ความคิดเห็นที่ 1 ยังจะไม่อธิบาย แต่ให้คุณลองอ่านข่าวดูก่อนครับ "ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) ที่หอประชุมกองทัพอากาศ มีการรักษาความปลอดภัยจากทหารและตำรวจอย่างเข้มงวดมากกว่า 300 นาย ตรึงกำลังรอบบริเวณที่ประชุมและทางเข้าออก โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ได้นำพนักงานมาร่วมรับฟังการประชุมในครั้งนี้ด้วยประมาณ 1,500 คน ระหว่างที่การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้น นายประชัยได้ฉวยโอกาสขึ้นไปแนะนำตัวว่าเป็นประธานกรรมการในที่ประชุม โดยได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท 20 คน และระบุว่าการประชุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายบริษัทมหาชน แต่ได้ถูกปิดไมค์ขยายเสียง นายประชัยยังคงตะโกนว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ศาลล้มละลายได้มีคำสั่งให้ทีพีไอพ้นจากแผนฟื้นฟูแล้ว ทำให้ผู้บริหารลูกหนี้ชุดเดิมได้กลับมามีอำนาจบริหารบริษัทต่อ จากนั้น นายพิเศษ เศรษฐเสถียร ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมได้ขึ้นไปเจรจาขอให้นายประชัยลงจากเวที โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ขึ้นไปด้วย ใช้เวลานานกว่า 20 นาทีในการถกเถียงกัน กว่านายประชัยจะยอมโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประกบนายประชัยให้ลงจากเวที และพาออกจากห้องประชุมทันที ต่อมา การประชุมจึงได้เริ่มขึ้น โดยผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแต่งตั้งกรรมการใหม่เพิ่มจำนวน 15 คน ได้แก่ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์, นายปกรณ์ มาลากุล, นายพละ สุขเวช, นายอารีย์ วงศ์อารยะ, นายวีรพงษ์ รามางกูร, นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์, นายปรัชญา ภิญญาวัธน์, นายปิติ ยิ้มประเสริฐ, นายวิสิฐ ตันติสุนทร, นายเสงี่ยม สันทัด, นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, พล.อ.พรชัย กรานเลิศ, นายพชร ยุติธรรมดำรง และนายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้คงกรรมการชุดเดิมอีก 10 คน เป็นกรรมการต่อไป โดยยังคงมีชื่อนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นกรรมการอยู่ด้วย นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการและว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอ เปิดเผยว่า วันนี้ (28 เม.ย.) คณะกรรมการชุดใหม่จะมีการเรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการคนใหม่ให้ทำหน้าที่บริหารกิจการของทีพีไอ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความต่อเนื่อง สำหรับภารกิจสำคัญหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว บริษัทต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลืออยู่ 970 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อลดจำนวนหนี้และเจ้าหนี้ต่างประเทศลงให้เหลือไม่เกิน 3-4 ราย เพื่อให้มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันการขออนุมัติดำเนินการใดๆ จะต้องขอความเห็นชอบจากเจ้าหนี้จำนวนมาก ทำให้ขาดความคล่องตัว อย่างไรก็ตาม การที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำให้เอื้อการดำเนินธุรกิจกัน และจะทำให้บริษัทประหยัดภาระต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบได้ปีละ 1,000 ล้านบาท และทำให้ทีพีไอมีเครดิตมากขึ้น เพราะปัจจุบัน บริษัทมีต้นทุนที่สูง เพราะทีพีไอยังขาดความเชื่อถือ, ขาดเครดิต ไม่เป็นที่ไว้ใจของลูกค้าและสถาบันการเงิน และการที่บริษัทออกจากแผนฟื้นฟูทำให้บริษัทมีภาพพจน์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะเอื้อต่อการลงทุนใหม่ที่บริษัทต้องใช้เม็ดเงินลงทุนในอีก 3 ปีข้างหน้าถึง 10,000 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงท่าเรือ, โรงกลั่น, พัฒนาคุณภาพน้ำมัน และเพิ่มกำลังการผลิต ด้าน นายศิริ จิรพงศ์พันธ์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูทีพีไอ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดใหม่ที่มีเสียงส่วนใหญ่ จำนวน 15 คนนั้นจะไม่มีอำนาจในการปลดกรรมการด้วยกันเอง และการปลดนายประชัยก็ไม่ใช่เป้าหมาย เนื่องจากคณะกรรมการชุดใหม่จะต้องบริหารธุรกิจอย่างสมานฉันท์ตามคำสั่งศาล. " มีคลิปด้วยครับ ลองไปดูกันเอง http://www.fm9225.net/files/26_04_06.wmv แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 49 17:59:08 จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 16:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อครับ "บีบทีพีไอโพลีน-บียูไอ ปลด "ประชัย" พ้นบอร์ด ตลาดหลักทรัพย์เตรียมส่งหนังสือถึงบอร์ด "ทีพีไอโพลีน-บางกอกสหประกันภัย" ให้ลงมติปลด "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" จากกรรมการบริษัทเหตุ ขาดคุณสมบัติชัดเจน ย้ำให้เวลา 15-30 วันหากไม่ปฏิบัติตามอาจต้องขึ้นเครื่องหมาย "ซี" ก่อนแขวน เอสพี" ปลดพ้นความเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ ตลาดหลักทรัพย์จะส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการของ บริษัท ทีพีไอโพลีน และบริษัท บางกอกสหประกันภัย (บียูไอ) เพื่อขอให้คณะกรรมการพิจารณาปลด นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จากตำแหน่งกรรมการของบริษัท เนื่องจาก นายประชัย ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ภายหลังการส่งหนังสือเตือนดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์จะให้เวลาอีกอย่างน้อยประมาณ 15-30 วัน เพื่อให้คณะกรรมการของบริษัทจดทะเบียนทั้ง 2 แห่ง ได้มีเวลาในการพิจารณาปลด นายประชัย ออกจากตำแหน่งดังกล่าว หากทั้ง 2 บริษัทยังไม่ปฏิบัติตาม ทางตลาดหลักทรัพย์ก็จะขึ้นเครื่องหมายเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุน(ซี) หลังจากนั้นหากยังไม่ปฏิบัติตามอีก ตลาดหลักทรัพย์ก็จะสั่งห้ามการซื้อขาย(เอสพี) ในทันที "ความจริงทั้ง 2 บริษัทนี้ ได้ครบกำหนดที่ต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมการที่ขาดคุณสมบัติไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เองก็จะให้โอกาสโดยจะส่งหนังสือเตือนไปยังบริษัทเหล่านี้ให้ปฏิบัติเป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามอีก เราก็จะถือว่าบริษัทเหล่านี้ขาดคุณสมบัติของการเป็นบริษัทจดทะเบียนและอาจจำเป็นต้องเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน" นายศักรินทร์ กล่าว เขากล่าวด้วยว่า นอกจากทั้ง 2 บริษัทที่กล่าวมาแล้ว ยังพบว่า นายประชัย มีตำแหน่งเป็นกรรมการใน บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย(ทีพีไอ)ด้วย เพียงแต่ทีพีไออยู่ในกระบวนการของการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งผู้บริหารแผนของ ทีพีไอ ได้แก่ ตัวแทนของกระทรวงการคลัง ได้ยื่นขอต่อศาลล้มละลายเพื่อปลด นายประชัย แล้วรอบหนึ่ง เพียงแต่ศาลมีความเห็นว่า ทีพีไอ ยังอยู่ในกระบวนการของการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งยังไม่ควรมีการเปลี่ยนตำแหน่งในขณะนี้ นอกจากนี้ศาลล้มละลายกลางยังมีความเห็นว่า นายประชัย แม้มีตำแหน่งเป็นกรรมการในทีพีไอ แต่ไม่มีอำนาจในการบริหาร จึงเห็นควรว่ายังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัว นายประชัย ออกจากตำแหน่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลัง ทีพีไอ ออกจากขั้นตอนของแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ทางทีพีไอ ก็สามารถปลดออกจากตำแหน่งดังกล่าวได้ ซึ่งในวันที่ 26 เมษายนนี้ ศาลละลายกลางจะมีการพิจารณาว่า ทีพีไอ มีคุณสมบัติพร้อมในการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการหรือยัง "กรณีของ ทีพีไอ จะต่างจาก ทีพีไอโพลีน และบียูไอ เนื่องจากผู้บริหารแผนเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของตลาดหลักทรัพย์แล้ว เพียงแต่ ศาลมีคำสั่งว่ายังไม่ควรเปลี่ยน จึงต้องรอให้ทีพีไอ ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อน ส่วนกรณีของทีพีไอโพลีนนั้น แม้จะอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการเหมือนกัน เพียงแต่ ผู้บริหารแผนฟื้นฟูของทีพีไอโพลีน กับคณะกรรมการของทีพีไอโพลีน เป็นชุดเดียวกันเราจึงเห็นว่าน่าจะให้เขาพ้นจากตำแหน่งได้" นายศักรินทร์ กล่าว อย่างไรก็ตาม นายศักรินทร์ กล่าวว่า หากทีพีไอโพลีน ต้องการยื่นร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอไม่เปลี่ยนตัวกรรมการ ในขณะนี้ก็สามารถทำได้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เองจะรอให้ศาลล้มละลายกลางได้เป็นผู้พิจารณาก่อน และจะยึดคำสั่งศาลเป็นสำคัญ ทั้งนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ก็หวังว่าทั้งทีพีไอโพลีน และบียูไอ จะให้ความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องการเพิกถอนทั้ง 2 บริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เพราะจะทำให้นักลงทุนพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย "ถ้าเราขึ้น เอสพี ไปแล้วแต่ทางบริษัทยังไม่มีการแก้ไขให้เป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ เราก็คงต้องพิจารณาเพิกถอน เพียงแต่จะเปิดโอกาสให้หุ้นได้มีการซื้อขายอีกครั้งก่อนจะเพิกถอนออกไปซึ่งเราก็หวังว่าเรื่องราวจะไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะจะทำให้ผู้ถือหุ้นพลอยเดือดร้อนไปด้วย" นายศักรินทร์ กล่าว จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 16:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อมูลนี้จากกรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/2006/03/01/news_20042424.php?news_id=20042424 "ถ้าใครไม่สังเกต จะเห็นว่าสปอนเซอร์หลักของกลุ่มผู้จัดการตอนนี้คือ ทีพีไอโพลีนนี่แหละ หลังจากที่คุณประชัยเสียทีพีไอไปให้กับกระทรวงการคลังซึ่งเตรียมจะส่งมอบให้กับปตทในอนาคตอันใกล้ ภายใต้แผนของนิพัทธ พุกกะณะสุต และนี่ก็เป็นกระเป๋าเงินสุดท้ายของคุณประชัย สหายร่วมรบของคุณสนธิด้วย ยิ่งน่าแปลกใจใหญ่ ถ้าใครยังจำได้ นิพัทธ ซึ่งเคยทำงานแบงค์ชาติ และเป็นคู่กัดกับหม่อมเต่านี่แหละ เป็นคนป้อนข้อมูลให้กับสนธิ สมัยยังใช้ชื่อว่า พายัพ วนาสุวรรณ ยิ่งวิเคราะห์ยิ่งสนุกครับ แบบนี้ได้ความรู้ดี เดี๋ยวผมจะมาต่อตอนดึก ๆ ครับ แต่ต้องขอบอกไว้นิดนึงว่า ตอนนี้การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ไม่ใช่ว่าจะตามแผนการเดิมของบุรุษในเงามืดได้ตลอดนะครับ เพราะเริ่มมี ฝ่ายซ้ายอุดมการณ์ เข้ามาร่วมด้วย และแนวทางเริ่มเปลี่ยนไปในลักษณะที่เรียกร้องความชอบธรรมมากขึ้น (เคลื่อนไหวแบบอหิงสา ไม่เน้นความรุนแรง ฯลฯ) ตามกลยุทธ์ของคุณธีรยุทธ บุญมี " จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 16:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำลังรอตอนต่อไปค่ะ จากคุณ : เพื่อน รสนา - [ วันฉัตรมงคล 16:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อไปท่านก็จะไม่เห็นโฆษนาของทีพีไอทางASTVอีกแล้ว จากคุณ : น้ำแข็งnk - [ วันฉัตรมงคล 16:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะรอติดตามครับ พรึ่บๆๆ กางเสื่อนั่งรอเลย 555 จากคุณ : สิงหา - [ วันฉัตรมงคล 16:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มารออ่านด้วยคนค่ะ จากคุณ : พ่อโบจัง - [ วันฉัตรมงคล 16:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณไฮเปอร์แคท น่าจะเป็น 92.25 (ที่เขาเรียก 92 สลึง) หรือเปล่า 94.25 จะยืนอยู่ตรงข้ามพันธมั่วจ้า ^_^ เพราะเคยฟัง 92.25 ตอนกลางคืน มีการแก้ตัวและโจมตีเรื่องรัฐแทนปราชัยอยู่บ่อยๆ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 49 17:05:27 จากคุณ : TSC - [ วันฉัตรมงคล 17:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมจะเอาข่าวเก่า ๆ มาให้อ่านกันก่อน เพื่อที่จะให้ทุกท่าน ได้ไปประมวลความคิดกันเอาเอง คงจะไม่ขอออกความเห็นอะไรมากนะครับ ผู้จัดการรายวัน10 กรกฎาคม 2545 5ปีบทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจ "ประชัย"ชี้ต้องแก้กม.ฟื้นฟู จาตุรนต์ทบทวนเกณฑ์ขายโรงไฟฟ้า TPI อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย, บมจ. ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ วันที่ 2 กรกฎาคม 2545 ถือเป็นวันครบรอบ 5 ปี ที่ไทยลดค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ โดยปล่อยให้ค่าเงิน บาทลอยตัวไปตามภาวะที่เป็นจริง ทำให้เศรษฐกิจไทยดิ่งเหวตามค่า เงินบาทด้วย และส่งผลให้กิจการใหญ่ๆ รวมทั้งบุคคลจำนวนมากมาก ประสบกับวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ หลายองค์กรกลายเป็นลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ เกิดการยึดกิจการจนทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลง หนึ่งในนั้นก็มี กลุ่มบริษัททีพีไอของ "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" รวมอยู่ด้วย เนื่องเพราะทีพีไอเป็นบริษัทหนึ่งที่อาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ มาดำเนินและขยายกิจการ เมื่อค่าเงินบาทลดลงหนี้สินที่มีอยู่เดิมก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จนทำให้ทีพีไอกลายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในประเทศ 5 ปีที่ผ่านมา "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) พยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามายึดกิจการมาโดยตลอด แต่สุด ท้ายแล้ว บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย หรือทีพีไอ ต้องตกเป็น ของเจ้าหนี้ต่างชาติ เหลือแต่เพียงบริษัททีพีไอโพลีน ซึ่งผลิตปูน ซีเมนต์ที่เขายังคงบริหารอยู่ 5 ปีที่ผ่านมา เขาดำเนินการต่อสู้อย่างไร บทเรียนที่เขาได้รับ คืออะไร และขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ได้มา พูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้ในรายการก่อนจะถึงวันจันทร์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. โดยมีอนุชิต จุรีเกษ เป็นผู้ซักถาม รายละเอียดการพูดคุยมีดังนี้ ................ อนุชิต : หลังจากมีการประกาศลดค่าเงินบาทเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จนทำให้เศรษฐกิจเราดิ่งลงเหว คุณประชัยเหนื่อยไหมครับ และรู้สึกอย่างไร ประชัย : ก็เหนื่อยครับ เป็นธรรมดาอยู่เอง มันคล้ายๆ ว่าเราถูกเขาปล้น ประเทศทั้งประเทศ ถูกเขาปล้น แล้วเราก็โดนเขาปล้นไปโดยที่รัฐบาล เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาปล้นเรา เราก็พยายาม ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อให้ประเทศชาติอยู่ได้ ก็เป็นวิธีการสู้อันหนึ่ง แต่ว่าเราก็พยายามที่จะจรร โลงไว้ อะไรที่เป็นของคนไทยมันก็ควรจะเป็นของ คนไทยอยู่ เพราะถ้าต่างชาติเอาไปหมด เราจะไม่ เหลืออะไรเลย อนุชิต :ตอนที่คุณประชัยเริ่มต้นธุรกิจ และกู้เงินจากต่างประเทศมามากมาย เคยคิดไหม ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แล้วเคยกลับมามองไหมว่าเราวางแผนอะไรผิด ประชัย : เริ่มต้นนะครับ เราก็ไม่ได้คาดคิด ว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นแล้วก็คิดว่าอย่างไรรัฐบาล ก็ต้องให้ความคุ้มครองแก่ประชาชน เราก็เหมือน ผู้ใต้ปกครอง รัฐบาลมีหน้าที่ต้องคุ้มครองประ- ชาชน แล้วเราคิดว่าถ้ามีปัญหาอะไร ยังไงรัฐบาล ต้องช่วยเราตลอด เพราะเป็นธุรกิจของคนไทย อนุชิต : เป็นไปได้ไหมที่ว่าสถานการณ์ใหญ่ เกินกว่าที่รัฐบาลจะมาช่วย เพราะไม่ใช่แต่เรื่องของ คุณประชัยคนเดียวเท่านั้น แต่มีหลายองค์กร ประชัย : ครับ มันก็เป็นคล้ายๆ แบบนั้น แต่ข้อเท็จจริงนี่ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลปล่อยให้เขามาปล้น คือในการลดค่าเงินบาท จน กระทั่งประเทศเราเสียหายหมด และก็มีบางคนได้ผลประโยชน์ไปเท่านั้น อย่างโซรอสพวกนี้เข้า มาปล้น และแทนที่จะถือว่าประชาชนคนไทยที่ถูกปล้นไปเป็นผู้เคราะห์ร้าย กลับถือว่ามาเป็นผู้ร้าย และไปเชื่อต่างชาติให้ออกกฎหมายเข้ามา ยึดสมบัติของเรา ซึ่งตรงนี้ก็ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ อนุชิต : ถ้าสมมติต่างชาติไม่เข้ามาทางออก ที่คุณประชัยมองเห็นว่าน่าจะทำได้จะเป็นทางไหน ประชัย :ถ้าต่างชาติไม่เข้ามาและรัฐบาลไทย ให้การคุ้มครอง อย่างที่มหาเธร์ (นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย) เขาทำไว้แล้ว คือ Exchange Control หรือ Capital Control เขาก็ทำได้ผล คือเขาป้องกันไม่ให้ต่างชาติถล่มค่าเงิน แล้วเงินที่ต้อง รีบชำระก็ให้ชำระตามหมายกำหนด เพราะฉะนั้นประเทศมาเลเซียอยู่ได้สบาย และเป็นวิธีการที่ถูกต้อง อนุชิต : ตอนนี้บรรดาเพื่อฝูงของคุณ ประชัยมาพูดถึงนโยบายที่รัฐบาลทำมาตลอดเวลา 5 ปี ว่าตกลงเราเดินผิดพลาดหรือเราเดินมาพอจะถูกทางบ้างครับ ประชัย :ตลอดเวลา 5 ปีนี่มันผิดพลาด เพราะรัฐบาลไปถือว่านักธุรกิจเป็นผู้ร้ายไม่ชำระเงิน จริงๆ มันเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกเขาปล้น ถ้ารัฐบาลออกกฎหมายช่วยผู้เคราะห์ร้าย ทุกอย่างมันก็จบ ให้พักชำระหนี้ไว้ก่อน แล้วหลังจากนั้นเขามีกำไรก็เอามาคืน เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครเดือดร้อนเลย อนุชิต : ตอนที่คุณประชัยเริ่มสร้างอาณาจักรทีพีไอขึ้นมา เคยคิดถึงสถานการณ์ที่เศรษฐ กิจเราจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ ประชัย :เรื่องพวกนี้เราต้องคิดอยู่เสมอ คิดอยู่ตลอดเวลา แต่ที่มาพลาดเพราะว่าในความ เป็นจริงแล้ว ประเทศไทยไม่ใช่เป็นฟองสบู่อย่าง ที่เขาพูดกัน ถ้าเป็นฟองสบู่จริง ค่าครองชีพเราต้องแพงกว่าอเมริกา ดูซิครับ ค่าแรงขั้นต่ำของเรา ก็แค่ 150 บาท/วัน ของอเมริกา ค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อยก็ 5-10 เหรียญ/ชั่วโมง ถ้าเราเป็นฟอง สบู่จริง ค่าแรงขั้นต่ำเราต้องแพงกว่าคนอเมริกัน มันก็ไม่ได้แพงกว่าเขา แสดงว่านี่มันเป็นภาพหลอนซึ่งทาง IMF (International Monetary Fund) มาบอกให้เราพยายามคิดว่าเป็นสบู่ อนุชิต : นั่นก็คือเป็นความพยายามให้เราไปในแนวทางที่เขาต้องการจะเข้ามายึดธุรกิจและเศรษฐกิจของไทย นี่คือสิ่งที่คุณประชัยเข้าใจ ประชัย : ครับ เขาตั้งเงื่อนไขต่างๆ ไว้ เพื่อที่จะให้จอร์จ โซรอส เข้ามาปล้นประเทศได้ เมื่อ เข้ามาปล้น แล้วประเทศไม่มี Foreign Exchange พอ เขาก็มายึด เวลาเข้ามายึดเขาก็ไม่ต้องเอาเงินดอลลาร์เข้ามา อย่าง ปรส. (องค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน) นี่ ที่บอกว่าต่างชาติจะเอาเงินดอล ลาร์เข้ามา เขาไม่ได้เอาเงินเข้ามาเลย เขาเอาเงินบาทนี่ซื้อทรัพย์สินจากปรส. ที่มีมูลค่า 1 ล้านล้าน บาท ก็ซื้อแค่ 2 แสนล้าน แล้วก็ขายกำไร 5-6 แสนล้าน แล้วก็เอากำไรเป็นดอลลาร์ส่งออกไปต่างประเทศ นี่เป็นการปล้นกันชัดๆ อนุชิต : ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ คุณประชัยต่อสู้ทางด้านความคิดนี้ มีเพื่อนที่ร่วมเดิน ไปด้วยไหม หรือว่าทุกคนหายไปเพื่อช่วยเหลือตัวเองกันหมด ประชัย : คือผมคิดว่าผมมีเพื่อนทั้งประเทศ คน 70-80% ก็โดนแบบนี้ทั้งนั้น แต่ละคนเขาเรียกว่า Silent Majority คือเป็นคนที่เงียบ ไม่กล้าพูดออกมา กลัวว่าแบงก์จะหาทางเล่นงานเขา ข้อเท็จจริงนี่ ถ้าถือว่านักธุรกิจทั้งหลายเหล่านี้เป็น ผู้เคราะห์ร้าย รัฐบาลออกมาตรการมาพักหนี้อย่าง บสท. (บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย) ให้มีประ-สิทธิภาพขึ้นมา ผมคิดว่าธนาคารก็จะได้รับผลดี ไปด้วย เพราะท้ายที่สุดธนาคารก็จะได้รับเงินคืน ตลอดเวลาที่เราสู้มานี่ สู้เพื่อให้ธนาคารได้รับเงิน คืน ผมไม่ได้สู้เพื่อว่าให้หนี้มันหายไปโดยทางไม่ดีนะ เราสู้เพื่อให้เราสามารถมาบริหารกิจการได้ เพื่อที่จะให้ธนาคารได้รับหนี้คืนเร็วขึ้น วันนี้ธนาคารเขาเข้าใจผิด เขาก็ไปรับคำยุแหย่จากต่างชาติ บอกว่าเขาจะทำงานเก่งกว่าเรา และบริหารเก่งกว่าเรา จะคืนหนี้ได้เร็วขึ้น แล้วให้เขาเข้ามาบริหารก็ปรากฏว่าเขามาปล้นเมืองไทยออกไปอีกเช่นกัน อย่างของทีพีไอนี่ 2 ปีที่ผ่านมา อีพี (Effective Planner) เข้ามานี่ เขาเอาไปตั้งกว่า 2 พันล้านแล้ว และบริษัทก็เลวลงไปอีก เป็นหนี้มากขึ้นไม่ใช่หนี้ลดลง นี่เป็นตัวเลขที่เป็นหลักฐานแท้จริง (ต่อ) จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 (ต่อ) อนุชิต : คุณประชัยต่อสู้เรื่องที่ต่างชาติมายึดครองธุรกิจของคนไทยมาโดยตลอด แต่ว่าธุรกิจที่ล่มสลายไม่ได้มีแต่เฉพาะของคุณ ประชัยคนเดียว มีหลายๆ กิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธนาคาร โรงปูนโรงเหล็ก ธุรกิจค้าปลีก ทำไมพวกเขาดูจะเงียบ ไม่ได้ออกมาเหมือนคุณประชัยเท่าไหร่ ประชัย : ก็ต่างคนต่างความคิดนะ อย่างที่เราคิดนี่ เราคิดว่าเมื่อรัฐบาลที่แล้วเดินทางผิด มันก็ควรจะแก้ไขเพื่อความอยู่ดีกินดีของประเทศชาติในอนาคต ถ้าไม่แก้ในอนาคตลูกหลานของเราจะทำอย่างไร นี่ผมเป็นห่วงประเทศมันถึงต้องอย่างนี้ ถ้าผมไม่ห่วงประเทศ ผมก็ซื้อดอลลาร์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราไม่เป็นเด็กดี เราปั่นดอลลาร์ ตอนนี้ผมก็ไม่ต้องเป็นอย่างนี้ ทีนี้เมื่อเราห่วงประเทศมากไป บางทีมันก็เจ็บตัวเรา อนุชิต : เป็นไปได้ไหมครับที่เราเคยเชื่อว่า ตะวันตกมีความเป็นธรรมาภิบาล เหมือนกับตอน นี้ความจริงเริ่มเปิดเผยว่าที่อเมริกามีบริษัทตก แต่งบัญชี บริษัทใหญ่ๆ ล้มกัน แล้วก็เปิดเผยมา ว่าแท้จริงนี่ทั้งโกงทั้งหลอกลวงเขาเหมือนกัน แต่บริษัทเหล่านี้ก็เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ทั้งของบริษัทและของรัฐหลายองค์กร คุณประชัยเห็นด้วยกับคำพูดนี้ไหม ประชัย : ผมคิดว่าธรรมาภิบาลของต่างชาติ มันมีอยู่ระดับหนึ่ง บริษัทใหญ่ก็มีบ้าง บริษัทเล็ก ก็มีบ้าง ทั่วๆ ไปก็มี แต่ของคนไทยเราไม่ใช่ไม่มี เพราะว่าเราเป็นประเทศพุทธศาสนา เราถูกอบรมในทางพุทธศาสนา ในเรื่องศีลธรรมมาตั้งแต่เด็ก ศีลธรรมนี่ก็คือธรรมาภิบาลชั้นสุดยอด ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านทำมาตั้งแต่ก่อน 2500 ปีมาแล้ว เรานี่ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ก็บอกว่า ห้ามโกหก ห้ามหลอกลวง ห้ามขโมยของ ห้ามเบียด เบียนเขา พวกนี้คือธรรมาภิบาลเลยครับ ซึ่งฝรั่งเขาเอามาดัดแปลงเป็น good governance ใน corperate ซึ่งพวกนี้เราทำมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาผมจำความได้ คุณพ่อคุณแม่ก็สอน ผมให้รู้จักศีลธรรม ผมมีอยู่แล้ว ถ้ามาเรียนศีลธรรมพวกนี้ตอนแก่ รับรองไม่ได้เรื่องหรอก ก็มีแต่หลอกลวงกันไปหลอกลวงกันมาเท่านั้นเอง อนุชิต : แล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไรดีที่ จะสกัดกั้นกระบวนการจากต่างชาติที่ไม่มีธรรมา ภิบาลเข้ามาในไทย ตอนนี้สายเกินไปไหมที่เราจะคิดเรื่องนี้ ประชัย : มันไม่สายไปครับ การที่ต่างชาติจะเข้ามาบีบหรือมาทำอะไรเรานี่ มันอยู่ที่รัฐบาลไทย ถ้ารัฐบาลเราช่วยปกป้องต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะเข้ามาได้เลย แต่ถ้ารัฐบาลไทยเหมือนกับรัฐบาลชุดที่แล้ว คอยเปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาโจมตีเรา และบอกว่าคนไทยเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ถูกเขาปล้นจนหมดตัว อย่างนี้ละก็ประเทศไทย หมดตัวแน่ อนุชิต : ถ้าตอนนี้คุณประชัยสามารถบอก รัฐบาลให้ทำอะไรที่สำคัญๆ เหมือนเป็น breaker ตรงนี้บ้าง มีอะไรที่อยากจะบอกรัฐบาลเอาเรื่องด่วนที่สุดเลย ประชัย : เร่งด่วนที่สุดก็คือต้องแก้กฎหมาย ฟื้นฟู ว่ากฎหมายฟื้นฟู ณ วันนี้ บางข้อขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างกฎหมายฟื้นฟูอันนี้นี่ copy มาจาก chapter 11 ของอเมริกา แต่ chapter 11 ของอเมริกานี่เขาให้ลูกหนี้เป็นผู้บริหารแผนไม่ใช่เจ้าหนี้ เพราะว่าธุรกิจทรัพย์สินของลูกหนี้ยังเป็นของลูกหนี้ ไม่ใช่ของเจ้าหนี้ แต่ที่นี่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี กระทรวงยุติธรรมก็ดี ผู้พิพากษาก็ดี เข้าใจว่าทรัพย์สินนี้เป็นของเจ้าหนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าหนี้จะทำอะไรก็ได้ แต่ทีนี้มันไม่ใช่ จะเป็นของเจ้าหนี้ได้ต่อเมื่อคุณฟ้องล้มละลาย พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แล้วก็ขายทอดตลาดแล้วเจ้าหนี้ซื้อกิจการไป นั่นแหละจึงเป็นของเจ้าหนี้ ณ วันนี้กฎหมายฟื้นฟูนี่เพื่อให้ลูกหนี้สามารถยืนอยู่บนขาตัวเองได้ นี่คือเจตนารมณ์ของกฎหมาย ธุรกิจนี้ยังไม่ได้เป็นของเจ้าหนี้ เพราะฉะนั้นการที่ให้เจ้าหนี้มีสิทธิ์เลือกผู้บริหาร แผนนี่ มันขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย คือขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 ที่ระบุว่าทรัพย์สิน ของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง นี่ขัดอย่าง แรงเลย อย่างอเมริกาเขาถึงไม่กล้าให้เจ้าหนี้เป็น ผู้ทำแผน เขาให้ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน อนุชิต : ถ้าขัดต่อรัฐธรรมนูญนี่ ที่ทำกันไปต้องถือเป็นโมฆะด้วยหรือเปล่า ประชัย : มันต้องเป็นโมฆะและขัดรัฐ- ธรรมนูญอย่างแรง อย่างอเมริกานี่นายทุนเขาก็คุม รัฐสภาอยู่ ทำไมนายทุนเขาถึงไม่เป็นคนเลือกผู้ทำแผน เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญเขาถึงทำไม่ได้ เขาจึงให้ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน ทำแผนแล้วก็เสนอ ให้เจ้าหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่พอใจ บริษัทนี้ล้มละลายไป แล้วเขายึดไปเลย อย่างนั้นก็จบ แต่ถ้าเจ้าหนี้ พอใจก็ดำเนินกิจการต่อ ทำให้เจ้าหนี้ได้เงินคืนเร็ว ขึ้น นี่คือเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตรงนี้ผมอยากให้รัฐบาลต้องรีบแก้กฎหมายข้อนี้ อย่างบสท.ก็เช่นเดียวกัน บสท.เขาบอกชัดนะว่าให้ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่องเกี่ยวกับธนาคาร ของเมืองไทยนี่ ขณะนี้มีทุนไม่พอ รัฐบาลควรที่จะเพิ่มทุนของธนาคารให้พอ เมื่อธนาคารมีเงินพอ แล้วก็ปล่อยกู้ได้มากขึ้น เศรษฐกิจของไทยจะได้ขับเคลื่อนไปได้เร็ว สองจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่สุด อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ควรจะแก้กฎหมายบสท. ให้ลูกหนี้ทุกคนที่มีปัญหาสามารถเข้าสู่บสท.ได้ และพักหนี้ประชาชนได้ คนจะได้เลิกเดือดร้อนเสียที " อ่านแล้วก็เก็บข้อมูลไว้นะครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านข่าวต่อ "ประชัย เดินหน้า ดึงกลุ่มซีติก ฟื้นฟู ทีพีไอ แม้ก.คลังจะเซ็นขายหุ้นให้ปตท.แล้ว นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งบมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย(TPI)จะแถลงข่าววันนี้เวลา 16.00 น.โดยยืนยันแผนดึงกลุ่มซีติกเข้าร่วมทุนยังเดินหน้าต่อ แม้กระทรวงคลังเซ็นสัญญาจะซื้อจะขายหุ้น TPI แล้วในวันนี้ และการที่กระทรวงคลังเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นไปแล้ว ถือเป็นเรื่องของกระทรวงคลังในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ แต่ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้ง TPI และผู้ค้ำประกันหนี้ ก็มีสิทธิตามกฏหมายที่จะหาเงินมาชำระหนี้ และเรื่องนี้ก็ได้ดำเนินการตามตอนของกฏหมาย ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง คาดว่า จะนำ TPI ออกจากการฟื้นฟูกิจการได้ภายใน 2 เดือนจากนี้ และปตท.จะเข้าบริหารกิจการ TPI รวมถึงนำหุ้นกลับมาซื้อขายในหมวดปกติหลังช่วง 2 เดือนดังกล่าว 14.19.164R" จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ดูวันเวลา จดจำชื่อ “ประชัย” ฉุน “คลัง” ทำตัวเหมือนผู้ยึดบริษัท! โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2548 17:32 น.  “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ทีพีไอ” ให้สัมภาษณ์สภาท่าพระอาทิตย์ (30 พ.ค.) ระบุ การที่คลังเลือกขายหุ้นให้ปตท.เพียง 3.30บาท ซึ่งถูกกว่าที่ “ซิติกกรุ๊ป” เสนอซื้อ ถือเป็นการประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ ฉุน มีหน้าที่บริหารแผน แต่ทำตัวเหมือนเป็น “ผู้ยึดบริษัท” ชี้ ศาลให้เวลา 90 วัน หาเงินชำระหนี้ทั้งหมดแลกกับการโอนสิทธิทุกอย่างแล้ว หากยังดื้อแพ่ง อาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลได้ -เผย ต้องรอดูท่าที 1 มิ.ย.นี้ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป             รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และคำนูณ สิทธิสมาน             สำราญ – กลับมาถึงช่วงสุดท้ายของเรา 2 คนนะครับ คุณคำนูณ และผมสำราญนะครับ ก็เรื่องใหญ่อย่างที่เกริ่นเอาไว้นะครับ ข่าวนำของหนังสือผู้จัดการรายวันบอกว่า “ประชัยวัดใจ ธรรมาภิบาลรัฐ ยันดึงทุนจีนร่วมทีพีไอ ทุกฝ่ายมีแต่ได้” ก็เป็นการให้สัมภาษณ์ของคุณประชัยด้วย แล้วผู้จัดการเขาก็ไปนำเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องมาประมวลกันนะครับ ตามโปรแกรมเดิมนั้นวันที่ 1 มิถุนายน คือวันมะรืนนี้นะครับ กระทรวงการคลังในฐานะเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการนะครับ ของทีพีไอ เขาก็จะไปลงนามเซ็นสัญญากับทาง ปตท. ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่จะมาซื้อหุ้นทีพีไอ แต่จู่ๆก็มีกลุ่มซิติกกรุ๊ปจากจีนนี่ก็ยื่นมือนะ ก็คือมาร่วมคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์นี่ก็จะมาช่วยคุณประชัยว่าอย่างนั้นเถอะ คุณประชัยก็ไปยื่นคำร้องต่อศาล บอกว่าพร้อมที่จะไปฟื้นฟูกิจการเหมือนกันนะครับ โดยที่มีการหนุนช่วยจากกลุ่มซิติกรุ๊ปจากประเทศจีนนะครับ ในวันที่ 1 นี้คล้ายๆว่าพร้อมจะเอาเงินมาวางกันเลยล่ะ คำนูณ – ใช้หนี้เจ้าหนี้ให้หมด   ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "ทีพีไอ"              สำราญ – มันก็เกิดงานซ้อนงานขึ้นมา เรื่องนี้นี่เพื่อความกระจ่าง เราอาจจะอยู่ห่างไกลเหตุการณ์ไปนิดหนึ่ง ต้องไปคุยกับคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เลย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด หรือทีพีไอนะครับ ตอนนี้คุณประชัยมาแล้วครับ             คำนูณ – สวัสดีครับ             ประชัย – สวัสดีครับ             สำราญ – คุณประชัย เพื่อความเข้าใจของคนที่มันวงกว้างนิดหนึ่งนะครับ เอาพื้นๆแล้วกัน วันที่ 1 นี้ตามที่ข่าวว่าคุณประชัย และกลุ่มซิติกกรุ๊ปจากจีนจะมาร่วมนี่ ก่อนหน้านี้คุณประชัยไปยื่นคำร้องต่อศาล ขั้นตอนมันเป็นอย่างไรครับที่ผ่านมา             ประชัย – คือเราติดต่อทางซิติกกรุ๊ปนี่มาตั้ง 6 เดือนมาแล้วนะครับ คือช่วงนั้นมันยังพูดง่ายๆว่าแผนมันยังไม่ตกผลึกดี ตอนหลังที่แผนมันตกผลึกเรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบางจีนก็ตัดสินใจมาลงทุนในประเทศไทยเรานี่ แล้วก็เพื่อผลประโยชน์ของทั้งคู่นะครับ เพราะว่าทางจีนเขาก็ต้องการน้ำมัน เราก็มีน้ำมันเหลือ เราก็ผลิตออกไปใช่ไหม ขายไปในประเทศ แล้วก็ส่วนหนึ่งก็ Export ในเมืองจีน แล้วปิโตรเคมีเม็ดพลาสติกต่างๆเราก็ส่งไปเมืองจีนมากมาย ทีนี้ปัญหาว่าถ้าตอนนั้นเมื่อมาลงทุนแล้วนี่ เขาก็เรียนไปแจ้งให้คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ทราบที่เฉินตู ตอนที่ท่านไปเมืองจีน ในวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว ท่านก็ไม่ได้ตอบรับหรือว่าตอบปฏิเสธ       เดิมกระทรวงการคลังจะเซ็นสัญญาวันที่ 20 มิถุนายน ท่านกลับมาก็เลยมาเร่งกระบวนการให้มันเซ็นวันที่ 1 มิถุนายน เพื่อที่จะบลัฟคนจีนไม่ให้มาลงทุนในเมืองไทย จริงๆแล้วนี่ผมก็เสนอว่าเราจะซื้อราคา 5.50 บาท หุ้นที่จะออกใหม่หรือทั้งหมดนี่ 5.50 บาท/หุ้น กระทรวงการคลังก็ปฏิเสธไม่ยอมขายให้เรา เห็นบอกว่าจะมาขายในราคา 3.30 บาท ซึ่งจริงๆเรื่องอย่างนี้นี่คือการปฏิบัติมิชอบทางราชการ เพราะว่าถ้ากระทรวงการคลังจะขายอะไรอย่างหนึ่งนี่ ถ้ามีคนมาเสนอ 3.30 บาท กับ 5.50 บาท แม้ว่าไม่ใช่เจ้าของเดิมนี่นะ เพราะฉะนั้นเขาต้องขายในราคา 5.50 บาท สำราญ – คือเขาจะขาย ปตท. ในวันมะรืนนี้ หุ้นละ 3.30 บาท             ประชัย – 3.30 บาทเอง แล้วก็ขอซื้อ 5.50 บาทท่านก็ไม่ขาย ผมถึงว่าอย่างนี้ก็คือการปฏิบัติมิชอบทางราชการ             สำราญ – นิดเดียวครับ ในเชิงของกฎหมาย ก่อนหน้านี้ คุณประชัยก็ไปยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง ถูกต้องไหมครับ             ประชัย – คืออย่างนี้นะครับ เมื่อไม่ให้ใช่ไหมครับ เราก็ไปยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา บอกว่าทางจีนนี่พร้อมด้วยหลักฐานว่าเขาพร้อมที่จะมาลงทุน 2,700 ล้านเหรียญ (ต่อ) จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 (ต่อ) "สำราญ – แล้วทางศาลล้มละลายกลางว่าอย่างไรครับ             ประชัย – แล้วก็โดยขอเวลา 90 วันเพื่อมาทำศึกษารายละเอียด เสร็จแล้วก็จะเอาเงินมาวาง เพื่อที่จะชำระให้เจ้าหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระแล้วก็จะต้องโอนสิทธิทุกอย่าง รวมทั้งสิทธิการขายหุ้นทุกอย่างมาให้เรา เพื่อที่เราก็จะกลับมาบริหารกิจการตามเดิมทุกอย่าง             สำราญ – คือเราขอเวลาตามกรอบกฎหมาย ตามกรอบ 90 วันนะ เพื่อมาทำ Diligent             ประชัย – ครับ เพราะฉะนั้นก็มี 2-3 ขั้นตอนนะ คือ 1. ทำ Diligent 90 วัน เสร็จแล้วก็เมื่อทำ Diligent เสร็จก็เอาเงินมาวาง แล้วก็ขอให้ศาลนี่สั่งให้เจ้าหนี้โอนสิทธิทุกอย่างมาให้เรา รวมทั้งสิทธิการขายหุ้นพวกนี้ด้วย             สำราญ – เอาเงินมาวางนี่เงินจำนวนเท่าไหร่ครับ             ประชัย – 2700 ล้านเหรียญนะครับ             สำราญ – อันนี้เป็นมูลค่าของ             ประชัย – ก็คือมาวางครั้งเดียวนี่ชำระหนี้หมดเลยนะครับ ภายใน 3 เดือนนี่เราชำระหมด แทนที่จะต้องรอไป 12 ปี แถมกระทรวงการคลังนี่นะครับขาย 3.30 บาท ได้เงิน 1300 กว่าล้านเหรียญ แต่ก็ยังเป็นหนี้อีก 1400 กว่าล้านเหรียญ แล้วต้องรอไปอีกประมาณ 12 ปี             สำราญ – ของเราก็คือเอาก้อนเดียวมาวางกันเลยแล้วจบ             ประชัย – วางไปเลยจบ เจ้าหนี้ไปเลย ก็คือว่าพวกธนาคารต่างๆนี่สามารถตัดภาวะ NPL หนี้ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ออกจากบัญชีไปได้เลย เพราะฉะนั้นจะทำให้ธนาคารแข็งแกร่งขึ้นมาทันที             คำนูณ – แต่ของกระทรวงการคลังนี่ต้องรอ 12 ปีใช่ไหมครับ             ประชัย – ครับ ถ้าแบบของกระทรวงการคลัง ธนาคารก็ต้องอ่อนปวกเปียกไปอีก 12 ปี ต้องมีสำรองหนี้ไม่ให้เกิดรายได้อีก 12 ปี แล้วก็ถ้าแบบของเรานี้ เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มทุนมากขนาดนั้น เราเพิ่มทุนแค่ 900 ล้านเหรียญก็พอแล้วนะครับ แล้วก็ไม่ต้องออกหุ้นใหม่ ใช้หุ้นเก่านี่แหละ ที่เจ้าหนี้คืนมานี่ ซึ่งเจ้าหนี้คืนมา 75% พวก Joint venture นี่ก็จะถือซัก 70% อีก 5% ก็มาขายให้ประชาชนที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมนะครับ เมื่อเป็นผู้ถือหุ้นเดิม 25% บวกอีก 5% ก็ได้ 30% ซึ่งก็ขายหุ้นแค่จำนวน 300 กว่าล้านหุ้นเท่านั้นเอง ประชาชนก็เอาเงินมาแค่ 2000 กว่าล้านบาท ในขณะที่ของรัฐบาลนี่ ผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องเอาเงินมาเพิ่มอีก 20% นี่นะครับ เพื่อให้ได้ 30% ก็จะต้องเอาเงินมาประมาณ 13000 ล้านบาท เพื่อให้ได้ 30% แล้วราคาหุ้นก็ถูกทำลายเรียบราบเหลือแค่ไม่ถึง 11 บาทเท่านั้นเอง กับถ้าแบบสไตล์ของเรา ราคาหุ้นก็จะขึ้นเป็น 30-40 บาทไป             สำราญ – นิดเดียวครับ คุณประชัยครับ ย้อนไปนิด แล้วพอเรายื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 25 แล้วนี่นะครับ ขั้นตอนต่อไปศาลต้องทำอย่างไรครับ โดยกรอบกฎหมาย             ประชัย – ศาลก็อนุมัติไงครับ เรามี 2-3 ขั้นตอน ศาลก็อนุมัติในขั้นตอนที่ 1 ให้เราไปทำ Diligent แล้วเอาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ ก่อนที่จะสั่งให้สั่งให้เจ้าหนี้ และผู้บริหารแผนนี่คืนสิทธิทุกอย่างให้กับเรา ในคำสั่งศาลเขาพูดชัด             คำนูณ – สั่งมาแล้วใช่ไหมครับ             สำราญ – สั่งมาหรือยังครับ             ประชัย – สั่งมาแล้วนะครับ แล้วก็สั่งให้แจกสำเนาพวกนี้ไปให้กับผู้บริหารแผน และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้รับทราบเรื่องนี้" (ต่อ) จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประชัยไม่น่าจะสาหัสมาก ถ้าบริหารโปร่งใสจริง เพราะ ทีพีไอ ก็ลักษณะเดียวกับ การบินไทยในแง่ กู้เงินนอก มาลงทุน แต่สินค้าของเขาก็อ้างอิงราคา เมืองนอก แถมคิดราคาขายเปน ดอลล่าร์ แค่อาศัยไทยเปนฐานลงทุนที่ถ้าฝรั่งทำก็ถือว่าต้นทุนต่ำ เพียงแต่โนวฮาวต้องซื้อฝรั่งมาทั้งหมดเท่านั้น จากคุณ : มีใครไทยแลนด์ - [ วันฉัตรมงคล 17:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 (ต่อ) สำราญ – ศาลสั่งมาเมื่อวันที่เท่าไหร่ครับ             ประชัย – วันที่ 25 ครับ แล้วก็เราก็ได้รับสำเนาเมื่อวันที่ 27 นะครับ ทีนี้กระทรวงการคลังเมื่อชำระหนี้แล้ว เราก็ออกจากแผนฟื้นฟูได้ กระทรวงการคลังก็หมดหน้าที่ เพราะจริงๆกระทรวงการคลังมาเป็นผู้บริหารแผนนะครับ ก็มาเป็นผู้จัดการทรัพย์สินและกิจการของบริษัท แต่ไปๆมาๆกลับจะทำหน้าที่เป็นผู้ยึดบริษัท เพราะว่าท่านไปดูสิครับ ที่เขาจะมาขายหุ้นให้ ปตท. ปตท.เขาถือหุ้นใหญ่โดยกระทรวงการคลัง กบข.ก็กระทรวงการคลัง แล้วก็ออมสินก็ของกระทรวงการคลัง ก็แทนที่จะทำตามที่คำสั่งศาลให้มาจัดการดูแล เพื่อผลประโยชน์ของลูกหนี้ กลับไปๆมาๆเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วท่านก็ดูอีกอันหนึ่งนะครับ ปตท.นี่เนื่องจากกระทรวงการคลังถือหุ้น 60 แล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ภาคเอกชนนี่คือใคร คงไม่พ้นพวกญาติพี่น้อง             สำราญ – อันนี้ก็พอจะทราบๆกันนะครับ ทีนี้นิดเดียวในเชิงข้อกฎหมาย พอสมมุติถ้าวันที่ 1 นี่ กระทรวงการคลังยังเดินหน้าต่อไป ไปเซ็นสัญญากับ ปตท. มันก็เกิดความซับซ้อนขึ้นมาสิครับ             ประชัย – ก็คือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลครับ             สำราญ – ถ้าเกิดขึ้นนี่ คุณประชัยจะทำอย่างไรต่อครับ             ประชัย – ก็เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาล อันนี้แล้วแต่อำนาจของศาลแล้วนะครับ             สำราญ – คุณประชัยไม่เคลื่อนไหวอะไรแล้ว ไม่ไปทำอะไรแล้ว             ประชัย – ก็คิดว่าเป็นการฝ่าฝืนอำนาจของศาล เราก็ไม่บังอาจละเมิดอำนาจศาลได้ ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลนะครับ ว่าจะจัดการยังไง แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าทำไปก็ถือว่าเป็นการทำโดยพลการ แล้วก็เป็นการทำผิดโดยส่วนตัวแล้วนะครับ ก็คงไม่เชื่อว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่จะมายึดของประชาชนไปโดยพลการ             สำราญ – คุณประชัยจะไปฟ้องไหมครับว่านี่ผิด ทำโดยพลการ จะไปฟ้องต่อไหมครับ             ประชัย – ก็ผมคิดว่าก็แล้วแต่นะครับ ว่าสถานการณ์ว่ามันจะไปทางไหนนะครับ             คำนูณ – รอดูเหตุการณ์วันที่ 1 ก่อน             ประชัย – ครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องนี่ ท่านเป็นผู้บริหารแทนที่ทำตามหน้าที่ ก็ต้องหยุดตรงนี้ไว้ก่อน             คำนูณ – ทีนี้ได้ข่าวว่ากำหนดการเขายังดำเนินไปเหมือนเดิมไหมครับ             ประชัย – ก็ไม่ทราบครับ ตอนนั้นเขาก็ต้องการบลัฟดูว่ารัฐบาลจีนจะถอยหรือเปล่า ปรากฏว่าทางจีนนี่เขาไม่ถอย             คำนูณ – ถ้าเผื่อว่ากระทรวงการคลังเดินหน้านี่นะครับ จะทำให้สัมพันธ์ไทย-จีนนี่กระทบกระเทือนไหมครับ             ประชัย – ก็คงจะกระทบกระเทือนแน่นอนนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วเขาจะมาช่วยเรา เพราะว่ารัฐบาลก็ทำท่าหมดอาลัยตายอยากนะครับ คนขอซื้อ 5.50 บาทก็บอกว่าไม่มีปัญญาหรอก ไม่มี Potential จะขายเฉพาะ 3.30 บาท ให้พรรคพวกตัวเองอย่างนี้ มันทำแบบหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความกระตือรือร้นว่าหุ้นพวกนี้มีความสำคัญขนาดไหน ทางจีนเขาเห็นความสำคัญตรงนี้เขาเลยมาบอกว่าขอช่วยเรา             สำราญ – ซิติกนี่คือใครครับ คุณประชัย             ประชัย – ซิติก (CITIC) คือ China International Trade & Investment Corporation นะครับ เป็นบริษัทการลงทุนของประเทศจีน แล้วก็มีทรัพย์สินของตัวเองประมาณ 7 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทที่ใหญ่มากของจีนอันหนึ่ง             สำราญ – ประมาณว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นอะไรครับ             ประชัย – รัฐวิสาหกิจครับ แล้วเขาก็มีความเชื่อมั่นในบริษัทนี้ แล้วก็บอกว่าโอเค และเชื่อมั่นในฝ่ายจัดการของเรา แล้วก็บอกว่า เขาเข้ามานี่ เขามาช่วยร่วมลงทุน แล้วให้เราเป็นฝ่ายจัดการต่อไป ในขณะที่รัฐบาลไทยนี่บอกว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในคุณประชัย เพื่อรัฐบาลเข้ามา ปตท.เข้ามาต้องไล่คุณประชัยออกให้หมด มันผิดกันครับ คือระดับความเชื่อมั่นในคนไทยนี่ ต่างชาติเขาเชื่อมั่นมากกว่าคนไทย ผมฟังดูแล้วมันน่าอับอายขายหน้ามาก สำหรับรัฐบาลไทยนะครับ             สำราญ – เงิน 2,700 ล้านเหรียญ หรือตั้งแสนล้านบาทนะครับ เป็นก้อนๆนี่ เขาจะเอามา lot เดียวเลยใช่ไหม ตามกรอบที่ว่า             ประชัย – ครับ เมื่อทำ Diligent เสร็จนี่ เขาก็จะเอา 2,700 ล้านเหรียญวางที่ศาลเพื่อชำระเจ้าหนี้ไปเลย             สำราญ – ก็ม้วนเดียวจบเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ             ประชัย – ครับ ก็จะทำให้ราคาตลาดหุ้นก็ดีขึ้นนะครับ คนมีความมั่นใจในตลาดหุ้นมากขึ้น             สำราญ – มีท่านผู้ชมถามว่า คุณประชัยนี่โดยกฎหมาย ตอนนี้เหลือหุ้นอยู่ในทีพีไอเท่าไหร่ครับ             ประชัย – อันนี้ต้องไปดูกันหน่อยนะครับ ผมก็ยังไม่ได้ไปดูรายละเอียดครับ             สำราญ – ประมาณซักกี่เปอร์เซ็นต์ เอาเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ครับ             ประชัย – ไม่เป็นไรครับ อันนั้นต้องดูกันเองครับ             สำราญ – แล้วกำไรสุทธิปี 2547 นี่เท่าไหร่ครับ             ประชัย – ตอนนี้รายรับ กำไรก็หักภาษีเงินได้ แล้วก็หักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมนี่ ปีที่แล้วก็ 2 หมื่นกว่าล้านนะครับ 2.3-2.4 หมื่นล้านนี่แหละครับ             สำราญ – เอาล่ะครับ ก็ดูกันวันที่ 1 อีกทีถ้างั้นนะครับ วันที่ 1 มิถุนายน ขอบพระคุณครับ คุณประชัยครับ             คำนูณ – สวัสดีครับ             ประชัย – ครับ ขอบคุณครับ" ต้องเอาข่าวเก่า ๆ มาให้อ่านกันก่อน จะได้มีความรู้พื้นฐานก่อนที่จะคุยกันเรื่องราวต่อไปนะครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข่าวเก่า ป๋าเปรม-บิ๊กหมง"ฟ้อง"ประชัย" แจ้งกองปราบฯฟันหมิ่นประมาท "ป๋าเปรม-บิ๊กหมง-จิรายุ" และอธิบดีกรมบังคับคดีรุมฟ้องประชัยหมิ่นประมาท ส่งตัวแทนแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้การกองปราบ "โกสินทร์ หินเธาว์" ระบุฟังเทปเบื้องต้นหมิ่นประมาทชัดเจน เตรียมออกหมายเรียกมาให้ปากคำ พร้อมแยกคดีออกเป็น 4 สำนวน รายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2547 ตัวแทนของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีในฐานะที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตัวแทน พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ หรือบิ๊กหมงประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ และนายไกรสร บารมีอวยชัย อธิบดีกรมบังคับคดี ได้เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีไอในข้อหาหมิ่นประมาทต่อ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบปราม พล.ต.ต.โกสินทร์กล่าวหลังจากรับแจ้งร้องทุกข์กล่าวหาว่า หลักฐานที่ตัวแทนนำมาแจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทกับนายประชัยครั้งนี้ เป็นม้วนเทปหลายม้วนที่นายประชัยแถลงต่อผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ไปเมื่อเร็วๆ นี้ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ที่นำมาตีพิมพ์อีกทอดหนึ่ง ทำให้ผู้ที่ถูกพาดพิงดังกล่าวได้รับความเสียหาย ผู้บังคับการกองปราบปรามกล่าวต่อว่า เท่าที่ฟังเนื้อหาเบื้องต้นที่นายประชัยแถลงจากเทปและหนังสือพิมพ์ที่นำมาลงตีพิมพ์ น่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทชัดเจน เพราะใช้วาจาไม่เหมาะสม ดังนั้นกองปราบปรามจะมีการแยกสำนวนคดีหมิ่นประมาทในครั้งนี้ออกเป็น 4 สำนวน พร้อมกับจะออกหมายเรียกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์มาให้ปากคำว่ามีเจตนาอะไรบ้างในการแถลงข่าวและพาดพิงผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ท่าน ซึ่งเรื่องนี้ผู้ถูกกล่าวหาหรือถูกพาดพิงต้องการให้ดำเนินคดีอาญากับนายประชัยถึงที่สุด นอกจากนี้ทางกองปราบปรามจะออกหมายเรียกบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยมาให้ปากคำด้วยในฐานะผู้ต้องหาที่ 2 นายไกรสร บารมีอวยชัย อธิบดีกรมบังคับ คดี เปิดเผยถึงการเดินทางมาร้องทุกข์กล่าว โทษนายประชัยต่อกองปราบปรามว่า ตนมาในฐานะผู้เสียหายจากการถูกพาดพิง ต้องขอดูรายละเอียดจากม้วนเทป หนังสือพิมพ์ของตัวแทนทั้ง 3 ท่านข้างต้นอีกครั้งก่อน เท่าที่ทราบเบื้องต้นนายประชัยไปพูดต่อผู้สื่อข่าวว่า แผนฟื้นฟูกิจ การทีพีไอ ตนตัดสินคดีเข้าข้างเจ้าหนี้ในการนำคดีนี้เข้าสู่การฟื้นฟูผ่านกระบวนการทางศาล จริงๆ แล้วตนไม่ได้เป็นผู้ตัดสินในคดีนี้ ตนมารับช่วงคดีนี้หลังจากมีการตัดสินให้ทีพีไอเข้าสู่กระ บวนการฟื้นฟูผ่านศาลไปแล้ว" จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถามว่าทำไมต้องเอาข่าวเก่า ๆ มาให้อ่าน ตอบว่า ต้องการให้ท่านที่เข้ามาอ่าน ได้มีข้อมูลก่อน "ประชัย"ตกเป็นจำเลยคดี"บุญคลี"ฟ้องหมิ่น ศาลอาญา มีคำสั่งประทับรับฟ้อง คดี “บุญคลี" ฟ้อง “ประชัย”ฐานหมิ่นประมาท กรณีกล่าวหา รับเงิน 15 ล้าน บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ ไม่โปร่งใส พร้อมสั่งยกฟ้อง สื่อฯ 2 ฉบับ เพราะเห็นว่า มีสิทธินำเสนอข่าวได้ นัดสอบคำให้การจำเลย 22 พ.ย.นี้ วานนี้(2 ก.ย.)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดีที่ 915 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่ สุพจน์ วาทิตต์พันธุ์ ผู้รับมอบอำนาจากนายบุญคลี ปลั่งศีริ ประธานกรรมการ และกรรมการบริหาร บ.ชินคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. อุตสาหกรรม ปิโตเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทีพีไอ,บ.สำนักข่าวเสรี จำกัด,นายสมชาย จีระโสภณ บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ เสรีรายวัน,บ.โพสต์ พับลิชชิง จำกัด(มหาชน) และนายพิชาย ชื่นสุขสวัสดิ์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328,332,90,91 ,83 และพ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4 และ 48 โดยศาลได้พิเคราะห์ จากคำเบิกความโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง สรุปได้ว่า คดีตามฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 มีมูล ให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 และ4 เห็นว่าการกระทำไม่เป็นความผิด ตามฟ้องโจทก์แต่อย่างใด และเป็นสิ่งซึ่งนายสุพจน์ ผู้รับมอบอำนาจจากนายบุญคลี คาดหมายไปเอง ว่าการนำเสนอข่าว ของจำเลยที่ 2 และ4 ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย คดีตามฟ้องโจทก์ ในส่วนจำเลยที่ 2 และ4 จึงไม่มีมูล และสั่งให้จำหน่ายคดี ออกจากสารบบความ สำหรับคดีตามฟ้องโจทก์ ในส่วนของจำเลยที่ 3 และ 5 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ และผู้โฆษณานั้น เห็นว่าเป็นการนำเสนอข่าวสารโดยสุจริต ไม่ปรากฏหลักฐานว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้อำนาจบังคับ ข่มขู่ หรือจูงใจให้เชื่อคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด ประกอบกับ คำให้สัมภาษณ์ ของนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ หนึ่งในคณะทำงาน ของคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู กิจการทีพีไอ ที่กล่าวถึงสาเหตุของการที่นายบุญคลี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เห็นว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของจำเลย เป็นการนำเสนอด้วยความเป็นธรรม บริษัท บ. อุตสาหกรรม ปิโตเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทีพีไอ ถือเป็นบริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การเข้าไปบริหารงาน ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแล ของนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 3 และ 5 มีสิทธิเสนอข้อความดังกล่าวได้ ไม่เป็นความผิด โจทก์ไม่เสียหาย ดังนั้น ตามฟ้องโจทก์ จำเลยที่ 1 คงมีมูล เฉพาะในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2 และ5 ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ด้วยเอกสารสิงพิมพ์ ไม่ประทับรับฟ้อง และนัดแถลงเปิดคดี พร้อมสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2547 โจทก์ ได้ยื่นคำฟ้องจำเลยที่ 1-5 ในข้อหาร่วมกัน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ด้วยเอกสารฯ บรรยายฟ้องสรุปใจความว่า เมื่อวันที่ 14-15 มกราคม 2547 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันกับจำเลยที่ 2-5 ใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ทางหนังสือพิมพ์เสรีรายวัน และหนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ ว่า โจทก์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ อย่างไม่โปร่งใส โดยได้รับค่าจ้างจากการทำหน้าที่ เป็นจำนวนเงิน 15 ล้านบาทต่อเดือน จากวงจำนวน 20 ล้านบาท ผ่านทาง บ.ชินเนอยี่ โซลูชั่น จำกัด ที่คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการชุดใหม่ ได้จัดตั้งขึ้น โดยเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนเงินที่เหลืออีกเพียง 5 ล้านบาท นำไปเบิกจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับ บ.ชินเนอยี่ โซลูชั่น จำกัดเท่านั้น" จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็น ความเห็นนี้ในบอร์ด กรุงเทพธุรกิจ น่าสนใจ ก็เลยเอามาให้อ่านกันครับ จะได้เอาไปประกอบการพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่าเพิ่งตั้งธงหรือคำตอบไว้ในใจ ก่อนที่จะพิจารณาตัวแปรทั้งหมดก่อนครับ ความคิดเห็นที่ 145 จำได้ว่าครั้งนายเอกยุทธเปิดตัว มีประชัยนี่แหละที่เปิดตัวพร้อมๆกัน ลองไปหาผลสอบของ ศปร.มาอ่านกัน คณะกรรมการที่ทำหน้านี้ แต่งตั้งโดย นายชวนหลีกภัยในปี 2541 ทำงานอยู่สองปีจนผลสอบออกมาแล้ว ในปี 43 แต่นายชวนกลับสั่งให้ปิดลับมาก ห้ามจ่ายแจก (เพราะอะไร) รายละเอียดในรายงานจึงไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา แต่ส่วนใหญ่ของรายงานชิ้นนี้ อยู่ในหนังสือดังของวันนี้ บันทึกลับ 2540 ........... และขณะนี้รายงานชิ้นนี้ได้รับการเปลี่ยนชั้นความลับให้สามารถเปิดเผยได้แล้ว อยากแนะนำให้ไปหาอ่านกันเสียบ้าง จะได้ไม่โดนนักการเมืองขี้ฉ้อหลอก ในรายงานมีบทหนึ่งที่สรุปว่ามีใครบ้างที่ผิด และผิดข้อหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ค่าเงิน การร่วมโจมตีค่าเงิน การรื้อรั้วให้โจรเข้ามาปล้นชาติ การขายสินทรัพย์ของ ปรส. ในนั้นจะมีรายชื่อผู้ผิดอยู่ 25 ท่านอย่างชัดเจน ท่านชวนรู้เรื่องนี้ดีว่าประกอบด้วยใครบ้าง ท่านจึงได้สั่งให้ใช้ชั้นความลับสูงสุด เพราะอะไรหรือ ก็คนใกล้ชิดของท่านอยู่ในรายชื่อหลายคน เราคงจำได้ว่าเรื่องที่นายประชัยออกมาพูดนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคประชาธิปัตย์เคยกล่าวหามาในช่วง 2540 -43 ถามว่าแล้วทำไมคนในพรรคประชาธิปัตย์จึงได้หยุดกล่าวหาอีกต่อไป แม้ในวันนี้ผู้ใหญ่ในพรรคนี้ก็ไม่กล้าออกมากล่าวหาในข้อนี้ แต่จะใช้คนนอก ไม่ว่าจะเป็นสาวก หรือพวกขายตัว ออกมากล่าวหาแทน เหตุผลง่ายๆก็คือ พรรคนี้เขารู้ดีว่าในรายงานไม่มีชื่อคุณทักษิณอยู่ ถามว่าหากเรื่องที่นายประชัยพูดเป็นความจริง มีหรือพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เอาเรื่องนี้มาประหารท่านทักษิณเสียนานแล้ว ตรรกะนี้คิดได้ง่ายๆครับ ว่านายประชัยก็เป็นได้แค่พวกขายตัว เพื่อหวังเงินทุนไปไถ่ถอนหนี้สิน ก็เท่านั้น กาญจน์" สำหรับผม คงจะไม่มีคำอธิบายนะครับ เพราะจากข่าวเหล่านี้ ท่านที่เข้ามาอ่านก็ใช้วิจารณญานของท่านเองก็แล้วกัน จากคุณ : ขนมต้ม - [ วันฉัตรมงคล 17:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีใครเล่าย่อๆ ได้ไหมค่ะ สงสัยมานานแล้ว คืออยากรู้ แบบอ่านง่ายๆอะคะ ขอโทษนะคะ จากคุณ : asdfdg - [ วันฉัตรมงคล 17:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากค่ะหาข้อมูลอยู่ จากคุณ : ยากัล - [ วันฉัตรมงคล 18:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 TPI  ราคา IPO 55 บาท  เข้าตลาดมาก็ต่ำจอง  มีหนี้สินเพิ่มตลอด 3 ปี  ก่อนเกิดการลดค่าเงินบาทแล้ว จะว่าไม่รู้เรื่องลดค่าเงินบาทเลย ก็แสดงว่าโง่มากๆ  เพราะกลางปี 1996 ก็มีสัญญาณเด่นชัดแล้ว   ก็ขนาดดิฉันซึ่งเล่นแต่หุ้น ยังรู้เลย ไม่ยอมโอนเงินที่ฝากในสกุลเงินปอนด์กลับมาใช้จ่าย  ยอมอด ยอมประหยัดไปก่อน เวลาจะซื้อหุ้น  ก็ต้องตรวจดูรายชื่อผู้ถือหุ้น และงบการเงินตัวไหนที่มีหนี้เป็นเงินต่างประเทศมากๆ  รวมทั้งพวกบริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่  ก็หลีกเลี่ยง ถ้ามีอยู่ขายทิ้งทั้งหมด  หนำซ้ำยังคอยระวังพวกธนาคารและสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้พวกนี้ กลุ่ม SHIN  คนควบคุมการเงินเป็นผู้หญิง  ก็ทำการประกันค่าเงิน  ยังมีอีกหลายแห่งก็ทำ  ทั้งหมดก็ประกาศให้รู้กันเลย  เพราะเป็นบริษัทมหาชน  ทำไมคนที่บริหาร TPI จึงขาดวิสัยทัศน์ ไม่รู้จัก alert แล้วทำตามกันล่ะ   หลังจากนั้น  ตั้งแต่ปี 1997 ถึงปัจจุบัน เรื่องมันยาวมาก กว่าจะมีคนสมองใสช่วยกันระดมวิธีการที่ทำให้จบลงได้เสียที  โดยที่ผู้ถือหุ้นเก่าทั้งหมดยอมเห็นดีด้วย (ยกเว้นนายประชัย) เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนรอบแรก 7 บาท แต่บริษัทขาดทุนเพิ่ม ต่อมาก็ 5 บาท ซึ่งขาดทุนอีก  ในที่สุด  หุ้นก็ถูกตีราคา 3.30  ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วว่าเป็นราคาเหมาะสม คิดดูสิ คนที่เสียหายคือเจ้าหนี้นะ ต้องตัดหนี้ทิ้งไปตั้งเท่าไร เจ้าหนี้ต่างชาติตัดขายให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยและกลุ่มนายประชัย  ส่วน bbl เอามาเทขายบนกระดานที่ราคาเหนือ 7 บาท   รัฐเอาเงินภาษีคนทั้งประเทศมาช่วยฟื้นฟู TPI เพราะ 1 ปลด lock NPL ก้อนมหึมาของประเทศ 2 ทำให้ธนาคารเจ้าหนี้ สามารถปิดบัญชีได้เสียที  ดึงเงินสำรองหนี้ส่วนนี้ออกมา ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายใหม่ได้ 3 เป็นการเพิ่ม marketcap ของตลาด สร้างสภาพคล่อง ทำให้ brokers มีรายได้เพิ่ม และเก็บภาษี vat คืนรัฐได้ 4 เมื่อ TPI กลับเข้ามาเทรดในหมวดปกติ ก็หวังว่าต่างชาติจะเอาเงินเข้ามาซื้อ ทำให้มีเงินตราเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 5 สร้าง credit ให้ TPI สามารถขอเงินกู้ใหม่เพิ่มได้อีก 6 สร้างขวัญ กำลังใจ และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่วนจะเจริญเติบโตไปได้แค่ไหน กำไรเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าไร นั่นเป็นเรื่องของอนาคต มันคงไม่มีอะไรต้องเสียมากไปกว่าที่เสียไปแล้ว ต่างชาติถือหุ้นไทยเกิน 49% ไม่ได้ อย่าลืมสิ  เพราะฉะนั้น ที่ว่าจีนจะมาถือหุ้นตั้ง 70% จึงเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : prettypetite - [ วันฉัตรมงคล 19:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ประชัยไปแล้ว ทีพีไอ คงเจริญขึ้น จากคุณ : boilerthai - [ วันฉัตรมงคล 19:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ มารออ่านต่อ จากคุณ : พ่อโบจัง - [ วันฉัตรมงคล 21:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ZzzzZzzzZZzzz คร่อกกก นอนรอ..... จากคุณ : สิงหา - [ 6 พ.ค. 49 01:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ยินเหมือนประชัยล้มบนฟูก ธุรกิจและกิจการเป็นของครอบครัว วันนี้ครอบครัวยังสุขสบายและมีเงิน อุดหนุนสนับสนุนพันธมิตร รวมถึงการเกณฑ์คน ไปฟังที่ท้องสนามหลวงในวันต่างๆด้วย ขอย้ำได้ยินมา ก็เลยมานั่งดู อยากรู้ว่าทำไมนักธุรกิจต้องทำขนาดนี้ จุดประสงค์เพื่ออะไร จากคุณ : ฟ้าใหม่วันใหม่ - [ 6 พ.ค. 49 12:34:39 ]