CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    วางฟอร์มใหญ่ขึ้นปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์ และยืนยันความพร้อม ในการเป็นนายกรัฐมนตรี

    อ่านกันอีกครั้งครับ
    เพื่อบางคนที่ยังไม่ได้อ่าน
    สำหรับคนที่ ไม่ชอบท่านนายกทักษิณ
    อ่านสัก 8 รอบนะ


    มุมมองจากทูตประเทศต่าง ๆ ถึงการเมืองไทย

    มุมมองคณะทูตต่อวงการเมืองไทย

    ในการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ วางฟอร์มใหญ่ขึ้นปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์ และยืนยันความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหน้าสมาชิกพรรค และทูตานุทูตกว่า 30 ชาติที่ได้รับเชิญมา มีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ นอกจากย้ำว่าจะไม่เป็นนายกพรรค – นายกภาค แต่จะเป็นนายกของประเทศไทย และจะเป็นนายกที่ไม่คอรัปชั่น ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ จะเน้นเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมเป็นหลัก
    ส่วนประเด็นที่อยู่ในความสนใจของคณะทูตนั้นก็คือ เรื่องเมกกะโปรเจ็กต์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “จะเลิกเมกกะโปรเจคทุกโครงการของรัฐบาลปัจจุบัน แต่จะผุดเมกกะโปรเจค เรื่องการศึกษาเป็นสำคัญ ส่วนงานแก้จนล้างหนี้ประชาชนด้วย กองทุนหมู่บ้าน ก็จะเลิกและจะไม่ทำการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่อไปโดยเด็ดขาด
    ทีมข่าวต่างประเทศ ได้มีโอกาสคุยกับคณะทูตซึ่งส่วนใหญ่ เป็นตัวแทนทูต และเป็นทูตพาณิชย์เสียเป็นส่วนมาก ถามความเห็นและความรู้สึก ต่อวิสัยทัศน์ของคลื่นลูกใหม่ความหวังหนึ่งเดียวของคนไทย ก็ได้รับคำตอบ และความรู้สึกคล้าย ๆ กันทุกสถานทูตว่า
    รู้สึกผิดหวังแทนคนไทย ที่คิดว่า ถึงไม่มีนายกฯคิดใหม่ ทำใหม่ บริหารประเทศแบบใหม่อย่างทักษิณ แต่ก็มีนักการเมืองรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ไกลอย่างคุณอภิสิทธิ์ ไว้คอยทำงานบริหารงานแบบใหม่ ๆ แทน
    แต่ตัวแทนทูตเหล่านั้น  บอกว่าผิดหวัง  เพราะการพูดและแนวคิดหลายอย่าง
    ยังมีกลิ่นอายของการเมืองแบบเก่าอยู่มาก แสดงว่า ถูกครอบงำจากนักการเมืองเก่า ๆ เรียบร้อยแล้ว เริ่มจากแสดงวิสัยทัศน์ ยังเป็นลักษณะ Campaign Style Speech คือยังมีลักษณะคล้ายการปราศรัยหาเสียง
    นอกจากนี้ทูตบางรายยังให้คะแนน บวกว่า อภิสิทธิ์ที่พยายาม แสดงความเป็นนักการเมืองอินเตอร์ให้เห็น ด้วยการพยายามแสดงให้เห็นว่า พร้อมจะทำงานร่วมกับต่างประเทศ บนเวทีโลกด้วยการเชิญนักการรทูตมาร่วมสังเกตการณ์การประชุม
    แสดงว่างานด้านการต่างประเทศของอภิสิทธิ์ คงจะไม่อ่อนด้อยกว่าผู้นำคนเดิมนัก
    แต่อภิสิทธิ์ ยังขาดบุคลิกอันน่าดึงดูดใจ พอที่คนระดับ จอร์จ บุช วลาดิเมียร์ ปูติน โทนี่ แบลร์ ณ๊าค ชีรัก แม้แต่หู จิน เทา และเหวิน เจีย เป่า อยากคุยด้วยนัก หรือแม้แต่ผู้นำอาเซี่ยนด้วยกัน คงคุยด้วย ตามมารยาท คงไม่ค่อย อยากจะเชื่อถ้อยคำนัก เพราะรู้สึกเหมือนคุยกับเด็ก ๆ รุ่นลูก แสดงว่าสอบผ่านวิสัยทัศน์ด้านการต่างประเทศ แต่สอบตก ในบุคลิกภาพทางการทูต ตัวแทนทูตกล่าว
    สำหรับเรื่องการแปรรูปวิสาหกิจที่บอก จะเลิกการแปรรูปนั้น หรือจะค่อย ๆ ทำ ทูตพาณิชย์บางชาติกล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นนี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพื่อเป็นการหาเสียงกับผู้ใช้แรงงาน ก็แสดงว่า อภิสิทธิ์ไม่ประสีประสา ทางการค้าโลก เพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น เป็นข้อบังคับขององค์การการค้าโลกที่ตกลงกันไว้ ตั้งแต่การเจรจา การค้ารอบ อุรุกวัย ที่กำหนดให้ทุกชาติต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด เพื่อเปิดให้มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและยุติธรรมโดยรัฐ ไม่เข้าอุดหนุน หรือตั้งตนเป็นคู่แข่ง ดังนั้นหากไม่ แปรรูปรัฐวิสาหกิจจะไม่มีชาติไหนคบค้าด้วย ส่วนการแปรรูปแบบช้า ๆ นั้น แสดงว่า ยังตามความคิดของทักษิณ ไม่ทัน
    ในเรื่องการแปรรูปช้า หรือเร็ว ก็ต้องทำ
    แต่การรีบแปรรูปอย่างทักษิณทำนั้น ย่อมจะดีกว่ารอให้ข้อตกลงการค้ามีผลใช้บังคับ ถ้าทำตอนนั้น ชาติไหน ๆ ก็เทรัฐวิสาหกิจออกขายแข่งตัดราคากัน ส่วนในเรื่องของเมกกะโปรเจกนั้น ในแง่ของโครงสร้างพื้นฐาน และบรรยากาศการลงทุนนั้น เมกกะโปรเจ็ก โดนใจนักลงทุนทั้งพวกกำลังตัดสินใจไม่ถูกว่า จะย้ายไปตั้นฐานการผลิตที่ชาติไหนดี ให้สามารถตัดสินใจขนเงินเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญการมีโครงการใหญ่ ๆ เข้ามาจะทำให้นักลงทุนต่าง ๆ ได้รับผลพวงด้วยเพราะจะมีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
    คณะทูตกล่าวต่ออีกว่า อภิสิทธืไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ด้านนี้
    ของทักษิณ ที่ต้องการบูมการลงทุน อุตสาหกรรมในชาติให้ได้ชั่วข้ามคืน คณะทูตชี้แจงว่า เมกกะโปรเจ็กของทักษิณ สร้างความฮือฮามากในวงการเศรษฐกิจโลก ขนาด ณ๊าค ชีรัก ผู้นำฝรั่งเศส ที่เชื่อมั่นในตัวเองและวางตัวเป็นมหาอำนาจชั้นหนึ่งไม่ยอมไปไหนง่าย ๆ แม้แต่ทำเนียบขาวก็ไม่ค่อยไป
    แต่กลับเดินทางมาไทย อย่างปัจจุบันทันด่วน เพราะเมกกะโปรเจคแท้ ๆ มาถึงก็คุยแต่เมกกะโปรเจคอย่างเดียว ขอจับมือเป็นพันธมิตรเศรษฐกิจกัน แต่จะให้เริ่มจากการร่วมกันทำก่อน  ซึ่งอภิสิทธิ์ยังอ่อนตรงนี้

