CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อำนาจตุลาการ…คลี่คลายสถานการณ์สู่ความสมานฉันท์ หรือ ความร้าวลึก ! ?

    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2540 มาตรา 3 บัญญัติไว้ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”......

    ----------ในเมื่อองคาพยพของอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร...อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระกระแสรับสั่งต่อบุคลากรที่มีอำนาจสูงสุดของอำนาจตุลาการให้ถือเป็นธุระที่ต้องช่วยกันนำพาชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติ...โดยมีหลักยึดสำคัญ 3 ประการ คือ ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ, ความเป็นประชาธิปไตย และ ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้...

    ----------การรวมตัวและปรึกษาหารือของบุคลากรที่มีอำนาจสูงสุดของ ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองจึงเกิดขึ้นและมีการวางกรอบทำงานร่วมกันโดยตั้งความหวังว่าจะสามารถแก้ไขวิกฤติชาติได้......

    ----------ท่านเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของประชาชนไทย และเป็นผู้ที่มีส่วนกำหนดอนาคตของสังคมไทย....ยิ่งไปกว่านั้น...ประชาชนจากทุกภาคส่วนและคู่กรณีที่ขัดแย้งกันได้หยุด หรือชลอโครงการทำงานตามปกติของตน เพื่อรับฟังว่าศาลที่เคารพทั้งหลายจะพาสังคมไทยให้พ้นวิกฤติด้วยแนวทางใด......และหลายฝ่ายต่างออกมา “ตั้งท่า” ยอมรับคำพิพากษาของศาลไม่ว่าจะออกมาถูกใจฝ่ายตนหรือไม่ก็ตาม..

    ----------หากพิจารณาจากการตั้งประเด็นที่ว่า...การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนและการเลือกตั้งหลังจากนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ สุจริตยุติธรรมหรือไม่.....ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร..ผู้ทีมีส่วนได้ ส่วนเสีย ต้องเกิดความพอใจและไม่พอใจอย่างแน่นอน....แต่จะเก็บความพอใจและไม่พอใจไว้ในใจเพราะเคารพอำนาจศาล หรือ จะมีปฎิกริยา..เราก็มิอาจคาดผลได้

    ----------หากพิจารณากรณีที่ศาลปกครองพิพากษาให้ชลอการเลือกตั้งวันที่ 28 เมษายนไปก่อน.. คำพิพากษานี้ก็ได้สะสมความพอใจและความไม่พอใจของคนบางกลุ่มไว้เรียบร้อยแล้ว....ที่แน่ๆศาลปกครองได้สร้างเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้สภาไม่สามารถเปิดได้ภายใน 30 วัน ทำให้เกิดคำถามว่า ศาลปกครองมีส่วนทำให้กระบวนการดำเนินงานตามรัฐธรรมนูญต้องมีอันหยุดชะงักไปหรือไม่และต้องมีใครเป็นผู้รับผิดชอบกับการที่ไม่สามารถเปิดสภาได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้! !

    ----------หากพิจารณากรณี กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจของศาลปกครองที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง...นั่นคือปฎิกริยาที่ 3 ศาลอาจคาดการณ์ไว้แล้วหรือมิได้คาดไว้..แต่ที่แน่ๆ ..มันเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ของ กกต.ซึ่งได้เกิดปรากฎการณ์ใหม่ขึ้น..นั่นคือ..ความขัดแย้งขององค์กรอิสระได้เกิดขึ้นแล้วโดยมี กกต.ฝ่ายหนึ่ง กับ ศาลปกครองอีกฝ่ายหนึ่ง และมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นกรรมการชี้ผิดชี้ถูก...ความขัดแย้งในขอบเขตทางการเมืองได้เคลื่อนย้ายไปสู่ความขัดแย้งในขอบเขตขององค์กรอิสระเรียบร้อยแล้ว !!...หากยืดเวลาออกไป..คงมีหลายฝ่ายที่จะอ้างสิทธิและใช้สิทธิเช่นนี้ได้เหมือนกัน..

    (Update : 4 พ.ค.49 14.20 น. พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลปกครอง ยื่นคำขอให้ศาลปกครอง ระงับการปฎิบัติงานของ กกต.ชั่วคราว)

    ----------หากพิจารณาคดีความที่ได้ยื่นแก่ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ โดยพรรคประชาธิปัตย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคดีอื่นๆ ซึ่งรอคำพิพากษาอยู่ในขณะนี้...ผลของการพิพากษา ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร...ก็จะสะสมความพอใจและความไม่พอใจของคนบางกลุ่มเพิ่มขึ้นมาอีก.....เมื่อผนวกเข้ากับการ “ตั้งธง” ของสื่อมวลชนที่ต้องการให้ศาลพิพากษาว่าการเลือกตั้งในเดือนเมษาทั้งหมดเป็นโมฆะ หรือ การยุบสภาเป็นโมฆียะ...และถ้าหากว่าผลออกมาตามที่สื่อมวลชนตั้งธงไว้....อำนาจตุลาการที่เป็นที่หวังของทุกฝ่ายในวันนี้...ย่อมมีส่วนสร้างความหม่นหมอง ความปวดร้าวลึกๆ ที่แอบซ่อนไว้โดยไม่มีใครกล้าปริปาก...เราคาดคะเนไม่ได้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น...คือความสามัคคี หรือความร้าวลึกกันแน่....ชาติจะพ้นวิกฤติ หรือ เกิดวิกฤติที่มากกว่า ยาวนานกว่า และลึกซึ้งกว่า กันแน่....นับเป็นความท้าทายต่อสติปัญญา ความสามารถ ทีปรากฎอยู่เบื้องหน้าของ 3 ศาล ภารกิจอันทรงเกียรตินี้ตกอยู่บนบ่าของท่านแล้ว !

    ----------การต่อสู้ในศาล และการรอคอยผลการพิพากษาของศาล มีข้อจำกัดมากกว่าการดำเนินงานของอำนาจนิติบัญัติและอำนาจบริหาร ตรงที่..ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้และไม่มีกระบวนการสื่อสารที่เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วทั้งประเทศ..ตรงนี้อาจเป็นได้ทั้งจุดบอดและจุดดีในเวลาเดียวกัน.....จุดบอดเพราะไม่สามารถสร้างความเข้าใจแก่คู่กรณีที่ขัดแย้งกันได้...จุดดีเพราะสังคมไทยยอมรับอำนาจศาลและก้มหน้าก้มตารับคำพิพากษาแม้จะสามารถสัมผัสถึงความยุติธรรมได้หรือไม่ก็ตาม......แต่...การก้มหน้าอดทนกล้ำกลืนของคนในชาติ มิว่าเกิดขึ้นจากอำนาจใดมักปรากฎผลคล้ายระเบิดเวลาเสมอ...

    ----------ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น....ล้วนเกี่ยวกับการยุบสภาและการเลือกตั้ง...ตลอดจนการสร้างเงื่อนไขใหม่ที่เหมาะสมแก่การปรับตัวใหม่ของทุกพรรคการเมืองให้เข้าสู่เส้นสตาร์ตใหม่โดยถูกต้อง ชอบธรรม และเป็นที่ยอมรับได้จากทุกฝ่าย...(ถ้าความขัดแย้งใหม่ระหว่างองค์กรอิสระไม่ขยายตัวลุกลามจนไม่มีเอกภาพ)

    ----------แต่สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นต้นเหตุสำคัญของความแตกแยกขัดแย้ง กระทั่งเป็นผู้โหมกระพือไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชังให้ลุกลามไปทั่วทุกหัวระแหงของแผ่นดินไทย...มิได้อยู่ในกระบวนการวินิจฉัยของ 3 ศาลในครั้งนี้แต่อย่างใด....

    .....แม้ว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของสนธิได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการแล้ว
    .....แม้ว่าคดีคาราวานคนจนได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .....แม้ว่าผู้สมัคร สว.ที่ฉีกบัตรเลือกตั้งในจังหวัดพิจิตรได้ถูกพิพากษาให้รับความผิดสมควรแก่โทษาณุโทษแล้ว
    .....แม้ว่าคดีอาจารย์รัฐศาสตร์จุฬาฯผู้กล้าแห่งลัทธิอารยะขัดขืนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
    .....แต่คดีที่ศานุศิษย์ลัทธิอารยะแข็งขืนฉีกบัตรเลือกตั้งที่สงขลา นครศรีธรรมราชและที่อื่นๆยังสงบนิ่ง
    .....คดีที่ยื่นโดยนายฉลาด วรฉัตรอันเกี่ยวกับการเป็นกบฎล้มล้างระบอบประชาธิปไตยของแกนนำม็อบ..ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการ (Update :แกนนำม็อบได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เมื่อ 8.30 น.วันที่ 1 พ.ค.49)
    .....คดีที่เกี่ยวกับการสบประมาท ใส่ร้ายป้ายสีให้แก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลบนเวทีพันธมิตรก็ยังมิได้สะสาง
    .....คดีเกี่ยวกับการกีดขวางทางจราจรและคดีเกี่ยวกับการสร้างความสูญเสียต่อธุรกิจของสยามพารากอนและปิดล้อม กกต.อันเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น.....ก็ยังสงบนิ่งอยู่เช่นกัน

    ----------สังคมใดก็ตาม ที่ปล่อยปละละเลยให้คนส่วนน้อยมีพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย เยาะเย้ย ถากถางผู้รักษากฎหมายต่อหน้าต่อตาสื่อมวลชนซึ่งแพร่กระจายเรื่องราวแห่งการกระทำผิดกฎหมายไปทั่วประเทศหรือทั่วโลกได้....สังคมนั้นไม่มีวันได้พบกับคำว่า “สงบสุข”...เมื่อมีเหตุแห่งความไม่สงบสุขก็อย่าได้คาดหวังถึงความสามัคคีปรองดองและความสมานฉันท์ใดๆ...

    ----------กระบวนการยุติธรรมซึ่งเริ่มต้นจาก การตั้งข้อกล่าวหา การไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐาน การสั่งฟ้องศาล การพิจารณาคดีในขั้นตอนของศาลและการการพิพากษาคดี เป็นกระบวนการอันเป็นที่พึ่งของผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมมาช้านาน..หากกระบวนการยุติธรรมที่ว่านี้ไม่สามารถแสดงบทบาทอันพึงมีของตนได้.....ย่อมเป็นตัวบ่งชี้ถึงอาการป่วยของสังคมในระดับใดระดับหนึ่งอย่างแน่นอน....

    ----------หากกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้กับพฤติกรรมผิดกฎหมายของคนเหล่านี้ได้...สังคมก็หวังพึ่ง “กฎแห่งกรรม” เป็นสิ่งสุดท้าย...หากสังคมมีระดับความอดทนต่ำ..ไม่อาจรอคอยผลของกฎแห่งกรรมได้....

    ---------------“อารยะลงทัณฑ์”....คือคำตอบสุดท้าย---------------
         
    .
    ---------------------------------------------------------
    หมายเหตุ “อารยะลงทัณฑ์” เป็นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ gobabygo สมาชิกคนหนึ่งในห้องราชดำเนินนี้...อ่านเพิ่มเติมใน...กระทู้นี้ : http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4319746/P4319746.html
    ---------------------------------------------------------
                                                             

    ขอเชิญชวน ร่วมแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ด้วยนะครับ....แด่...วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 2549 : "ดุลยพินิจ" และ "วาระซ่อนเร้น" ของสื่อมวลชนไทย :   http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4338091/P4338091.html
    วิเคราะห์ เจาะลึก สื่อมวลชนไทย ด้วยมุมมองใหม่ๆ
                                                                 
                         
    ---------------------------------------------------------------

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 49 18:31:21

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 49 14:18:34

    แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 49 13:54:28

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 49 23:02:08

    จากคุณ : grassroot - [ 30 เม.ย. 49 22:43:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป