CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ++++มาอีกแล้ว แนวคิดการเมืองคือการแย่งขนมหนึ่งชิ้น อันนี้ก็พัฒนามาอีกขึ้นหนึ่ง ยังไงก็ช่วยวิจารณ์ด้วยครับ++++

    เมื่อหลายวันก่อนผมได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยระบอบใหม่ที่ให้มีการตั้งสถาบันนักคิด นักวิชาการ และนักพัมนาแห่งชาติขึ้น ซึ่งหลายๆ คนก็บอกว่เหมือนสภาพัฒน์ฯ ทำให้รู้สึกว่าต้องหาทางใหม่ โดยหลังจากที่เขียนก็ได้กลับไปคิดหาทางใหม่ด้วยว่าจะทำยังไง

    และในที่สุดก็คิดออกครับ แนวคิดนี้เริ่มจากการแบ่งอำนาจในการคิด และตัดสินใจเช่นเดิมครับ....

    โดยครั้งนี้ผมมองสิ่งที่มีอยู่ในประชาธิปไตยปัจจุบันอยู่แล้วด้วย และผมก็มองว่ามันเป็นยังไงในปัจจุบัน

    ผมขอสรุปภาพในปัจจุบันที่ผมมองก่อนนะครับ ลองนึกภาพสภาที่แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านนะครับ ผมขอเปรียบเป็นกล้วยหอมB1 และB2 และอำนาจเป็นขนมเค้ก

    ด้วยระบบสภาทั้งสองฝ่ายจะมีอำนาจในสภาไม่เท่ากันเพราะเสียงในสภาจะเปลี่ยนไปตลอดแล้วแต่ยุคสมัย ซึ่งจุดอ่อนคงจะอยู่ที่สัดส่วนของขนมที่ไม่มีวันที่จะเท่ากันได้ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เหมือนการที่เด็กแย่งขนมเค้กชิ้นเดียว โดยไม่ยอมแบ่งให้ใครมากกว่าตนเอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมันส่งผลหลายด้านครับ

    -กล้วยหอมทั้งสองต่างเจ็บตัว ได้แผลนิดหน่อยเพราะมัวแต่แย่งกัน
    -ขนมเค้กแห่งอำนาจถูกทำลาย เพราะกล้วยหอมทั้งสองมัวแต่ทะเลาะกันจนเผลอเหยียบเข้า

    ทำให้ผมคิดว่าแนวคิดนี้ดีที่สุดในตอนนี้ครับ

    ผมว่าคงหลายคนคงจะนึกออกแล้ว ถ้าในเมื่อมีขนมเค้กชิ้นเดียว วิธีที่ดีที่สุด คือ การให้กล้วยหอมB1 และB2 คนใดคนหนึ่งมีอำนาจในการตัดขนมเค้กครับ ส่วนอีกคนก็มีอำนาจในการเลือกขนมเค้กที่ถูกแบ่ง ซึ่งการทำแบบนี้ต่างฝ่ายก็จะต้องยอมกันคนละครึ่งทางนั่นคือคนที่ตัดก็ต้องตัดให้กลาง ส่วนคนที่เลือกก็ต้องเลือกให้ตัวเองได้ประโยชน์

    ลองดูแบบนี้แล้วมาดูสิ่งที่ผมคิดทางออกไว้นะครับว่าจะทำยังไงกับการปฏิรูปการเมือง

    อันดับแรกนะครับในเมื่ออำนาจคือขนมเค้ก เราต้องให้สิทธิ์แก่คนที่มีสัดส่วนในขนมเค้กมากก่อนหรือฝ่ายรัฐบาลนั่นคือ อำนาจในการคิดนโยบายในการแก้ปัญหาต่างๆ

    ที่นี้ก็มาถึงคนที่มีสัดส่วนน้อยในขนมเค้กบ้างหรือฝ่ายค้าน นั่นคือ อำนาจในการวางโครงสร้างหรือกรอบการทำงานในนโยบายของรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งก็เหมือนการตัดขนมครับ

    ต่อมาในเมื่อฝ่ายค้านเป็นคนตัดแล้ว รัฐบาลก็มีสิทธ์เลือกว่าจะทำตามกรอบนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ทำก็ให้ฝ่ายค้านแก้ใหม่จนกว่ารัฐบาลจะรับระบบว่าทำหรือไม่ทำตามกรอบนี้

    เมื่อรัฐบาลรับทำก็ทำไปตามาระบบ ส่วยฝ่ายค้านก็ใช้อำนาจเดิม คือ ตรวจสอบการทำงาน

    โดยระบบนี้ผมว่าดีนะครับ ยิ่งทั้งสองฝ่ายแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมากเท่าไรก็จะยิ่งต้องเป็นกลางเท่านั้น ยิ่งแก่งแย่งกันมากเท่าไรก็จะยิ่งลดอำนาจกันมากเท่านั้น สรุปประชาชนได้ประโยชน์

    ซึ่งผมยังมองปัญหาของระบบนี้อีกครับ...

    -ข้อแรก คือ นโยบายนั้นเป็นของรัฐ รัฐย่อมอยากให้มันดำเนินการเร็วๆ แต่ทางฝ่ายค้านซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ย่อมอยากให้มันช้า ดังนั้นปัญหาที่ผมบอกก็ คือ เวลา ในการวางระบบของฝ่ายค้าน ซึ่งตรงนี้บางครั้งก็อาจจะราบรื่นเพราะตกลงกันได้ แต่ถ้าไม่ ผมก็เลยคิดว่าให้คนกลางตัดสิน ซึ่งผมมองว่าสภาพัฒน์น่าจะดีที่สุด หรือจะตั้งสถาบันนักคิดนักวิชาการ และนักพัฒนาตามแบบของผมที่เสนอในครั้งก่อน ก็ตามใจ

    -ปัญหาข้อต่อมา เกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายค้านรับระยะเวลาในการวางระบบแล้วครับ นั่นคือ ถ้าเกิดรัฐ ไม่อาจรับระบบที่เข้มงวดจนเกินไปแบบที่ว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย ของฝ่ายค้านได้ ก็แค่ให้ฝ่ายค้านกลับไปทำใหม่ โดยต้องให้ทางสภาพัฒน์หรือองค์กรใดๆ เข้ามาดูแลด้วยครับ เพราะอาจเกิดปัญหาการแกล้งยืดเวลาได้ ซึ่งจะไม่เป็นธรรมกับฝ่ายรัฐบาลครับ เพราะถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ นี่มันนโบยรัฐนี่หว่า.?

    ส่วนปัญหาอีกข้อก็จะมีแค่ว่าถ้าทั้งสองฝ่ายรวมมือกันโกงก็เจ้งกันไปทั้งระบบครับ....

    ผมว่าระบบนี้ดีที่สุดที่คิดได้ในตอนนี้แล้วล่ะครับ... ตอนนี้คุณผู้อ่านทั้งหลายคงมีคำถามแล้วถ้าจะทำมันจะทำได้จริงรึเปล่า เพราะถ้าคุณเป็นรัฐบาล ก็คงไม่ให้อำนาจกับอีกฝ่ายมากแบบนี้จริงไหม..?

    แต่ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ผมก็จะขอสมมติว่ามันได้ออกมาใช้อยู่จริงๆ นะครับ...

    ซึ่งถ้าจะให้มีการใช้อยู่จริงคงต้องเพิ่มระบบเข้าไปครับเพื่อถ่วงดุลกันทั้งในแง่บริหาร และตรวจสอบ

    ในเมือทางรัฐบาลแบ่งแยกอำนาจในการทำงานเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ส่วนฝ่ายค้านก็มีแค่ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งถ้าจะให้เกิดระบบแบ่งขนมกันก็ต้องมีแบบนี้ครับ ผมขอเสนอ รัฐมนตรีวางแผนว่าการกระทรวงต่างๆ ที่คัดมาจากฝ่ายค้านเอง มาทำหน้าที่ในการวางแผนโครงสร้างและระบบการทำงานของรัฐบาล

    ลองดูแบบนี้แล้วผมว่ามันน่าจะยุติธรรมดีนะครับ ซึ่งปัญหาของระบบนี้ที่ผมได้บอกไปแล้วว่าถ้ามันร่วมกันโกงจะทำไง ซึ่งผมก็มีคิดไว้แล้วว่า "ก็คงต้องไล่มันไปทั้งก๊กนั่นแหละครับ" ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน

    ปล.ช่วยกันวิจารณ์แนวคิดนี้ด้วยครับว่าดีไม่ดียังไง ถ้ามันดีพอ ก็ให้ช่วยๆ กันพัฒนามันให้ดีขึ้นไปอีก หรือไม่ก็ส่งไปให้นักวิชาการ หรือใครก็ได้ครับที่คุณคิดว่ามันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองในบ้านเราให้สะอาดขึ้นได้ และจะให้เครดิตผมหรือเปล่าก็อยู่ที่คุณครับ...

    จากคุณ : Pathorn - [ 23 เม.ย. 49 21:49:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป