CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ประวัติ นายโกตั๊บ แซ่ลิ้ม

    คัดลอกจาก ความคิดเห็นที่ 111  

    สนธิ ลิ้มทองกุล (7 ตุลาคม พ.ศ. 2490—)เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ผู้ดำเนินรายการกลางแจ้ง เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และเคยเป็นผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ก่อนที่ถูกระงับการถ่ายทอดเนื่องจากการกล่าวถึงพระราชอำนาจ
    ชีวประวัติ
    สนธิ ลิ้มทองกุล (ชื่อเดิม โกตั๊บ แซ่ลิ้ม) เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2490 เป็นลูกของนายวิเชียร แซ่ลิ้ม อดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง และเป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างผู่ ที่เมืองจีนไคเช็ค มีมารดาชื่อ ไชยย้ง แซ่ลิ้ม ตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นทำกิจการโรงพิมพ์ และพิมพ์หนังสือจีน จำหน่ายให้กับชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในในกรุงเทพฯ

    สนธิ จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น18 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับทนง พิทยะ หลังจากจบจากโรงเรียนประจำที่อัสสัมชัญศรีราชา สนธิ ถูกส่งตัวไปเรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน พร้อมกับเรียนวิชาวิศวกรรมเครื่องกลที่เมืองไถ่ต้า เป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่จะไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกา ศึกษาปริญญาตรีที่ยูซีแอลเอ เมืองลอสแองเจลีส และศึกษาปริญญาโท สาขาประวัติศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต เมืองโลแกน รัฐยูทาห์ นอกจากนี้ยังได้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาอักษรศาสตร์ ที่วิทยาลัยฮาร์ตวิคก์ เมืองโอนีโอนตา รัฐนิวยอร์ก และได้รับปริญญาสาขาประวัติศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายหลังจบการศึกษาได้ศึกษาต่อ MBA ที่ประเทศออสเตรเลีย

    สนธิ เข้าทำงานเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย เมื่ออายุได้เพียง 27 ปี จากนั้นได้ร่วมกับพอล สิทธิอำนวย ตั้งบริษัท Advance Media ในเครือพีเอสกรุ๊ป ออกหนังสือดิฉัน แต่ประสบปัญหาขาดทุน จึงได้ขายกิจการให้กับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา สนธิกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยการตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน ทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายเดือน เมื่อปี 2526 และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ จากความสำเร็จในการเป็นหนังสือแนวธุรกิจชั้นนำของผู้จัดการรายสัปดาห์และรายเดือน ทำให้สนธิ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2533

    ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และ อาจารย์พิเศษ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    สนธิได้บริจาคเงินสร้าง The Sondhi Limthongkul Center for Interdependence (The S.L. Center for Interdependence) ให้แก่วิทยาลัยฮาร์ตวิคก์

    ชีวิตส่วนตัว
    ภายหลังจากจบการศึกษาา สนธิเดินทางกลับเมืองไทย เมื่อปี 2516 และแต่งงานอยู่กินกับนางจันทร์ทิพย์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 9 ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แต่ปัจจุบันแยกกันอยู่

    ระหว่างที่สนธิ ศึกษาในมหาวิทยาลัยยูท่าห์ สนธิใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ”Sondy” แต่โดยส่วนใหญ่คนไทยและเพื่อนในมหาวิทยาลัยจะไม่ค่อยคบค้าสมาคมด้วย เพราะในเวลานั้นนายสนธิยังเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว จะทำอะไรให้ใครต้องมีผลประโยชน์ตอบแทน สนธิชอบทำตัวลึกลับ ทำให้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เรียนคณะอะไร เพราะสนธิ จะไม่พูดถึงภูมิหลังของตัวเอง ทำให้ไม่ค่อยมีใครทราบถึงเรื่องครอบครัวและเรื่องประวัติการศึกษาที่แท้จริงของสนธิมากนัก

    ประวัติของสนธี ก่อนทีจะมาเกลียดทักษิณ
    นายสนธิ เป็นคนฉลาดเกมโกง พูดเก่ง ความรู้สูง เป็นลูกน้องเก่าของนาย พอล สิทธิอำนวย ซึ่งโกงเงินธนาคาร ๒๐๐๐ พันล้านบาท ก่อนที่จะหลบหนีมาอยู่อเมริกาเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วนายสนธิเลยได้ผลประโยชน์โดยรับกิจการมีเดียต่อจากนายพอลโดยไม่ต้องเสียสตางค์แม้แต่บาทเดียวเพราะนายพอลโอนชื่อกิจการทั้งหมดมาให้แก่นายสนธิก่อนจะหลบหนีมาเสบสุขในอเมริกาพร้อมกับเงินที่ปล้นมาได้หลังจากนั้นนายสนธิก้ได้สถาปนาตัวเองเป็นเจ้าแห่งมีเดียของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก็ว่าได้

    (King of Media of Southeast Asia)กิจการมีเดียของนายสนธิก็เจริญขึ้นเรี่อยๆ มีทั้งหนังสือพิมพ์ แมกกาซีนรายการวิทยุและโทรทัศน์ท้งในและนอกประเทศจนเป็นที่ประทับใจของนักธุรกิจที่อยู่ในวงการมีเดียเป็นอย่างมากเมื่อขอเงินจากธนาคารก็มักจะไม่มีปัญหานายสนธิเลยซื้อกิจการทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่ามีเดีย

    มีกำไรหรือขาดทุนขอให้มีชี่อเป็นเจ้าของหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Publisher นายสนธิหมดตัวอย่างที่ดังที่สุด ครั้งสุดท้าย คือการซื้อแมกกาซีนอเมริกันที่มีฐานในนิวยอรค์และลอส แอนเจลสีส ชื่อ Buzz Magazineซี่งเป็นแมกกาซีนที่จะเจ้งอยู่แล้วแต่ความกะสันของนายสนธิที่อยากจะเห็นชื่อของตัวเองว่า Publisher: Sondhi Limthongkul

    เป็นเจ้าของแมกกาซีนฝร้งซึ่งลอบล้อมไปด้วยนักเขียนที่มีชื่อฝรั่งทั้งนั้นและการที่อยากโก้อวดฉลาดเลยซื้อด้วยราคาที่สูงลิ่ว ในราคา ๑๖๐๐ ล้านบาทหรือ ๔๐ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคนขายก็ไม่เชื่อกับตาเพราะโฆษณาขายแมกกาซีนนี้แต่ไม่มีหน้าไหนกล้ามาซื้อแม้แต่คนเดียวยังจำได้ว่าตอนเปิดตัวเจ้าของใหม่มีการกินเลี้ยงกันที่โรงแรมหรูใน Beverly Hills นายสนธิเดินชนแก้วนบันรีไวน์กับนักหนังสือพิมพ์ไทยในแอลแอด้วยความโก้หรูนายสนธิโก้อยู่ได้แค่ หนี่งปีสองเดือน Buzz ก้ต้องปิดกิจการเพราะไม่มีเงินจ่ายให้กับพนักงานฝร้งทั้งหลายนายสนธิพยายามจะขายต่อให้คนอื่นแต่ไม่มีใครอยากซื้อ เงิน ๑๖๐๐ล้านบาท ก็คือเงินจากแบ๊งไทยนั่นเอง

    นายสนธิมักจะกล่าวว่าเป็นคนสนับสนุนและช่วยให้คุณทักษินเป็นนายกเพราะฉะนั้นเขาก็คิดว่านายกทักษิณคงจะตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวของซึ่งบุคคลนี้เป็นคนสนิทของนายสนธิและคงจะมีสิทธิ์ปรุงแต่งให้เป็นหนี้ลดลงจาก๖๐๐๐ล้านบาทให้เหลือแค่๓๐๐ล้านบาท นายกตอบปฎิเสธทันทีและบอกว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายถ้าเป็นนายกบางคนในอดีตที่อยากได้เงินก็ไม่แน่อาจจะมีการต่อลองกับนายสนธิก็ได้หลังจากนั้นมานายสนธิก็สัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้นายกทักษิณออกจากตำแหน่งให้ได้โดยหวังว่าผู้นำคนใหม่อาจจะมีส่วนช่วยให้หนี้ก้อนโตนี้ออกจากอกของนายสนธิปัญหาของนายสนธิเป็นปัญหาที่เขาสร้างขั้นมาทั้งสิ้นไม่เกี่ยวกับการขาย้ชาติที่เขาเอามาอ้างกับประชาชน แลเขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้านายกทักษิณได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งนายสนธิจะไม่มีแผ่นดินอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน และอาจจะต้องเผ่นหนีมาอยู่อเมริกา เฉกเช่นเจ้านายเก่าของเขา เมี่อ ๓๐ ปีที่แล้ว

    ข่าวสารที่สื่อมาจากบุคคลผู้นี้และคณะเป็นข่าวสารด้านเดียว และพยายามยกตัวเองขึ้นเป็นผู้รู้หรือทางชาวบ้านเรียกว่าพหูสูตร ซึ่งคิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่องรู้ทุกอย่าไม่มีอะไรที่ตนไม่รู้ อะไรที่ไม่รู้ก็ต้องหามาให้ได้ไม่ว่าจะจริงจะเทจ หนักเข้าก็ถึงขนาดที่ว่า ไม่ว่าจะมีใครถามเรื่องอะไรก็จะตอบได้ทันใด แล้วไปสืบหาข่าวจริงเอาทีหลัง หากไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ท่านทั้งหลายคิดสิว่าพหุสูตรปลอมๆผู้นี้จะทำอย่างไร
    มีให้เลือกสองข้อคือ 1.ออกมาขอโทษในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป และ 2.ทำให้สิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเป็นเรื่องจริงเสีย ในเมื่อมีสื่ออยู่ในกำมือจะกลัวอะไรเรื่องจริงก็ทำให้เป็นเรื่องเทจได้ เรื่องเทจก็ทำเป็นเรื่องจริงได้
    สังเกตคนรอบข้างบุคคลนี้ดูสิครับว่าตอนนี้มีของจริงกี่คน
    ใช่ว่าผมจะชอบทักษิณนะครับ แต่ผมอยากให้เพื่อนๆคิดสักนิดว่า ท่านทั้งหลายได้รับข่าวสารทางเดียวเหรอป่าว สื่อของข่าวสารนั้นเป็นกลางไหม ผมได้รับฟังสื่อของคุณสนธิมาจนเบื่อแล้วยังไม่เห็นความเป็นกลางจากสื่อพวกนี้เลย
    ปล. อีกครั้ง  คนดีไล่คนเลวมีด้วยหรือ คนเลวไล่คนดีมีถมไป คนเลวไล่คนเลวช่างปะลัย คนดีไล่คนดีไม่มีเลย
    (ชมรมคนเกลียดสนธิ)

    จากคุณ : Eggy   - [ 8 เม.ย. 49 22:57:18 ]

    แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 49 14:06:54

    จากคุณ : papa_s - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:03:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป