วันนี้ฟัง ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ ในรายการคุยข่าวทางเคเบิลทีวีของกรมประชาสัมพันธ์มั้ง
ท่านพูดไว้ชัดเจนน่าฟังว่า
หากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องดูว่าจะถอยกลับไปไกลแค่ไหน เพราะหลักที่ท่านวางไว้ มีสองสามเรื่องที่ต้องตีความให้ชัดเจน
ประการแรก ถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ตามคำร้องหลายฝ่าย ซึ่งหลักการคงเป็นเรื่องเหตุผลความไม่ถูกต้องชอบธรรมตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการเลือกตั้งจากคนคนเดียว ซึ่งไม่ควรเรียกว่าการเลือกตั้ง แต่จะต้องปรับระบบให้เป็นการลงคะแนน รับรอง หรือไม่รับรอง จึงจะถูกต้อง
ประการที่สอง หากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ต้องไปดูว่า กระทบต่อพระราชกฤษฎีกายุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งไม๊ เนื่องจากเรื่องนี้ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะอะไรรู้ไม๊ ก็เนื่องจากว่า พระราชกฤษฎีกายุบสภามาพร้อมก้บกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน หากการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนมีปัญหาแล้ว ก็จำเป็นอยู่เองที่น่าจะกระทบให้พระราชกฤษฎีกาเป็นโมฆียะ ซึ่งทุกฝ่ายสามารถบอกล้างได้
อันนี้ไม่มีสิ่งใดผิดตามหลักกฎหมายเลย เนื่องจากหลักกฎหมายมีพื้นฐานสำคัญคือการอำนวยความยุติธรรมให้สังคม เมื่อมีความไม่ชอบธรรมด้วยประการใด ศาลจะเป็นผุ้วินิจฉัยให้คำแนะนำและเสนอแนะแนวทาง ลองไปดูคำวินิจฉัยกลางของศาลในวันพรุ่งนี้นะ น่าจะออกมาในแนวทาง ของ ดร. อมร วาณิชวิวัฒน์ คนเก่งของเราเนี่ยแหละ สุดยอด สุดยอด
เอ้ามัวแต่ชมท่าน อย่างนี้แล้วกัน จะได้ตอบคำถาม
หากว่าเข้าสองประเด็นที่ท่านอาจารย์ อมรฯ ว่ามาทั้งหมดนี้ ก็จะทำให้ทุกฝ่ายกลับคืนสู่สถานภาพเดิม ก่อนกำหนดการประกาศยุบสภา
อาจารย์ ดร. อมรฯ จึงให้แนวทางว่า เมื่อเป็นดังนี้ จึงจะทำให้เรายังคงมีรัฐบาลในชุดเดิมอยู่ เพียงแต่ตามสภาพและวิกฤตการณ์ของสังคมในปัจจุบัน สิ่งที่จะพึงจะต้องดำเนินการคือ การร่วมกันสร้างรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ เพื่อหาคนกลางมาดำเนินการในการปฎิรูปการเมืองแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภาในกรอบเวลาอันสมควร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งตามกติกาใหม่
เพราะมิฉนั้นแล้ว การเลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาเดิม นอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นการวนกลับไปสู่สภาพปัญหาเดิมอีก
เป็นไงความคิดหลักแหลม เฉียบคมอย่างนี้ มีใครเท่กว่านี้อีกไม๊ อิอิ
จากคุณ :
นพวรรณ
- [
27 เม.ย. 49 19:30:14
]