินทุนจำนวนมากหลังไหลเข้ามาเข้ามาเพื่อหาผลต่างจากดอกเบี้ย  สถาบันการเงินจึงมีทุนท่วมท้นที่จะให้กู้  จึงมีการแข่งขันกันอย่างมากในการแย่งชิงลูกค้า  ผลจากการแข่งขันทำให้มีการให้กู้ยืมอย่างหละหลวม  ปราศจากทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอบ้าง  ส่วนมากจะกู้ไปบริโภคเนื่องจากสินค้าต่างประเทศถูกลง  ชาวอาร์เจนแสวงหาความร่ำรวยอย่างเต็มที่ทั้งการปั่นหุ้น  หรือเก็งกำไรที่ดิน... การหมุนเวียนของเงินจำนวนมากทำให้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจขยายตัวเต็มที่  แต่มันเป็นเพียงภาพหลอนของภาวะที่เรามักเรียกกันว่า "ฟองสบู่"  นั่นคือเศรษฐกิจบางตัวถูกกระตุ้นให้ขยายตัว  แต่ส่วนมากไม่ได้นำไปสู่การขยายฐานและการผลิตเพิ่มขึ้น... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 00:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างนี้นี่เอง เข้าใจขึ้นเยอะเลย เอาอีกครับ  ขอให้จบเลยนะครับ  คุณแพรร่ำ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 49 00:40:43 จากคุณ : masueoh - [ 9 เม.ย. 49 00:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ช่วงนั้นโลกกำลังประสบปัญหาการขึ้นราคาน้ำมันครั้งใหญ่อีก  เนื่องจากการโค่นบัลลังก์พระเจ้าซาห์แห่งอิหร่าน  อาร์เจนจึงขาดดุลการค้าหนักข้ออีก  เมื่อชาวต่างชาติเหนจความไม่ชอบมาพากลจึงเริ่มถอนเงินออกไป  สถาบันการเงินบางแห่งไม่มีเงินให้ถอนเนื่องจากเก็บจากลูกค้าไม่ได้  เพราะเงินที่กู้ไปไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทน  ทำให้ฟองสบู่แตกเมื่อธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งล่มสลาย  อาร์เจนเข้าสู่ภาวะวิกติอีกครั้ง... ผลกระทบของวิกฤติและมาตรการแก้ไขของรัฐบาลทำให้ชาวอาร์เจนประท้วงและพยายามกดดันให้รัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้ง  แต่ทหารกลับปฏิวัติกันเอง... นอกจากจะไม่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้ว  รัฐบาลกลับใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการก่อกรณีพิพาทเรื่องหมู่เกาะฟอล์คแลนด์กับอังกฤษ... สงครามครั้งนี้เบี่ยงเบนความสนใจของชาวอาร์เจนจากภาวะเศรษฐกิจได้  แต่อาร์เจนต้องยอมแพ้ในที่สุด... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 00:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายอันเกิดจากสงครามครั้งนั้น  ทำให้เศรษฐกิจยิ่งทรุดหนักถึงขั้นล้มละลาย  รัฐบาลจึงเปลี่ยนผู้นำและกำหนดการเลือกตั้ง  แต่ก่นอเลือกตั้ง  รัฐบาลได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเข้าสู่ภาวะล้มละลาย  เมื่อไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยเงินกู้จากต่างประเทศได้ทัน  เช่น  ลดค่าเงิน  และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ  มาตรการเหล่านี้ทำให้รัฐบาลได้รับเงินกู้กเฉินจากไอเอ็มเอฟ(อีกแล้ว) เพื่อใช้หนี้ต่างประเทศเมื่อถึงกำหนด  แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจถดถอยยิ่งขึ้น  พร้อมกับเงินเฟ้ออัตราปีละกว่า 400%... ต่อมา  อาร์เจนติน่าจึงได้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งในปลายปี2526  คือ  ราอูล  อัลฟองซิน... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 00:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขณะที่ประธานาธิบดีราอูล  เข้าบริหารประเทศนั้น  เศรษฐกิจของประเทศวิกฤติถึงขั้นล้มละลาย  อาร์เจนเป็นหนี้ต่างประเทศถึง 45,000 ล้านดอลล่าร์   เมื่อดอกเบี้ยในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 2 เท่า  ภาระหนี้ก็ยิ่งหนักขึ้น  ดังนั้นเงินกู้ฉุกเฉินที่ได้จากไอเอ็มเอฟจึงช่วยชำระหนี้ได้ชั่วคราวเท่านั้น  พองวดต่อไปมาถึง  อาร์เจนไม่มีเงินจ่ายหนี้  จึงต้องค้างหนี้ไว้  ภาวะเงินเฟ้อในประเทศก็เลวร้ายลงอีก... แต่แทนที่รัฐบาลจะลดค่าใช้จ่ายลง  กลับใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อเพิ่มค่าจ้างและสงเคราะห์คนจนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ  การใช้จ่ายมากยิ่งทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก... เมื่อรายได้ขาดดุลอย่างหนัก  รัฐจึงปิดงบประมาณด้วยการพิมพ์แบ็งค์เพิ่ม  อัตราเงินเฟ้อจึงพุ่งพรวดเป็น 1,000%  รัฐบาลจึงต้องไปกู้ไอเอ็มเอฟอีก... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 01:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กลางปี พ.ศ. 2528  รัฐบาลตกลงที่จะใช้มาตรการเข้มงวดใหม่อย่างจริงจัง  ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง  แต่การลดค่าใช้จ่ายของรัฐทำให้เกิดผลกระทบรายได้ของคนจำนวนมาก  ทำให้มีการประท้วงหยุดงาน  ในที่สุดรัฐและนายจ้างต้องยอมแพ้  ภาวะเงินเฟ้อกลับมาอีก  รัฐจึงต้องลดค่าเงินเป็นระยะ  เพื่อให้สินค้าอาร์เจนราคาสู้กับผู้ผลิตอื่นในตลาดโลกได้ ... แม้เศรษฐกิจจะพ้นวิกฤติแล้ว  แต่ก็ไม่ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  มีการกู้เงินเพิ่มเพื่อใช้หนี้เก่า  ทำให้อาร์เจนมีหนี้หนักขึ้นไปอีก  หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น69,000 ล้านดอลล่าร์... พ.ศ.2531  อาร์เจนได้ประนาธิบดีคนใหม่ชื่อ  คาร์ลอส  เมนเนม... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 01:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เมนเนมได้พยายามเปลี่ยนเศรษฐกิจไปสู่ระบบตลาดเสรีมากขึ้น  มาตรการหลักที่สำคัญได้แก่... - ขายรัฐวิสาหกิจให้เอกชนอย่างจริงจัง รัฐวิสาหกิจส่วนมากของอาร์เจนขาดประสิทธิภาพ  เพราะมีคนงานเกินความจำเป็นเนื่องจากนักการเมืองฝากเข้ามากันมาก  และขาดการบริหารจัดการที่ดี  จึงทำให้ขาดทุน  การขายรัฐวิสาหกิจทำให้ลดหนี้ต่างประเทศได้จำนวนหนึ่ง  เนื่องจากสามารถต่อรองให้เจ้าหนี้ต่างประเทศซื้อรัฐวิสาหกิจได้ในราคาสูง... รัฐบาลตั้งอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวกับเงินดอลล่าร์  เพื่อประกันว่าค่าของเงินจะมั่นคง  เป็นการลดความเสี่ยงให้นักลงทุน  เพื่อหวังดูดเงินต่างประเทศ... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 01:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาตรการต่างๆมีผลดีเกินคาด  อัตราเงินเฟ้อลดเหลือเพียง10%  ซึ่งก่อนหน้านั้นอัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนเฉลี่ยเกือบ 400%ต่อปี  เศรษฐกิจขยายตัวถึง8%   เสถียรภาพทางเศรษฐกิจทำให้เมเนมได้รับความนิยมมาก  จึงได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกสมัย... เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเม็กซิโก  จึงส่งผลกระทบอย่างแพร่หลายต่อประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลก... อาร์เจนจึงเริ่มเข้าสู่วิกฤติอีกรอบ  ค่าเงินดอลล่าร์แข็งตัวขึ้นจึงทำให้ค่าเงินเปโซแข็งขึ้นด้วย  ผลที่ตามมาทำให้สินค้าอาร์เจนแพงขึ้นในตลาดโลก  ทำให้ขายได้น้อยลง  รัฐบาลจึงไปกู้เงินไอเอ็มเอฟอีกครั้งต้นปี พ.ศ. 2541 จำนวน2,800 ล้านดอลล่าร์... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 01:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โห  พี่ขยันจัง จากคุณ : masueoh - [ 9 เม.ย. 49 01:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นอกจากต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว  ยังมีเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองที่สร้างความสั่นคลอนให้อาร์เจนคือการโกงกินอย่างแพร่หลายใน ค.ร.ม.  รวมทั้งเครือญาติของประธานาธิบดีเอง... อีกด้านคือการลอบสังหารนักข่าวที่นำเรื่องคดโกงออกมาเปิดเผย  ตำรวจไม่สามารถให้ความกระจ่างได้นอกจากบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตายเองของนักข่าว  สร้างความอึมครึมสิ้นศรัทธาแก่ประชาชนโดยทั่วไป... ปลายปี2542  ชาวอาร์เจนได้เลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่คือ เฟอร์นาน โด เดอลา รัว... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 01:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เดอ ลารัว ต้องเผชิญภาระที่หนักอึ้ง  คือหนี้สินต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 144,000 ล้านดอลล่าร์ เศรษฐกิจหดตัว 3.5%...   รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาด้วยมาตรการต่างๆเพื่อจะขอกู้เงินไอเอ็มเอฟเพิ่มและผ่อนผันการชำระหนี้  มาตรการหลักมุ่งไปที่การลดการขาดดุลด้านงบประมาณด้วยการขึ้นภาษีและตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  เช่น เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี  ซึ่งเมนเนมซื้อมาในสมัยเป็นประธานาธิบดีราคา66ล้านดอลล่าร์  มาตรการเหล่านี้ทำให้รัฐบาลกู้เงินไอเอ็มเอฟได้อีก 7,400ล้านดอลล่าร์... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 02:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รัฐบาลได้เปลี่ยนกฏหมายแรงงานด้านต่างๆเพื่อลดค่าใช้จ่ายของนายจ้างและลดอำนาจการต่อรองของสมาคมเพื่อกระตุ้นการลงทุน  สหภาพกรรมกรจึงประท้วงอย่างกว้างขวาง  และเกิดปะทะกับตำรวจ...รัฐบาลตัดงบประมาณและลดเงินเดือนข้าราชการ 15%  ก่อให้เกิดการหยุดงานทั่วประเทศ... มาตรการของรัฐบาลได้ผลในการลดการขาดดุลของรัฐและป้องกันมิให้เกิดเงินเฟ้อตามที่ไอเอ็มเอฟเรียกร้อง  แต่มันทำให้เศรษฐกิจถดถอยและการว่างงานขยับสูงขึ้น  รัฐพยายามแก้ปัญหาต่อไปด้วยการขึ้นภาษี  และขออำนาจฉุกเฉินจากสภาให้ประธานาธิบดีขายรัฐวิสาหกิจ  การพยายามเปลี่ยนเงื่อนไขในการใช้หนี้ต่างประเทศโดยลำพัง  และการไล่ผู้ว่าแบ็งค์ชาติออก  สร้างความตกใจให้นักลงทุน  ทำให้ตลาดหุ้นตก  เงินไหลออกนอกประเทศมากขึ้น... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 02:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รัฐบาลพยายามของเงินจากไอเอ็มเอฟเพิ่มอีก  แต่ครั้งนี้รัฐบาลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่ไอเอ็มเอฟต้องการอีกได้  เมื่อไม่มีทางออกรัฐบาลก็ประกาศลดเงินเดือนและจำกัดจำนวนเงินที่ชาวอาร์เจนจะถอนได้จากธนาคาร  ทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงทั่วประเทศ  มีการทำลายสาธารณะสมบัติและบุกเข้าไปขนของในร้านรวงต่างๆ  ทำให้มีคนเสียชีวิต  เป็นผลให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจและสังคมร้ายแรงอีกครั้ง  ประธานาธิบดีจึงต้องลาออกในปี พ.ศ.2544... หลังแต่งตั้งประนาบดีคนใหม่ประชาชนก็ยังประท้วงกันต่อไป  เพราะนอกจากรัฐบาลจะดำเนินตามนโยบายเดิมแล้ว  ยังแต่งตั้งนักการเมืองที่เคยมีประวัติโกงกินสมัยเมเนมเป็นร.ม.ต.อีก... ชาวอาร์เจนเริ่มอดอยากอย่างแพร่หลาย  มีเด็กเป็นโรคขาดสารอาหารทั่วไป  ในตอนกลางคืนจะมีผ้คนออกเก็บของตามถังขยะในย่านต่างๆทั่วเมืองเพื่อยังชีพ  ความอดอยากและคับแค้นทำให้ประชาชนบางกลุ่มออกประท้วงอย่างรุนแรงและถูกปราบปรามจากตำรวจ... ประธานาธิบดีคนใหม่ไม่รู้จะบริหารประเทศและหาทางออกยังไงต่อไป  จึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งต้นปี พ.ศ. 2546... ข้อมูลจาก  ประชานิยม  หายนะจากอาร์เจนติน่าถึงไทย  โดย ดร.ไสว บุญมา... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 02:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณเพื่อน ๆ มากค่ะที่มาเข้ามาตอบค่ะ ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นเลย ไม่เห็นเหมือนคนอื่นที่เค้าเล่าให้ฟังเลยว่า อาร์เจนขายรัฐวิสาหกิจเลยทำให้ ประเทศเจ๊งเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 49 12:01:17 จากคุณ : Ja-E'Jr - [ 9 เม.ย. 49 10:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 35 การขายรัฐวิสาหกิจเป็นปลายเหตุแล้ว  ต้นเหตุจริงๆก็อย่างข้อมูลที่ให้มานี่แหละ...อาร์เจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวเกิดจากการบริหารผิดพลาดและการโกงกินมโหฬารของนักการเมืองสืบต่อกันมา...รัฐบาลเลยต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อเอามาใช้หนี้เป็นการเอาตัวรอดไปก่อน  เมื่อมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามา  และรัฐไม่ต้องแบกรับภาระรัฐวิสาหกิจในขณะที่ตัวเองก็แบกหนี้ไว้จนหลังแอ่น  ก็ทำให้เศรษฐกิจในช่วงต่อมาดีขึ้น...แต่ประชาชนโดยส่วนมากก็รับกรรมไปอีตรงที่ต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคแพงมหาโหดนี่แหละ... รัฐบาลแกฉลาดคือเล่นค่อยๆขายหุ้นรัฐวิสาหกิจไปเรื่อยๆ50%มั่ง  เดี๋ยวก็อีก10%มั่ง  ขายไปเรื่อยๆจนขายครบ 100%เข้า... ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากำไรจากรัฐวิสาหกิจที่คืนเม็ดเงินอาร์เจนไปสู่ประเทศที่เป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจเป็นจำนวนมากนั้น  จะสำแดงเดชอะไรต่อสภาวะเศรษฐกิจของอาร์เจนในอนาคตบ้าง... จากคุณ : แพรร่ำ - [ 9 เม.ย. 49 12:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เอาล่ะ เลือกได้แล้ว สว. ขอเลือก คุณนิติภูมิ นวรัตน์ละกัน จากคุณ : DirtyDuck - [ 10 เม.ย. 49 01:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คัดลอกมาจาก นสพ.ไทยรัฐ ปีที่ 56 ฉบับที่ 17466 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2548 คอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก ไอ้ผู้นำนายทุนปล้นชาติ     นิติภูมิไม่เห็นด้วยกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจช่วงที่อาร์เจนตินาแตกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม พ.ศ.2545 ผมได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนชั้นที่ 10 อาคารเลขที่ 883 ถนนแอฟวะนิว-คอร์โดบา กรุงบูเอโนสไอเรส เลขานุการชั่วคราวบนชั้นที่ 10 มีชื่อว่า นางอเดรียนา นูเนียซ อเดรียนาเคยทำงานอยู่ในรัฐวิสาหกิจผลิตแก๊สที่ชื่อ ทรานสปอรตา โดรา เด กาซ เดล นอรเต ทำมาตั้งแต่จบการศึกษาใหม่ๆ จนถึง พ.ศ.2537 ประเทศของเธอก็มีประธานาธิบดีที่อยาก จะรวยเร็ว รวยล้นฟ้า วิธีที่จะทำให้รวยเร็วล้นฟ้าก็คือ การขายสมบัติของชาติให้กับ พรรคพวกของตนในราคาถูก ในห้วงช่วงตอนแรก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจลุกขึ้นมาคัดค้าน รัฐบาลอาร์เจนตินาสมัยนั้นก็ฉลาด ประกาศให้เศษหุ้น 5% กับพนักงาน พนักงานของรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่จึงเงียบ เงินมา ขาหยุด (เดินขบวน), โฆษณามา ปากกาหยุด (เขียนความจริง) อเดรียนาก็เงียบด้วยเมื่อรัฐบาลประกาศจะให้หุ้นพนักงาน 5% การแปรรูปในอาร์เจนตินาก็จึงเริ่มทำกันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2537... ...ทรานสปอรตา โดรา เด กาซ เดล นอรเต รัฐวิสาหกิจที่ผลิตแก๊สธรรมชาติทางเหนือ ของประเทศ ถูกนำมาออกขายให้ประชาชนก่อน ภายในเวลาไม่นานนัก บริษัทโนวาคอร์ปของแคนาดาก็สามารถรวบรวมหุ้นไว้ได้ทั้งหมด สมบัติชาติชิ้นนี้จึงกลายเป็นของบริษัทต่างชาติภายในเวลาไม่ถึง 5 ปี ...ทรานสปอรตา โดรา เด กาซ เดล โซร รัฐวิสาหกิจผลิตแก๊สทางตอนใต้ ก็ถูกรัฐบาลแปรรูปเช่นกัน ตอนแรกขายให้บริษัทเอกชนอาร์เจนตินา ภายในเวลาไม่นาน หุ้นทั้งหมดก็ถูกขายไปให้บริษัทเอ็นรอนของสหรัฐฯ ...รัฐวิสาหกิจดิสตรี บูดีโอรา เมโทรโปลิตานา ผู้นำอาร์เจนตินาในสมัยนั้น ก็ขายให้กับบริษัท บริติชแก๊สของอังกฤษ ...รัฐวิสาหกิจดิสตรี บูดีโอรา บูเอโนสไอเรส นอรเต ผู้นำกระหายเงินได้ยักย้าย ถ่ายเทนำออกมาขายให้นักการเมืองที่เป็น พรรคพวกเพื่อนฝูงและพี่น้อง เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เมื่อประชาชนเริ่มลืม ไอ้พวกเพื่อนฝูงพี่น้องของมัน (มันก็คือไอ้ผู้นำกระหายเงิน) ก็รวบรวมเอาไปขายให้บริษัทสเปนที่มีชื่อว่า บริษัทเร็ฟซอล ...เมื่อรัฐวิสาหกิจเซนโตร กูซานา ถูกแปรรูปแล้ว หุ้นทั้งหมดก็ถูกรวบรวมไปขาย ให้บริษัทอิตัลแก๊สของอิตาลี การประปาแห่งอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีชื่อว่า โอบาสซานิตาริอาส ไอ้ชั่ว (คือไอ้ผู้นำนายทุนกระหายเงิน) มันจัดการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งมันขายให้บริษัท ลีอองเนส แด โช ของฝรั่งเศส สำหรับส่วนที่สอง มัน (มันก็หมายถึงไอ้ผู้นำนายทุน ปล้นสมบัติชาติ) และพวกของมัน (หมายถึงไอ้กลุ่มรัฐมนตรีนายทุนเหี้ยม อำมหิตปล้นสมบัติชาติ) ก็ค่อยๆทยอยซื้อสะสมจากผู้ถือหุ้นชาวอาร์เจนตินา เพื่อนำไปขายให้บริษัท แองกลิแอนของอังกฤษ องค์การโทรศัพท์และสื่อสารแห่งอาร์เจนตินาที่มีชื่อว่าเทเลคอมและเทเลโฟนิกา มัน (หมายถึงกลุ่มไอ้เหี้ยมอำมหิตปล้นสมบัติชาติ) ก็แปรรูปเหี้ยนเต้ไม่เหลือ บั้นปลายท้ายที่สุด มีบริษัท 3 แห่งไปกวาดซื้อหุ้น คือ บริษัท เอสทีอีทีของอิตาลี บริษัท ฟรองซ์ เคเบิ้ล เอ ราดิโอ ของฝรั่งเศส และบริษัท เทลโฟนิกา เด เอสปายา ของสเปน สายการบินแห่งชาติที่มีชื่อว่า เอโรลิเนียส อาร์เกนตินาส มัน (ไอ้ผู้นำนายทุนชั่ว) ก็จัดการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก่อนที่จะจัดการแปรรูป สุดท้าย พรรคพวกของมัน (ไอ้ผู้นำนายทุนชั่ว) ก็จัดการรวบรวมเอาไปขายให้บริษัท อีเบเรียของสเปน เดิมในอดีต นางอเดรียนาเคยเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตอนที่เจอกันกับผมนั้น เธอตกงานและไม่มีอะไรจะกิน สุดท้ายได้งานเป็นเลขานุการชั่วคราวเพื่อหาเศษเงินมา ประทังชีวิต ผมไม่สงสารนางอเดรียนาแม้แต่น้อย เพราะเธอเคยละโมบโลภมาก เคยหลงใหลได้ปลื้มในเศษหุ้น 5% และเงินชดเชยที่รัฐบาลเอามาล่อ เพราะละโมบ ชะตาหลังจากนั้นของเธอถึงตกต่ำ อาร์เจนตินาแปรรูปได้ไม่ถึง 10 ปี ประเทศก็เจ๊ง คนส่วนใหญ่ยากจน โสเภณีเต็มเมือง คนกลุ่มน้อยรวยล้นฟ้า สื่อทุกชนิดถูกปิดปาก (ด้วยโฆษณา) ไอ้ผู้นำกลายเป็นอดีตผู้นำผู้ร่ำรวย อพยพไปใช้เงินอยู่ที่สเปน.       นิติภูมิ นวรัตน์ จากคุณ : ลูกตาโจ๊ะ (โด๊ะ) - [ 10 เม.ย. 49 08:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ๊บๆๆๆๆๆๆ พฤหัสบดี พรุ่งนี้ เวลาเช้า 09.00-12.00 น. คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนนิติภูมิไปพูดรับใช้นิสิตปริญญาโท เรื่อง “Globalization and Privatization.” ที่ห้อง 1207 อาคารเรียนรวมพินิตประชานาถ พรุ่งนี้เช่นกัน เวลาบ่าย 13.00-14.20 น. สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ชวนนิติภูมิพูด “การศึกษากับการแก้ไขปัญหาของชาติ” ในหลักสูตร “ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง” รุ่น 10 นักศึกษารุ่นนี้มีทั้งผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ตัวแทนกระทรวงยุติธรรม และผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชน จำวน 70 ท่าน ณ ชั้น 7 ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก จากตัวอย่างการกระทำของผู้ใหญ่บางท่าน ทำให้ปัจจุบันทุกวันนี้ มีนักธุรกิจเลี่ยงกฎหมายไทย เพื่อก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมและคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจกันมากขึ้น เมื่อตัวใหญ่แก้กฎหมายให้ตัวเอง ไอ้ตัวรอง ตัวเล็ก ก็ถือโอกาสนี้ทำตามที่ตัวใหญ่เคยปฏิบัติและได้ผลมาก่อน ผลจากการกระทำของตัวใหญ่ ของตัวรอง และของไอ้ตัวเล็ก ทำให้อนาคตของราชอาณาจักรไทยเป็นประเทศถูลู่ถูกัง ที่แน่ๆ ก็คือ เราไม่สิ้นชาติ สิ้นเอกราชดอกหรอกครับ แต่เราจะจนตรอก ต่อไปในอนาคต ไอ้โน่นก็ของคนสิงคโปร์ ไอ้นี่ก็สมบัติของคนฮ่องกง ไอ้นั่นก็เป็นของกลุ่มคนอเมริกัน ฯลฯ กฎหมายและกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ในปัจจุบันนั้น ท่านสร้างมาเพื่อให้คนไทยเป็นเพียงลูกจ้าง คนไทยไม่สามารถจะเริ่มธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก และค่อยๆ เติบโตได้ เพราะทุนนอกขนาดใหญ่จะเข้ามาฟาดฟันบั่นทำลาย ตั้งแต่ธุรกิจไทยยังเป็นทารก เมื่อตายเสียครั้งตั้งแต่ยังแบเบาะ ก็ไม่มีโอกาสเติบโตเป็นวัยรุ่น เป็นชายฉกรรจ์ที่มีรูปร่างกำยำลํ่าสัน เพื่อจะปกป้องชาติ พิทักษ์แผ่นดินต่อไปในอนาคต ต่อไปมนุษย์ตัวใหญ่ที่เดินมาเดินไปในประเทศ ก็จะมีแต่คนต่างชาติ คนไทยนั้น บางท่านที่เป็นสตรีผู้มีรูปร่างหน้าตาดี ก็โชคดีที่มีโอกาสจะได้สตางค์อยู่บ้างจากกิจการบันเทิงเริงรมย์ และกิจการทางเพศต่างๆ แต่ถ้าหน้าตาไม่ดี ก็มีโอกาสเหมือนกันในงานเสมียน งานคนงาน คนใช้ คนขับรถรับจ้าง เป็นยาม ฯลฯ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปบรรยายที่โรงเรียนเสริมปัญญา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แม้ว่าหัวข้อจะเน้นไปในเรื่องทางการศึกษา แต่ทว่ามีท่านผู้ฟังถามกรณีการเข้ามาซื้อหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นกันเยอะ ประชาชนคนในต่างจังหวัดที่มีความรักในรัฐบาล ท่านก็ยังลุกขึ้นมาเถียงแทนว่า บริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ของสิงคโปร์ซื้อหุ้นชินฯเพียง 49% เราคนไทยจะไปกลัวทำไม ซื้อเกิน 51% เมื่อใดแล้วจึงถึงจะน่ากลัว ท่านหนึ่งซึ่งคงจะรักท่านผู้นำคนปัจจุบันของไทยมาก ลุกขึ้นมาพูดว่า เราเลือกผู้นำประเทศเพื่อปกป้องผองเราจากภัยธุรกิจข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจสิงคโปร์ ซึ่งแข่งขันกันกับประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมมาตลอด สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เป็นไอ้ปืด อีมืด คุณเปีšยก นายจอห์น นางลอนด้า หรือแม้แต่หมู หมา กา ไก่ ควาย จิ้งเหลน และหิ่งห้อย ฯลฯ ธรรมชาติของสิ่งที่มีชีวิตจะเลือกหัวหน้าของตนเพื่อปกป้องตนกันทั้งนั้น เหมือนพวกผมทั้ง 19 ล้านคนที่เลือกนายกฯทักษิณขึ้นมาเป็นหัวหน้า เราเลือกเพราะเชื่อว่า ท่านไม่มีทางมัดมือรัดเท้าพวกเราเพื่อไม่ให้เราแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ ไม่มีทางหรอกดอกคุณนิติภูมิ โนเวย์สเตชั่นที่ท่านจะปล่อยให้ใครหน้าไหนขายหุ้นบริษัทสำคัญ ของราชอาณาจักรไทยให้ต่างชาติเกิน 49% ขืนทำอย่างนั้น ท่านก็เป็นหัวหน้าประเภทนกกระสาที่กินกบเหมือนในนิทานอีสปนะซี เอ่ย นั่นมันในนิทาน ไม่เอาน่า คุณนิติภูมิ เรามาว่าถึงเรื่องจริงๆกันดีกว่า นิติภูมิตอบท่านว่า อ้า คุณกบครับ เอ๊ย ท่านผู้ฟังครับ กฎหมายไทยน่ะถูกแก้ถูกปู้ยี่ปู้ยำโดนกระทำเพื่อเปิดทางอ้าซ่าให้นกกระสา เอ๊ย ให้คนหัวใสซะมากมายหลายฉบับ กฎหมายไทยในปัจจุบันไม่สามารถเอาผิดนอมินีหรือผู้ถือหุ้นแทนกันได้ ผมถามท่านกบ เอ๊ย ถามผู้ฟังท่านนั้นว่า ท่านรู้จักกุหลาบแก้วไหมครับ ท่านตอบว่า แหม ก็อีกุหลาบแก้วลูกเจ้นํ้าฝนก้นซอยยังไงล่ะ ผมบอกว่า อ้า ไม่จ้าย บริษัทกุหลาบแก้วที่เป็นบริษัทพันธมิตรหรือ อัลลายแอนซ์ของบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ เมื่อบริษัทเทมาเส็กฯ ซื้อหุ้นบริษัทชินฯ 49% บริษัทกุหลาบแก้ว ก็ซื้อหุ้นในบริษัทชินฯ นี่ก็หมายความว่า อ้า สิงคโปร์น่าจะมีหุ้นจริงๆ เกิน 70-80% เชียวครับ ผู้ฟังท่านนั้นเงียบงันได้สักพัก พลันท่านก็ร้องอ๊บๆๆๆๆ กระโดดออกจากที่ประชุมไป ผมแปลกใจ ก็เห็นกันชัดๆ ว่าท่านเป็นคน ทำไมถึงร้องเป็นเสียงกบไปได้. นิติภูมิ นวรัตน์ จากคุณ : aob aobb aobbbbbbbbbbbbbbb (โด๊ะ) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:27:47 ]