ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๔ บัญญัติว่า ในการเลือกตั้งทั่วไป ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นเพียงบัญชีเดียว และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นได้หนึ่งคน
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งซึ่งว่างลงตามมาตรา ๑๑๙(๒) ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นได้หนึ่งคน
การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ
ในกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่มีบอกไว้ว่าการลงคะแนนลับ หมายถึงอะไร แต่ในระเบียบกฎหมายอื่น เช่นระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระบุไว้ว่า การออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม มี 2 แบบ คือ การลงคะแนนโดยเปิดเผย และการลงคะแนนลับ และได้อธิบายไว้ดังนี้
การออกเสียงคะแนน แบ่งได้เป็น 2 กรณี
1. การออกเสียงคะแนนโดยเปิดเผย มีวิธีปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1.1 ใช้เครื่องออกเสียงคะแนนตามที่ประธานกำหนดหากเครื่องออกเสียงลงคะแนนขัดข้อง ให้เปลี่ยนเป็นวิธีการตามที่ประธานกำหนด
1.2 เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษร ให้ออกเสียง ลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธีที่ประธานกำหนด
การออกเสียงลงคะแนนตามวิธีนี้ ประธานจะเชิญสมาชิก ไม่น้อยกว่า 6 คน เป็นผู้ตรวจนับคะแนน
การออกเสียงลงคะแนนโดยทั่วไปให้ใช้วิธีตามข้อ 1.1 จะใช้วิธีตามข้อ 1.2 ได้ต่อเมื่อสมาชิกเสนอญัตติและที่ประชุมอนุมัติ หรือเมื่อมีการนับคะแนนเสียงใหม่
2.การออกเสียงลงคะแนนลับ จะกระทำได้ในกรณีที่ สมาชิกเสนอญัตติ โดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 20 คน
การออกเสียงลงคะแนนลับมีวิธีปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
2.1 เขียนเครื่องหมายบนแผ่นกระดาษใส่ซองที่เจ้าหน้าที่จัดให้ ผู้เห็นด้วยให้เขียนเครื่องหมาย 3 ผู้ไม่เห็นด้วยให้เขียนเครื่องหมาย X ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้เขียนเครื่องหมาย O
2.2 วิธีอื่นใดซึ่งที่ประชุมเห็นสมควรเฉพาะกรณี
นอกจากนี้ ในระเบียบการเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็มี การลงคะแนนเลือกตั้งโดยวิธีเปิดเผย คู่กับ การลงคะแนนเลือกตั้งโดยวิธีลับ การลงคะแนนโดยเปิดเผยทำได้สองวิธี วิธีแรกใช้การให้ผู้สมัครแยกไปยืนตามจุดต่าง ๆ ผู้เลือกตั้งประสงค์จะเลือกผู้ใดก็ให้ไปยืนรวมกลุ่มกับผู้นั้น แล้วนับจำนวน ผู้ใดมีคนไปยื่นอยู่ด้วยมากเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง วิธีที่สองใช้การยกมือขึ้นเหนือศีรษะเมื่อประธานประกาศให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครไปทีละคน ใครมีผู้ยกมือให้มากที่สุดก็เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง การลงคะแนนลับใช้วิธีกาช่องลงคะแนนตามหมายเลขผู้สมัครในบัตรเลือกตั้งแล้วนำมาใส่ในหีบบัตรเลือกตั้ง เมื่อหมดเวลาลงคะแนน กรรมการก็จะนำมานับใครได้คะแนนมากก็เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
วิธีการเหล่านี้ยังใช้ในการเลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ทั้งในสมาคม มูลนิธิ ฯลฯ
น่าจะสรุปได้ว่า การเลือกตั้งโดยวิธีลับต่างกับการเลือกตั้งโดยเปิดเผยอยู่ที่การใช้การลงคะแนนในบัตรเลือกตั้ง แทนการยกมือ ส่วนจะกาในคูหาแบบไหนหันไปข้างไหนเป็นเรื่องปลีกย่อย ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะถึงจะหันหน้าออกอย่างที่เรียกร้องกัน คนที่ไปลงคะแนนพร้อม ๆ กันก็ต้องเดินผ่านข้างหลังผู้กาบัตรอยู่แล้ว ถ้าผู้นั้นตั้งใจจะดูก็สามารถเห็นว่าคนที่อยู่ในคูหากาหมายเลขอะไร
จากคุณ :
แท้จริง
- [
4 พ.ค. 49 19:15:47
]