วันก่อนอลงกรณ์รองหัวหน้าพรรค ปชป.ยื่นฟ้องนายกฯทักษิณและ กกต.ให้รับผิดชอบความเสียหายจากการเลือกตั้ง 2 เมย. แล้วเรื่องต่างๆที่พรรค ปชป.เคยทำผิดพลาดเสียหายต่อบ้านเมืองเคยแสดงความรับผิดชอบอะไรไปแล้วบ้าง
*************************************************
ถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลชวน
จากกรณีที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการคดีไอทีวี โดยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 476/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 584/2549 ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ร้อง กับบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้คัดค้าน เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการฟ้องขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
คดีนี้ ผู้ร้องต่อศาลปกครองกลางคือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้คัดค้านคือ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งศาลปกครองกลางได้แยกประเด็นวินิจฉัยรวมทั้งสิ้น 3 ประเด็น แต่มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ศาลปกครองกลาง ได้วินิจฉัยว่า คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้ผู้ร้องชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2541-2544 ให้แก่ผู้คัดค้านเป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท เฉพาะกรณีกรมประชาสัมพันธ์ ยอมให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 มีการโฆษณานั้น เห็นว่า ผู้คัดค้านได้ทราบเงื่อนไขรายละเอียดแล้วว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 โดยประธานกรรมการบริหารของผู้คัดค้านเคยเป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินโครงการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ และเป็นผู้มีหนังสือถึงผู้ร้องเพื่อขอให้เปิดการเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญาโดยเพิ่มข้อ 5 วรรคสี่ของสัญญาดังกล่าว
ดังนั้น แม้จะได้มีการเสนอร่างสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วก็ตาม แต่เมื่อคู่สัญญาได้ตกลงให้เพิ่มเติมข้อ 5 วรรคสี่ในสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมในเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา รวมทั้งเปลี่ยนแปลงหลักการที่สำคัญในสัญญาเข้าร่วมงานฯ กรณีนี้จึงต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในเรื่องนี้ผู้ร้องและผู้คัดค้านยอมรับว่า ได้มีการลงนามในสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ ระบบ ยู เอช เอฟ ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 โดยที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญดังกล่าว และเชื่อว่าคู่สัญญาได้ลงนามในสัญญาโดยรู้ หรือ ควรรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว
ดังนั้น ข้อ 5 วรรคสี่ของสัญญาเข้าร่วมงานฯ จึงไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา คณะอนุญาโตตุลาการจึงไม่อาจอาศัยข้อ 5 วรรคสี่ของสัญญาเข้าร่วมงานฯ มีคำชี้ขาดกำหนดมาตรการชดเชยความเสียหายต่างๆ ให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งรวมถึงความเสียหายในประเด็นนี้ด้วย......
สัญญาข้อ 5 วรรคสี่ดังกล่าวนี้ ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า หลังจากวันทำสัญญานี้ หากสำนักงานหรือหน่วยงานของรัฐให้สัมปทานอนุญาตหรือทำสัญญาใดๆ กับบุคคลอื่นเข้าดำเนินกิจการให้บริการส่งวิทยุโทรทัศน์ โดยมีการโฆษณาหรืออนุญาตให้โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกทำการโฆษณาได้ และเป็นเหตุให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของผู้เข้าร่วมงานอย่างรุนแรง เมื่อผู้เข้าร่วมงานร้องขอสำนักงานจะพิจารณาและเจรจากับผู้เข้าร่วมงาน โดยเร็วเพื่อหามาตรการชดเชยความเสียหายที่ผู้เข้าร่วมงานได้รับจากผลกระทบดังกล่าว
ท่านผู้อ่านครับ เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเอาไว้อย่างชัดเจนเช่นนี้ การลงนามในสัญญาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ คือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมเป็นการลงนามโดยมิชอบใช่หรือไม่ ?
ซึ่งในวันลงนามสัญญานี้ เป็นช่วงสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการที่รู้ผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งต่อพรรคชาติไทยที่จะได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในชุดต่อไป แล้วรัฐบาลชวนยอมให้มีการลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 กันไปได้อย่างไร ?
มีเหตุผลใดที่ทำกันอย่างลุกลี้ลุกลนและน่าเกลียดน่าชังกันได้ถึงเพียงนี้ ? หากการลงนามในสัญญาโดยมิชอบ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งหัวหน้ารัฐบาลเป็นนักกฎหมายด้วย ควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยวิธีใด ?
บอกหน่อยได้ไหม ???
(คอลัมน์ คิดระหว่างวัน โดย ดุสิต ศิริวรรณ - สยามรัฐ, 18/5/2549)
จากคุณ :
vi3r 
- [
19 พ.ค. 49 07:11:51
]
ถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลพรรค ปชป.
