CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    “ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก เอะอะอะไรก็ขอนายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย" แล้วบุคคลเหล่านี้จะทำอย่างไร

    “ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก เอะอะอะไรก็ขอนายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญเป็นการอ้างที่ผิด อ้างไม่ได้ มาตรา 7 มี 2 บรรทัดว่า อะไรที่ไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีหรือตามที่เคยทำมา ไม่มีที่อยากจะได้นายกฯพระราชทาน การขอนายกฯ พระราชทานไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองแบบ ขอโทษนะ แบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล” กระแสพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549

    แล้วบุคคลเหล่านี้จะทำอย่างไร

    อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ “ขอพูดกับคุณทักษิณว่า ขอให้นำคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูลขอพึ่งพระบารมี ขอนายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่ โดยไม่เกี่ยวกับข้อเสนอของผู้ชุมนุมและไม่เกี่ยวกับกรณี กฟผ. โดยจะให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เพื่อให้เข้าตามเงื่อนไขมาตรา 7 เพื่อพิจารณาให้มีนายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่มาจากการพระราชทาน เพื่อทำหน้าที่ฟื้นเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขให้รัฐธรรมนูญเดินต่อไปได้” (สนามหลวง วันที่ 24 มีนาคม 2549)

    จำลอง  ศรีเมือง “เมื่อบ้านเมืองถึงทางตันก็ต้องนำมาตรา  7 มาใช้ ซึ่งถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขปัญหาวิกฤติที่เป็นอยู่ในขณะนี้  เชื่อว่าประชาชนจะเห็นด้วยกับแนวทางของเครือข่ายพันธมิตร  เพราะที่ผ่านมาก็มีกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง และนักวิชาการ เสนอทางออกให้ใช้มาตรา  7 เหมือนกัน” (23 มีนาคม 2549)

    สนธิ  ลิ้มทองกุล “ เรามาที่นี่ เพื่อมารวมพลังให้เห็นว่าเราเป็นของจริง ไม่ใช่พวกแขวนป้ายที่คอ พอตอนเช้า ก็มาลงชื่อรับเงิน เรามาเพื่อให้เห็นว่า ทักษิณต้องออกไป และเพื่อแสดงประชามติขอบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อขอนายกพระราชทาน” (26 มีนาคม 2549)

    สุรพล  นิติไกรพจน์ “ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แต่เป็นการนำมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญมาใช้ เพราะขณะนี้บ้านเมืองไทยเกิดวิกฤตอย่างหนัก ไม่อยากให้สังคมไทยกลับไปสู่ยุค 14 ตุลาฯหรือพฤษภาทมิฬ ที่เป็นบทเรียนอันเจ็บปวด และเป็นบาดแผลให้กับคนไทยอยู่ขณะนี้ ดังนั้น เราจำเป็นต้องทบทวนมาตรา 7 ที่มีไว้อุดช่องโหว่ ที่สำคัญหากมีทางออกทางอื่นๆ ที่ดีกว่านี้ก็คงมีการดำเนินการตามแนวทางนั้นไปนานแล้ว แต่วันนี้กลับไม่มีทางออกให้กับ สังคมแตกแยกแล้ว” (3 มีนาคม 2549)

    ชัยอนันต์  สมุทวณิช “อยากให้รัฐบาลรักษาการเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในการบังคับใช้มาตรา 7 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม โดยนำมาตรา 7 มาใช้ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เช่น ที่มาของฝ่ายบริหาร รัฐสภาและองค์กรอิสระ เช่น กกต.โดยการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชาพิจารณ์และสรุปส่งทูลเกล้าฯ ต่อไป”  ( 9 มีนาคม 2549)
    และล่าสุด

    สนธิ  ลิ้มทองกุล  “สิ่งซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชวินิจฉัยของพระองค์เองเป็นส่วนตัว  มาตรา 7 พระองค์ท่านก็บอกว่าพระองค์ท่านใช้ยาก เพราะพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้ บอกว่าพระองค์ท่านจะไม่ใช้ แต่ว่า ต้องมีคนรับสนองพระบรมราชโองการ ก็แสดงว่าถ้ามีคนรับสนองพระบรมราชโองการ พระองค์ก็พร้อมจะใช้ เราชูธงเดิม ว่า การเลือกตั้งต้องเป็นประชาธิปไตยและการยุบสภาเมื่อไม่เป็นธรรม ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ โดยต้องมีการปฏิรูปการเมือง ซึ่งจะให้การเลือกตั้งยุติธรรมได้ก็ต้องมีนายกฯ คนกลาง ”  ( 25 เมษายน 2549)

    ลาออกจากการเป็นคนไทย ?
    ขอพระราชทานอภัยโทษ ?
    ยุบพรรค ?
    ฆ่าตัวตาย ?






    จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์กับข้อเสนอทางออกประเทศไทย
    **********************
    พรรคประชาธิปัตย์ขอประกาศจุดยืนและเสนอทางออก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเพื่อนำมาสู่ความสมัครสมานสามัคคีและความปรองดองของคนไทยชาติ ในปีมหา
    มงคลนี้ เพื่อยุติปัญหาวิกฤติของประเทศและป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าซึ่งอาจนำไปสู่ความ
    รุนแรง ดังต่อไปนี้
    ๑. พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูล
    ขอพึ่งพระบารมีในฐานะพสกนิกรชาวไทย เพื่อขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่
    ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗

    พรรคประชาธิปัตย์
               ๒๔  มีนาคม ๒๕๔๙

    จากคุณ : พิมพ์ขาว - [ 27 เม.ย. 49 11:26:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป