| ให้มีได้ เพราะ คนกู้ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเข้าสู่แหล่งเงินในระบบได้ (8 คน) |
| ให้มีไม่ได้ เพราะ รัฐบาลได้มีนโยบายแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนแล้ว มีแค่แผงลอยก็รับเงินกู้ได้ (11 คน) |
| กระทู้ไม่สมควร แจ้งลบ (2 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 21 คน |
ตะลุยข่าว..ฟันแขนแม่ค้าขาดอุทาหรณ์กู้เงินเถื่อน
ย้อนรอยคดี "แม่ค้าปลาถูกฟันแขนขาด" เหตุเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้เมืองปากน้ำโพ ส่งลูกน้องรุมทำร้ายมาจากเพราะเบี้ยวหนี้ผิดนัดส่งดอก ในขณะที่เหยื่อเผย จำภาพนาทีระทึกได้ดีไม่มีวันลืม พร้อมอโหสิกรรม ต้องซื้อนมข้นหวานมาผสมน้ำให้น้องพีกิน ทั้งๆ ที่อยากให้ลูกกินนมกระป๋องเหมือนลูกคนอื่นๆ เขา และรู้ว่าการให้เด็กเล็กกินนมข้นไม่ดี แต่ก็ต้องทำเพราะไม่มีเงิน เหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญกลางตลาดโกรกพระ เมืองปากน้ำโพ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กรณีแม่ค้าขายปลา วัย 28 ปี ถูกเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้เมืองปากน้ำโพ ส่งลูกน้องรุมทำร้าย เหตุเบี้ยวหนี้ผิดนัดส่งดอก จนถูกมีดฟันมือขาดเลือดสาดกระเด็น อาการสาหัสแบบต่อหน้าต่อตา กลายเป็นภาพนาทีระทึกที่ผู้พบเห็นไม่มีวันลืมท่ามกลางเสียงสาปแช่ง เนื่องจากผู้ตกเป็นเหยื่อครั้งนี้คือ หญิงท้องแก่ใกล้คลอด อุ้มลูกน้อยในครรภ์วัย 7 เดือนเศษ ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครสวรรค์นั่งบัลลังก์ที่ 5 อ่านคำพิพากษาคดีดำที่ 1096/2548 คดีอาญาที่ 116/2547 ที่อัยการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางธนนันท์ หรือเจ๊ยุง กลิ่นบานชื่น อายุ 54 ปี "เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ" ส่งสมุนนับสิบไปทวงหนี้จาก นางสมพร เจริญนุ่ม อายุ 28 ปี สาวท้องแก่แม่ค้าขายปลาแล้วใช้มีดสปาร์ต้าฟันแขนซ้ายนางสมพรจนขาดต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดสด อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา โดยศาลสั่งจำคุกเจ้าแม่เงินกู้ 3 ปี 3 เดือน โดยเจ้าตัวระบุว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากติดคุกมานาน 2 ปีกว่าแล้ว เหลือโทษจำคุกอีกแค่ 1 ปีเศษเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะอุทธรณ์หรือไม่คงสุดแท้แต่ ขณะที่มือมืดที่ลงมือก่อเหตุถูกสั่งจำคุก 17 ปี[/b] หลังสิ้นสุดคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็เดินคอตกเข้าเรือนจำโดยไม่ขอยื่นอุทธรณ์ ด้านแม่ค้าปลามือขาดเหยื่อเคราะห์ร้ายยิ้มแก้มปริ พอใจกับคำตัดสินศาลที่เฉียบขาด และตั้งนายวชิรธร ศรีสินธนุ ทนายความยื่นฟ้องทางแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ข้อมือซ้ายขาดไม่สามารถใช้มือทำงานได้ ในวงเงินความเสียหาย 5 ล้านบาท นางสมพร เหยื่อมีดโหด เปิดเผยชีวิตหลังจากมีมือเดียวว่า พอคลอดลูกแล้วไม่สามารถอุ้มลูกได้เหมือนแม่คนอื่นๆ เขา ยังดีที่มีสามีและญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือเลี้ยงดูน้องพีให้ บางครั้งฉันเคยนึกน้อยใจ ท้อใจ และเคยคิดจะทำร้ายตัวเอง แต่เมื่อเห็นหน้าลูกทั้งสองคนแล้วก็ทำไม่ได้ พอคลอดน้องพีได้ไม่นานก็รักษาแผลที่แขนจนหายและออกสมัครงานแต่ไม่มีใครรับ เพราะมีมือข้างเดียว จนเมื่อ 2 เดือนก่อนไปสมัครงานที่[u]ร้านธนากาศรีสอร์ท เจ้าของรับเข้าทำงานเพราะเขาเป็นคนขี้สงสาร และให้โอกาสพาครอบครัวไปพักอยู่ที่ทำงานด้วย "ตอนนี้น้องพีทต้องเข้าโรงเรียน โดยเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ส่วนน้องพีตอนนี้ขวบครึ่งแล้ว ซึ่งต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่เงินที่ตนและสามีได้รับแต่ละเดือนนั้น บางเดือนก็ไม่พอใช้จ่าย" นางสมพร เล่าด้วยสีหน้าเศร้า ฉันต้องซื้อนมข้นหวานมาผสมน้ำให้น้องพีกิน ทั้งๆ ที่อยากให้ลูกกินนมกระป๋องเหมือนลูกคนอื่นๆ เขา และรู้ว่าการให้เด็กเล็กกินนมข้นไม่ดี แต่ก็ต้องทำเพราะไม่มีเงิน โชคยังดีที่น้องพีและน้องพีท โตขึ้นมาด้วยร่างกายแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วยถึงเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง นางสมพร เล่าถึงชีวิตว่า ตอนนี้ชีวิตครอบครัวของตนดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ถึงแม้บางเดือนจะมีเงินเหลือน้อยไม่พอใช้ ก็ไม่คิดจะไปกู้ยืมเงินใครอีกตลอดชีวิต ไม่มีก็ไม่กิน เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร ถ้าถามถึงเจ้าหนี้ที่สั่งให้คนมาทำร้ายตนนั้น เขาได้ขอขมาและขอโทษที่สั่งการให้คนมาทำร้ายร่างกายแล้ว และบอกว่าถ้าออกจากคุกจะช่วยรับเลี้ยงดูแลครอบครัวให้ ตนก็อโหสิกรรมให้เขา แต่ในใจลึกๆ แล้วอดคิดไม่ได้ อยากให้เขาได้รับโทษมากกว่านี้ ตอนนั้นฉันไม่เคยคิดจะเบี้ยวเงินกู้จำนวน 2 หมื่นกว่าบาทเลย และยอมรับว่าไปยืมเขาจริงไม่คิดเบี้ยวหนี้ แต่ชีวิตแม่ค้าจะทำอย่างไรได้ คนหาเช้ากินค่ำ หาเงินพอบ้าง ไม่พอบ้าง แต่ก็โดนแก๊งทวงหนี้มาทำเช่นนี้เกือบตาย คิดว่าไม่เอาอีกแล้วเงินกู้นอกระบบเข็ดจนตาย ขออยู่แบบพอเพียง มีเงินใช้ มีข้าวกินไปวันๆ ดีกว่า จากเรื่องราวเหตุการณ์ชีวิตหญิงคนหนึ่งที่ต้องทรมานกับสภาพร่างกายที่ไม่สมประกอบ ต้องกลายเป็นคนพิการมือขาดมานานร่วม 2 ปี แต่ชีวิตก็ไม่ท้อแท้ต่างมุมานะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองเลี้ยงดูครอบครัว โดยมีสามีให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 2 ปีแล้วก็ตาม เชื่อว่ายังติดตราตรึงใจแม่ค้าเหยื่อเคราะห์รายนี้เสมอ ไม่มีวันลืมเลือนจากชีวิตอย่างแน่นอน นับว่าโชคดีที่กระบวนการยุติธรรมยังสามารถพึ่งพิงได้สำหรับผู้บริสุทธิ์ หลังจากเกิดเหตุเพียงไม่ถึงสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินหน้าลากตัวคนร้ายและผู้บงการมารับโทษได้ ท่ามกลางพยานที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ด้วยเงื่อนงำที่ไม่ซับซ้อนเหมือนคดีอื่นๆ ก่อนจะจับผู้ต้องหารายแรกได้ก่อนคือ นายณรงค์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ เอมมะโน อายุ 32 ปี ที่บ้านเลขที่ 173 / 8 หมู่ 11 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ก่อนวันลงมือ 3-4 วัน ได้พา นายศราวุฒิ หรือโก้ เจริญศิลป์ พร้อมแฟนสาว น.ส.สุวิมล หรือตา หมื่นทะวงศ์ ไปดูตัวเหยื่อที่ตลาดสดโกรกพระ ก่อนจะรับงานจากเจ๊ยุง ให้มาสั่งสอนแม่ค้าสาวฐานเบี้ยวหนี้ จากนั้นได้ติดต่อให้ นายศราวุธ หรือเอก สระบำรุง พร้อมด้วย นายพิภัทรพล หรือเอ็ม คล้ายบัว และ นายเถลิงรัฐ หรือไมค์ สาลี เด็กพี้ยาในตลาดปากน้ำโพ อาสาเป็น "มือมีด" โดยมี นายนิกร พูลเกลี้ยง, นายนุกูล หรือแขก เขียวทอง, และ นายเพลิน บุญฤทธิ์ เป็นสารถีและทำหน้าที่คุมเชิงอยู่ไม่ห่าง ทั้งหมดคือกุญแจที่นำไปสู่การจับกุมตัวเจ้าแม่เงินกู้โหดรายนี้ ล่าสุดศาลตัดสินจำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันทำอันตรายต่อชีวิตของผู้เสียหายและลูกหนี้ให้ยอมชำระเงินกู้แก่จำเลยที่ 1 ให้ถึงอันตรายต่อร่างกาย จำเลยที่ 1 ได้เรียกรับเงินเป็นการชำระหนี้บางส่วน เกี่ยวเนื่องกันของวันที่ 18 สิงหาคม 2547 เวลากลางวัน และวันที่ 22 สิงหาคม 2547 เวลากลางคืนเชื่อมต่อกัน จำเลยที่ 1 ได้ใช้จ้างวานให้จำเลยที่ 2-4 ไปทวงหนี้แก่ผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3-4 ไปดูตัวผู้เสียหาย และยังใช้จ้างวานจำเลยที่ 5-10 ไปฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้ง 10 สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำความผิดฐานซ่องโจรระวางโทษถึงประหารชีวิต ขณะที่ นางสมพร กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์ในครานั้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยหดหู่ว่า หลังถูกตัดแขนจนขาดกระเด็นบนความเจ็บปวดแทบขาดใจ ต้องกัดฟันอุ้มท้องแก่ไปหยิบมือของตัวเองมาใส่ในกระติกแช่น้ำแข็ง เพื่อแช่มือของตัวเองที่หล่นกองกับพื้น แต่ช่วยอะไรไม่ได้ต้องกลายเป็นสาวพิการท้องแก่ และมีความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่กว่าเดิม จนต้องเลิกอาชีพขายปลาไปเลย "เวลานี้ให้น้องสาวสามีเช่าแผงขายแทน เพราะรู้สึกไม่ดีกับสถานที่ตรงนั้น ไม่อยากกลับไปเห็นจุดจุดนั้นอีก และคิดว่าการที่เรามีอาชีพขายปลา ก็คือเราต้องเอาชีวิตเขา เราจึงโดนเขาเอาชีวิต ทำเอาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และคงไม่คิดหันหลังไปขายอีกเด็ดขาด มองเห็นแขนตัวเองทุกครั้งก็ร้องไห้ และเสียใจที่ถูกฟันจนพิการ" อาชีพแม่ค้าถือว่าเป็นอาชีพที่ทำให้ครอบครัวตนมีรายได้พออยู่พอกินตามสภาพแบบคนหาเช้ากินค่ำ มีรายได้หักค่าใช้จ่ายเหลือเดือนละ 4,000-6,000 บาท แต่พอโดนฟันมือขาดก็ไม่ได้ค้าขาย ทำให้ครอบครัวมีฐานะการเงินที่แย่มาก สามีต้องออกไปรับจ้างรายวัน ได้เงินแค่เดือนละ 2,000-3,000 บาท แต่ต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน คนโต 4 ขวบ คนเล็ก 1 ขวบครึ่ง ตนไม่สามารถทำงานอะไรได้ ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ เพราะเขาบอกว่าทำงานให้เขาได้ไม่เต็มที่ เพราะว่ามีแขนเดียว ยิ่งเวลานี้สามีตกงาน สภาพครอบครัวเลยแย่ตามไปด้วย นางสมพร กล่าวต่อว่า เวลานี้จิตใจที่ย่ำแย่เริ่มสามารถรับสภาพความพิการของตัวเองได้แล้ว จึงมาสมัครงานเป็นลูกจ้างสวนอาหาร เรา อยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก สามีก็ยังคงรับจ้างทำงานทั่วไปอยู่ ส่วนลูกอีก 2 คน ก็ฝากตากับยายคอยเลี้ยงให้ ทำงานที่นี่ได้ค่าแรงเดือนละ 4,000 บาท พอมีเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น "ต้องขอบคุณเจ้าของสวนอาหารที่ให้โอกาสหนูได้มีงานทำ ทุกวันนี้ทำงานตั้งแต่ 7 โมงถึง 2 ทุ่ม ทำได้ 3 เดือนแล้วรู้สึกดี และภูมิใจที่ตัวเองยังมีคุณค่า สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป เพื่อนร่วมงานทุกคนก็คอยช่วยเหลือให้โอกาสไม่มีใครรังเกียจ งานที่ทำก็ไม่มีหน้าที่ประจำอะไร แต่จะทำทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ ทั้งเช็ดโต๊ะ ล้างแก้ว จัดของ หั่นผัก หั่นหมู หั่นไก่ เสิร์ฟอาหาร ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้" เรื่องที่เจ๊ยุงสั่งให้ลูกน้องมาทำร้ายตนนั้น ก็คิดว่าอโหสิให้ก็แล้วกัน เวลานี้เขาก็รับกรรมไปแล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า การที่ถูกลงโทษแค่นั้นมันน้อยไป เพราะเมื่อพ้นโทษก็ปกติใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม มีเงินทองมากกว่าเรา มาเปรียบกับชีวิตตนที่ต้องพิการแขนขาด มันคนละความรู้สึก ตัวเองต้องอยู่ในสภาพพิการไปตลอดชีวิต ก็เหมือนตายทั้งเป็นเหมือนกัน ซึ่งคดีทางแพ่งก็ให้ทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท คงเป็นหน้าที่ของทนายก็แล้วกัน
จากคุณ :
NOOKLOOK
- [
7 พ.ค. 49 12:42:53
]