| ยอมรับ (1 คน) |
| ปฏิเสธ (0 คน) |
| แก้ตัว (7 คน) |
| ข่มขู่ (4 คน) |
| ถูกทุกข้อ (9 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 21 คน |
จดหมายเปิดผนึกกรณีเทปการสนทนาระหว่างคุณนิติภูมิ นวรัตน์ กับผู้หญิงคนหนึ่ง
โดยผู้บริหารบริษัทกลุ่มบาลานซ์
ตามที่มีผู้นำเทปการสนทนาระหว่างคุณนิติภูมิ นวรัตน์ กับบุคคลหนึ่งออกมาเผยแพร่ ในเทปการสนทนาดังกล่าวมีคำพูดที่กล่าวหาคุณนิติภูมิว่าโกงทรัพย์สิน ซึ่งตลอดเวลาคุณนิติภูมิไม่ได้มีการตอบโต้ใด ๆ คงใช้คำสุภาพในการสนทนา จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้บุคคลทั่วไปที่รับฟังบทสนทนาจากเทปเข้าใจผิดในเนื้อหาของข้อเท็จจริงได้ พวกเราในฐานะเป็นผู้บริหารบริษัทกลุ่มบาลานซ์ ขอชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนี้
คุณนิติภูมิ ได้ก่อสร้างกลุ่มบาลานซ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2525 โดยทำสถาบันกวดวิชาไวยากรณ์อังกฤษของมหาวิทยาลัยรามคำแหงและวิชาการสอบเข้ารับราชการ ชื่อสถาบันบาลานซ์ (ติวเตอร์หมู) ซึ่งเป็นกิจการเล็ก ๆ อยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อมาคุณนิติภูมิก็ขยายไปทำงานด้านอื่นเพิ่มเติม เช่นเขียนบทความด้านต่างประเทศและภาษาลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐตั้งแต่ พ.ศ. 2540 รับเชิญไปบรรยายตามสถาบันการศึกษาและสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2541 ผลิตภาพยนตร์สารคดีเมื่อ พ.ศ. 2544 เริ่มพิมพ์หนังสือขายเมื่อ พ.ศ. 2545 ตั้งบริษัทจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องเดินป่าในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ทั้ง 6 สาขาเมื่อ พ.ศ. 2547 ฯลฯ แนวคิดในการดำเนินธุรกิจของเราก็คือ ไม่หุ้นกับใคร มีพนักงานตามความเหมาะสม ทำเป็นกิจการขนาดเล็กของครอบครัว กิจการดำเนินไปด้วยดีเรื่อยมาเป็นเวลา 21 ปี
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 มีผู้ซึ่งคุณนิติภูมิรู้จักและเป็นคนจันทบุรี พาบุคคลคนหนึ่งมาพบคุณนิติภูมิโดยแจ้งแก่คุณนิติภูมิว่าอยากลงทุนร่วมกันเปิดบริษัทขึ้นอีก 2 บริษัท คือบริษัทผลิตภาพยนตร์เรื่อง มหาราชดำ และบริษัทผลิตสารคดีต่างประเทศเพื่อป้อนเคเบิ้ลทีวีทั่วประเทศ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของเคเบิ้ลทีวีอยู่แล้วถึง 2 แห่ง
ด้วยความเชื่อถือผู้ที่พามาแนะนำ คุณนิติภูมิจึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับบุคคลดังกล่าว ถึง 2 บริษัท โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 200 ล้าน โดยคุณนิติภูมิถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท 96 ล้านบาท หุ้นส่วนคนดังกล่าวถือเท่ากันคือ 96 ล้านบาท และเป็นของบุคคลอื่น 8 ล้านบาท บริษัททั้งสองที่ตั้งขึ้นใหม่บุคคลดังกล่าวและคุณนิติภูมิเป็นกรรมการบริษัท ผู้มีอำนาจลงมือชื่อร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน ดังนี้
1. คุณนิติภูมิ ยินยอมให้บริษัทใหม่ทั้งสองใช้อาคารโดยไม่เสียค่าเช่า เลขที่ 2113/11-13 ซอยรามคำแหง 41/1 (ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มบาลานซ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2525) และให้ใช้อาคารบ้านเลขที่ 100/188 100/189 และ 100/190 ในหมู่บ้านเลคการ์เด้น เขตลาดกระบัง (ซึ่งคุณนิติภูมิใช้เป็นที่ทำงานและบ้านพักผ่อนตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา) โดยไม่เก็บค่าเช่า และคุณนิติภูมิเป็นผู้ออกค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าคนงานดูแลสวนและสระน้ำ รวมทั้งค่าพนักงานทำความสะอาดทั้งหมด
2. คุณนิติภูมิยอมให้บริษัททั้งสองที่ตั้งขึ้นใหม่ใช้อุปกรณ์ในการถ่ายบททำภาพยนตร์ที่คุณนิติภูมิเคยมีมาก่อน และใช้ผลิตสารคดีต่างประเทศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2544
3. คุณนิติภูมิเป็นผู้จัดจ้างพนักงานอีกประมาณ 10 คน และเป็นผู้จ่ายเงินเดือนพนักงาน โดยมีคุณชนัญชิตา ทองสุข (คุณอ๊อฟ) เป็นผู้จัดการพนักงานทั้งหมด
4. คุณนิติภูมิจะต้องเดินทางไปถ่ายทำในต่างประเทศ เพื่อผลิตสารคดีให้บริษัท และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปถ่ายทำยังต่างประเทศทั้งหมด คุณนิติภูมิเป็นผู้ออก
5. คุณนิติภูมิต้องยกตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัทให้หุ้นส่วนผู้นี้
6. หุ้นส่วนผู้นี้ต้องจัดหาอุปกรณ์ในการถ่ายทำใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมให้กับบริษัททั้งสอง รวมทั้งต้องบริหารและดูแลบริษัทในขอบข่ายงานที่อยู่ภายในประเทศไทยทั้งหมด
7. คุณนิติภูมิยอมโอนขายหุ้นให้หุ้นส่วนผู้นี้เข้าถือหุ้นในบริษัทบาลานซ์ ทราเวล และบริษัทบาลานซ์ พิกเจอร์ส ในราคาต้นทุน ซึ่งบริษัททั้งสองก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2537 ก่อนหน้าที่หุ้นส่วนผู้นี้จะเข้ามาถือหุ้นนานถึง 9 ปี
หลังจากเข้ามาบริหารงานได้ 3 เดือน หุ้นส่วนผู้นี้ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียพร้อมกับคณะของคุณนิติภูมิ และหลังจากที่กลับจากประเทศมาเลเซีย พวกเราสังเกตว่า หุ้นส่วนผู้นี้ได้หายไปไม่กลับมาทำงานอีกเลย ไม่สามารถติดต่อได้ พวกเราไปตามที่อพาร์ตเมนต์ พนักงานของอพาร์ตเมนต์ ก็บอกว่าหลังจากกลับจากต่างประเทศหุ้นส่วนผู้นี้ได้ขนย้ายของออกไปแล้ว เมื่อหุ้นส่วนผู้นี้ไม่มาทำงาน คุณนิติภูมิก็ต้องรับผิดชอบทั้งในส่วนของพนักงานที่ยังเหลืออยู่และหนี้สินของบริษัทจำนวนมากที่ร่วมกันทำธุรกิจกับหุ้นส่วนผู้นี้ หลังจากได้เข้าไปดูบัญชีของบริษัท (ซึ่งคุณนิติภูมิไม่ค่อยจะได้ดูมาก่อน เพราะมีภารกิจในการเดินทางไปต่างประเทศ) ก็พบว่างานในส่วนที่คุณนิติภูมิรับผิดชอบเป็นไปตามข้อตกลง แต่งานในหน้าที่ของหุ้นส่วนผู้นี้มีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในกิจการของบริษัทเป็นชื่อของตนเอง ไม่ได้ซื้อในนามของบริษัทบาลานซ์ฟิล์ม ตามข้อตกลง ซึ่งภายหลังหุ้นส่วนผู้นี้ได้ฟ้องร้องเพื่อเรียกอุปกรณ์เหล่านี้คืน โดยเป็นคดีความอยู่ในศาลขณะนี้
พวกเราทราบว่าหุ้นส่วนผู้นี้ ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีคุณนิติภูมิที่กองปราบปรามในข้อหายักยอกทรัพย์สินบริษัท แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องการผิดสัญญาร่วมทุน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อหายักยอกซึ่งเป็นคดีอาญา
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 หุ้นส่วนผู้นี้ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน. ทองหล่อ ให้ดำเนินคดีกับคุณนิติภูมิในข้อหาฉ้อโกง
ตามคดีอาญาที่ 254/2547 โดยอัยการประจำศาลแขวงพระโขนงมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
ต่อมา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2547 หุ้นส่วนผู้นี้ก็ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคุณนิติภูมิในข้อหายักยอกต่อพนักงานสอบสวน สน. จระเข้น้อยอีก ในคดีอาญาที่ 52/ 2547 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดมีนบุรีได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า ทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาท ซึ่งเป็นเรื่องพิพาททางแพ่ง จึงฟังไม่ได้ว่าคุณนิติภูมิกระทำผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว
จากนั้นหุ้นส่วนผู้นี้ได้นำเรื่องเดียวกันนี้ ไปฟ้องศาลแพ่งจังหวัดมีนบุรี ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 มิถุนายน 2549นี้
สำหรับกรณีที่มีการลักลอบอัดเทปการสนทนาระหว่างคุณนิติภูมิกับผู้หญิงคนหนึ่งและนำมาเผยแพร่นั้น พวกเราเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่คุณนิติภูมิได้ทำให้กับหุ้นส่วนผู้นี้ในอดีต พวกเรายังคิดว่าหุ้นส่วนผู้นี้ไม่น่าจะเป็นผู้ที่นำเทปออกมาเผยแพร่ พวกเรายังมีความคิดว่า น่าจะมาจากกลุ่มบุคคลที่ 3 ที่อาจจะหวังผลประโยชน์ในทางการเมืองมากกว่า เพื่อดิสเครดิตและสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่คุณนิติภูมิ โดยมุ่งหวังทำลายกันในทางการเมือง
การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดทางกฎหมายคุณนิติภูมิได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามเพื่อให้สืบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่เทปดังกล่าวแล้ว และแจ้งความร้องทุกข์ให้สืบสวนดำเนินคดีกับ ผู้ที่ส่งข้อความในอินเตอร์เน็ต
ผู้บริหารกลุ่มบาลานซ์
จากคุณ :
wanchale
- [
8 พ.ค. 49 16:24:44
]