CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    complete Jigsaw กระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบวุ่นวายในประเทศไทย

    ขอประกาศไว้ก่อนเลยว่า ข้อความในกระทู้นี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลทั้งหมด ... กรุณาใช้วิจารณญานในการอ่านครับ
    ผมคิดเอง ... เออเอง ว่า ผู้ร้ายตัวจริงแห่งความวุ่นวายในประเทศไทยทั้งหมดที่ผ่านมานั้น ไม่ได้เป็นคนไทยและไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ลองคิดตามและพิจารณาดูแล้วกันครับ
    1. ปัจจุบันนี้ประเทศต่างๆในโลกนี้ล้วนแต่ต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรงจากกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและในเรื่องของอำนาจในการต่อรองของประเทศตนเองบนเวทีโลก ... ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราก็เช่นกัน
    2. ขอให้ท่านนึกภาพต่อว่า ประเทศพอจะมีศักยภาพในการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในภูมิภาค asean นี้ มีใครบ้าง
    3. ใครที่เคยคิดว่า อเมริกา หรือ จีน กำลังแทรกแทรงกิจการภายในของเราอยู่ ผมขอบอกว่าให้เลิกคิดเรื่องการแทรกแทรงของ สหรัฐอเมริกา หรือ จีน ไปได้เลย เพราะว่า ประเทศเหล่านั้นอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเราทุกประการอย่างไม่สามารถจะเทียบชั้นกันได้อยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ประเทศเหล่านั้นจะต้องมาเสียแรงเสียทรัพยากรอะไรมายุ่งกับเรื่องของประเทศที่อยู่ในตลาดคนละ sector กับเขา เพราะคู่แข่งที่เขาต้องจัดการใน sector เดียวกันก็คือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน อินเดีย และ ญี่ปุ่น เปรียบเทียบกับเบียร์แล้ว ก็เหมือนกับพวกเบียร์ในกลุ่มตลาด premium กับเบียร์ในกลุ่มตลาด premium ด้วยกันก็จะต้องแข่งกันเอง ส่วน sector ของ economy ก็จะแข่งกับ economy ด้วยกัน เบียร์ hineken จะไม่ต้องมาแข่งหรือคอยมานั่งทำลายชื่อเสียงของเบียร์ leo หรือกรณีมวยก็จะไม่ชกกันข้ามรุ่นอย่าง mike tyson dH0tจะไม่ชกกับ รัตนพล ส. วรพิน แต่นักมวยไทยก็มักจะต้องชกกับนักมวยจาก mexico cuba หรือ phillippines ดังนั้นคู่แข่งที่จ้องทำลายเราก็คือคู่แข่งที่อยู่ใน sector เดียวกันหรือมีน้ำหนักมวยอยู่ในรุ่นเดียวกันนี่เอง
    4. ท่านที่คิดว่าสิงคโปร์กำลังจะมาทำลายประเทศไทยนั้น ผมขอบอกว่าเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ ขณะนี้ "ยังไม่ถึงเวลา" ขอให้อ่านที่ข้อนี้หนักๆ หากประเมินแล้วในภูมิภาค asean จะมี player ที่มี power จริงๆอยู่ 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ไทย และ ประเทศ A ซึ่งผมขอเรียกว่า เป็นสถานการณ์ 3 ก๊ก ซึ่งตามตำราพิชัยสงครามแล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์ 3 ก๊กขึ้นมาแล้ว จะตามมาด้วยยุทธศาสตร์การ”จับมือ” หรือ "ฮั้ว" กันระหว่าง 2 ก๊ก เพื่อทำลายอีกหนึ่งก๊กให้หมดไปก่อนแล้วค่อยมาประหารกันเองภายหลังอีกครั้ง ตามที่ผมเคยอ่าน เขาว่าไว้แบบนี้ ลองกลับมามองเรื่องของเราต่อ
    ถึงแม้ประเทศสิงคโปร์จะดูโดดเด่นอย่างมากในภูมิภาค แต่ สิงคโปร์มีข้อจำกัดหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นความพิการแต่กำเนิด ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ประเทศไทยมีพร้อมทุกอย่าง และถ้าหากมีการจับมือกันระหว่างไทยกับสิงคโปร์กันในรูปแบบของพันธมิตรแล้ว จะเรียกได้ว่าเป็นคู่แต่งงานที่เหมาะสม คือจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละประเทศ หากวิเคราะห์เชิง swot แล้ว เข้ากันได้ราวกับแม่กุญแจและลูกกุญแจตามทฤษฏี lock and key เลยทีเดียวคือ
    4.1 ประเทศหนึ่งมีเงินทุนมากแต่ไร้ซึ่งทรัพยากร ประเทศอีกประเทศหนึ่งมีทรัพยากรเหลือเฟือ แต่ขาดแคลนเงินทุน
    4.2 ประเทศหนึ่งมีทรัพยากรบุคคลระดับชั้นฝีมือ (skill personel) เกือบทั้งประเทศ แต่ค่าแรงสูงลิบ ไม่มีใครจ้างไหว อีกประเทศหนึ่งมีทรัพยากรบุคคลระดับที่มีฝีมือ ไม่พอเพียง แต่ค่าแรงไม่แพงนัก
    4.3 ประเทศหนึ่งคือสิงคโปร์ผลิตน้ำมันเองไม่ได้แต่ก็รู้ตัวเองดีและบังเอิญฉลาดจึงหันไปเอาดีทางการเป็นศูนย์กลางตลาดซื้อขายน้ามันล่วงหน้าหรือการค้า future น้ำมัน แทน และยังประกาศอีกว่าจะเป็น energy hub ของภูมิภาค ส่วนอีกประเทศหนึ่งคือไทยมีบริษัทน้ำมันที่ต่างชาติยกย่องให้เป็น rising star และกำลังทะยานอันดับวิสาหกิจที่มีผลประกอบการยอดเยี่ยมแห่งเอเชียได้อย่างรวดเร็วจนน่ากลัวอย่าง ป.ต.ท. และอาจตามมาด้วยไทยออยล์
    4.4 ประเทศสิงคโปร์แทบจะผลิตสินค้าด้วยตัวเองไม่ได้ ก็หันไปเอาดีทางการเป็นศูนย์กลางทางการเงินแทน ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ "โคตรฉลาด" กล่าวได้ว่าสิงคโปร์ทุกวันนี้ร่ำรวยได้จากการ "บริหารเงิน" โดยแท้ แต่ประเทศไทยของเรานั้นมีศักยภาพในการผลิตสินค้าได้ด้วยตัวเองแบบชนิดที่เรียกว่า "ไม่มีอะไรที่คนไทยทำไม่ได้" แต่กลับขาดแคลนเงินทุน
    4.5 ประเทศสิงคโปร์มีบริษัทโทรคมนาคมที่เรียกได้ใหญ่อาจจะที่สุดในภูมิภาคคือ singtel แต่ไม่มีดาวเทียมเป็นของตัวเอง ส่วนประเทศไทยมีดาวเทียมเป็นของตัวเองและกำลังทำการขยายระบบเคเบิ้ลใยแก้วอีกจำนวนมาก
    4.6 ประเทศสิงคโปร์พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะผลักดันตัวเองให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดยเฉพาะโครงการการทำ entertainment complex ขนาดใหญ่ แต่พอนักท่องเที่ยวต่างชาติ request อยากเที่ยวธรรมชาติ อยากมี recreation แบบสบายๆ chillๆ บ้าง อยากเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้าง สิงคโปร์กลับไม่มีสินค้าเหล่านี้มาตอบสนอง ในขณะเดียวกัน ผรั่งอยากเที่ยวแบบไหน พี่ไทย "จัดให้" ได้หมด ยกเว้นอยู่อย่างเดียวก็คือ "entertainment complex"
    4.7 สิงคโปร์พยายามอย่างที่สุดเหมือนกันที่จะเป็น medical hub of the south east asia แต่อนิจจา ค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลของสิงคโปร์ช่างแพงเหลือเกิน อีกทั้งพอลูกค้าอยากได้ alternative therapy เช่น spa สิงคโปร์ก็ไม่สามารถจัดให้ได้อีก แต่ไทยสิครับ มารักษา ร.พ.บำรุงราษฏร์ โคตรแพงแต่ก็ถูกกว่าไปสิงคโปร์เยอะ รักษาเสร็จ ไป spa ต่อที่ภูเก็ตหรือสมุยอีกสบายๆ หายป่วยทั้งกายและใจ มาทีเดียวเหมือนได้ 2 เด้ง
    4.8 ประเทศสิงคโปร์มีความกระหายที่สุดในการเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค หรือ aviation hub แต่พอประเทศไทยสร้างสนามบินสุวรรณถูมิเสร็จ ... สิงคโปร์ถึงกับ จ๋อย เพราะสนามบินแห่งสิงคโปร์จะใหญ่สักแค่ไหนก็มีได้แค่ 1 แห่งเท่านั้น แต่ ประเทศไทยไม่ได้มีแค่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว ไทยเรายังมีสนามบินที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ที่สามารถจะขยับขยายต่อให้ยิ่งใหญ่เป็น network เดียวกันได้ เป็น network ของ "AOT-Airport of Thailand" ซึ่งแต่ละแห่งที่ว่ามานี้ก็ล้วนแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ "world class" ทั้งนั้น !!!
    4.9 สิงคโปร์พยายามจะ position ตัวเองเป็น hub of education โดยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ แต่ถามหน่อยเถอะว่า ถ้าประเทศไทยทำแบบเดียวกัน ท่านเป็นคนต่างประเทศจะอยากส่งลูกหลานไปใช้ชีวิตที่ประเทศไทยหรือสิงคโปร์มากกว่ากัน ถ้าคุณภาพการศึกษาไม่ต่างกัน สอนแบบ international ด้วยภาษาอังกฤษเหมือนๆกัน แต่การเรียนไทยถูกกว่า บรรยากาศอบอุ่นและน่าอยู่กว่า
    4.10 ยกตัวอย่างเพิ่มอีกก็ได้อีกหลายหน้า แต่เด๋วท่านจะขี้เกียจอ่านต่อ แค่นี้ก็สุดๆแล้น
    มีต่อในความเห็นที่ 1 .....

    จากคุณ : jatewebboard - [ 26 เม.ย. 49 20:35:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป