การปลุกพลังมวลชน กลุ่มพันธ์มิตรกู้ชาติ นั้นแต่ละครั้งดูเหมือนว่าจะมีคนให้ความสนใจตลอดทุกครั้งที่มีการสัญจรไปในต่างจังหวัดแต่หารู้ไม่ว่า แต่ละพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ๆ หัวคะแนนในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่นครอบครองอำนาจอยู่ในแถบนั้นซึ่ง ทางกลุ่มม๊อบกู้ชาติอาศัยการรวบรวมกำลังพลจากกลุ่ม หัวคะแนน และ นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ เกณฑ์ผู้คนเข้ามาร่วมฟังการขึ้นไฮปาร์คของแกนนำเมื่อรวบรวมกับกลุ่มขาจรที่เข้ามาฟังด้วยแล้ว การเดินสายไฮปาร์คแต่ละครั้งนั้นก้อดูเหมือนจะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก แต่จริงๆ แล้วส่วนใหญ่ก้อเกณฑ์กันมาเยอะจากคนในพื้นที่ ถามว่าไปทำมัย สระแก้ว, ไปทำมัย กระบี่, ไปทำมัย ภูเก็ต และพื้นที่ทางภาคใต้ อื่นๆ
จากการเดินสาย การก่อความไม่สงบโดยมุ่งเน้นมวลชน ของกลุ่มม๊อบกู้ชาตินี้จะเน้นความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ ทั้งการถ่ายทอดสด, ข่าวสารจากสิ่งพิมพ์,การบอกต่อ ฯลฯ ของกลุ่มคอเดียวกัน ที่ได้รับการแทรกซึมของข้อมูลของม๊อบกู้ชาติที่ป้อนให้ ถามว่าทำมัยไม่ไป ปลุกมวลชนในจังหวัดใหญ่ๆ อย่าง เชียงใหม่ หรือ โคราช เพราะว่ากลัวการต่อต้าน หรือกลัวการเสียหน้า ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการไม่สามารถทำให้คนในพื้นที่เกิดความรู้สึกร่วมได้มากมาย อย่างที่ทำในพื้นที่ของทางกลุ่มตนเองจัดตั้งได้ถนัด
ทำมัยถึงมีกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านรัฐบาลหาว่า ทำมัยชาวรากหญ้า และ คนในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคอีสานส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับรัฐบาล และถูกหลอกใช้ง่ายถูกเกณฑ์กันมาฟังได้ง่ายนัก ขอถามย้อนกลับไปว่าถ้าคนต่างๆ เหล่านั้นไม่มีอารมณ์ร่วม ก้อคงจะไม่พร้อมใจกันรวมตัวกันมากมายขนาดนั้น แล้วก้อจะขอย้อนกลับไปข้อความต้นๆ ว่าทำมัยกลุ่มม๊อบกู้ชาติไม่เลือกที่จะไปปลุกพลังมวลชนเหล่านั้นบ้างล่ะ ในเมื่อกำลังทรัพย์ของตัวเองนั้นก้อมีหลายกลุ่มให้ความช่วยเหลือกันอยู่แต่ทำมัยถึงไม่เลือกที่จะสร้างแนวร่วมจากกลุ่มนั้นๆ บ้าง เพราะอะไร เพราะว่าส่วนใหญ่เขาไม่มีอารณ์ร่วมใช่หรือไม่
ถ้าแบบนั้นประเทศเรา ที่บริหารด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้น พื้นฐานคนในประเทศจริงๆ อาจจะเกิดแนวคิดที่ต่างกันได้ แต่ถ้าแตกแยกจากการปลุกระดมมันก้อจะเกิดการแบ่งฝ่าย และ เกิดแรงต่อต้านจากกลุ่มที่เห็นต่างอย่างรุนแรง อันนี้ไม่ได้หมายถึงประชาธิปไตย อันนี้หมายถึงขบวนการบ่อนทำลายมุ่งหักล้างฝ่ายตรงข้ามเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ถ้าว่ากันแบบแฟร์ๆ ประเทศเราอยู่กันได้อย่างสงบกับกลุ่มคนที่คิดต่างในระบอบประชาธิปไตยนั้นควรเป็นไปอย่าง เอื้อเฟื้อกัน เสียงข้างน้อย ควรให้เกียรติเสียงคั่งมาก และให้เกียรติฝ่ายเสียงคั่งมากในการบริหาร ฝ่ายเสียงคั่งมาก ก้อควรไม่ลืมจะให้ความสำคัญกับเสียงคั่งน้อยบ้างเหมือนกัน แต่กับกลุ่มแอบะฉวยโอกาสโจมตีความรู้สึกในด้านต่างๆ ของกลุ่มเสียงคั่งน้อยที่ยังมีความคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่ากับเสียงคั่งมาก และดึงเข้ามาเป็นแนวร่วมและปลุกระดม คนกลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ในอดีต
กลุ่มม๊อบกู้ชาติ จริงๆ ก้อไม่มีอะไรมากมาย เพียงแต่สร้างแนวร่วมของกลุ่มในฐานเสียงเดิมๆ ของพรรคฝ่ายค้าน และ กลุ่มคนที่รู้สึกว่าได้รับผลกระทบต่อสังคมที่รัฐบาลชุดนี้บริหารอยู่ ซึ่งอาจจะหมายถึงกลุ่มพลังเงียบที่เอียงซ้าย เอียงขวา อีกด้วย จะว่าไปกลุ่มเหล่านี้ก้อได้รับการแทรกซึมข้อมูล จากการทำให้รู้สึกว่ามีคนต่อต้านรัฐบาลมากจริงๆ สงสัยรัฐบาลจะไม่ดีอย่างที่เขาว่าจริงๆ และเป็นสาเหตุให้กลุ่มม๊อบกู้ชาติจะได้รับความนิยมเหมือนว่าเป็นวีรบุรุษที่จะมากอบกู้สถานการณ์ประเทศไทย ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วกลุ่มพลังเงียบส่วนใหญ่ก้อจะได้รับผลกระทบจากการสร้างกระแสเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปด้วยเท่านั้น แต่หลายคนนั้นในกลุ่มพลังเงียบก้อกลายเป็นกลุ่มแฟนพันธ์แท้ ของกลุ่มม๊อบอย่างช่วยไม่ได้เนื่องจากกระแสสังคม เกิดการแบ่งฝ่าย เกิดการโต้เถียง ต้องการจะเอาชนะกันทั้งสองฝ่าย คนเป็นกลางส่วนใหญ่จะไม่สนใจการเมือง คนสนใจการเมืองส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกลางนัก ต้องเลือกฝ่าย เอียงมาก เอียงน้อย ก้อว่ากันอีกที
การเดินสายของกลุ่มม๊อบกู้ชาติ ปัจจุบัน อาศัยพลังมวลชน มาเป็นเกาะกำบังของตนเอง การเร่งระดมผลในช่วงนี้ไม่ต้องแปลกใจอะไรมากในเมื่อเงื่อนไขต่างๆ กลุ่มเขาก้อเป็นผู้สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น แล้วยังจะต้องการอะไรกันต่อไปอีก? ถ้าไม่ต้องการสร้างเกาะกำบังของตัวเองโดยอาศัยพลังมวลชน ต้องการสร้างฐานเสียงของตัวเองขึ้นมาใหม่ ต้องการแบ่งฝ่ายให้สังคมเห็นอย่างชัดเจน เพื่อต่อรองกับอำนาจผู้ดูแลประเทศในสายต่างๆ ที่ต้องคอยระแวดระวังคนกลุ่มนี้ จำต้องอาศัยวิธีการประณี ประนอม เพราะฝ่ายเขาอ้างว่าเป็นสิทธิทางรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดกฎหมาย
ทำมัยสนธิ ถึงกล้าท้าทายอำนาจกฎหมายของประเทศ ทำมัยถึงกล้าถ้าทายตำรวจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามั่นใจในกองกำลังที่เขาปลุกระดมมากับมือที่เขามั่นใจว่าพร้อมที่จะพิทักษ์ ปกป้องเขาได้ตลอดเวลางั้นหรือ
การลงทุนของกลุ่มต่อต้าน หวังเพียงแต่ว่าต้องการสร้างเงื่อนไขของตัวเองขึ้นมาโดยใช้พลังมวลชนที่จัดตั้งและกลุ่มที่คล้อยตามจากการแทรกซึมครั้งนี้อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ใช่ ประเด็นสำคัญในการสร้างชาติที่แท้จริง แต่การสร้างชาติ หรือกู้ชาติที่แท้จริงนั้นสำคัญคือการสร้างความสมานฉันฑ์ และให้ผู้คนในชาติเกิดความรักชาติ ในเชิงสามัคคี ประเทศชาติพัฒนาแข็งแกร่งไปต่อได้อย่างแท้จริง....
จากคุณ :
::Sholl::
- [
21 เม.ย. 49 22:45:28
]