    ส่วนโครงการกองทุนหมู่บ้านนั้น อภิสิทธิ์ไม่เข้าใจ มองว่าเป็นการหาเสียงนั้น ท่านทูตพาณิชย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ไม่ถูกต้อง การหาเสียงเป็นเรื่องรอง เพราะกองทุนหมู่บ้านจะทำให้เกิดการผลิต ด้านต่าง ๆ ระดับหมู่บ้านทั้งด้านการเกษตรและหัตถรรม การผลิตกุ้ง ยางพารา ลำไยและข้าวหอมมะลิ และหัตถกรรมเช่นสินค้าโอท๊อป ที่สามารถเป็นสินค้าส่งออกได้ กองทุนหมู่บ้านทำให้รัฐสามารถเพิ่มผลผลิตด้านต่าง ๆ เพื่อส่งออกตีตลาดโลกและแข่งขันได้ ทำใหเกิดระบบธนาคารขึ้นในแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับหมู่บ้านได้
    คณะทูตกล่าวว่าการเป็นนักเศรษฐศาสตร์จาก อ๊อกฟอร์ด เค็มบริด หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยเยลนั้น ไม่ได้เป็นเครื่องประกันว่า จะสามารถบริหารเศรษฐกิจของชาติ ได้ดีเหมือนคนที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จในธุรกิจมาก่อน ซึ่งจะรู้ช่องทางเป็นอย่างดี
    หากจะต้องบริหารประเทศ ต้องมีทีมงานเศรษฐกิจที่ดี และเข้มแข็ง ไม่ใช่อาจารย์มหาวิทยาลัย
    ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการค้า เปิดตำราสอนหนังสืออย่างเดียว


    มาจากส่วนหนึ่งของบทความพิเศษ หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย ฉบับวันที่ 18 พ.ค. 49 หน้า 17 (ทีมข่าวต่างประเทศ)

    จากคุณ : chiangraiplus - [ 19 พ.ค. 49 07:11:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป