| ผิด (12 คน) |
| ไม่ผิด (0 คน) |
|
จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 12 คน |
พันธมิตรเตือนอย่าฉวยโอกาส
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า เป็นการฉวยโอกาสทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทิกษิณ และที่อ้างว่าต้องกลับมาทำงานเพราะประเทศจะแย่นั้นไม่จริง ปัญหาขณะนี้ไม่ใช่ต้องเป็น พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นถึงจะแก้ได้ แต่ทั้งหมดเป็นการจัดฉาก ไม่ว่าเรื่องยาเสพติดที่มีการจัดตั้งเครือข่ายผู้ได้ลูกคืน อยากถามว่า กว่า 2,500 คนที่ถูกฆ่าตัดตอนด้วยรัฐบาลทักษิณ ได้รับความเป็นธรรมแล้วหรือไม่ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจนั้นแก้ด้วยตัวของมันไปได้ ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแล้วราคาน้ำมันจะลดลง ขึ้นอยู่กับตลาดโลก
"ซ้ำร้ายหากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาทำงาน เศรษฐกิจจะยิ่งมีปัญหา เห็นได้จากการออกนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนทำให้กลุ่มเครือญาตินักการเมืองร่ำรวย ประชาชนธรรมดายากจนลง รวมทั้งการแปรรูป กฟผ. และเอฟทีเอ ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ดังนั้น สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณควรทำในเวลานี้คือ ไปสะกิดหรือสั่งให้ กกต.3 คน ลาออกจะดีกว่า และที่ไม่อยากให้ กกต.ลาออกในเวลานี้ก็เพราะต้องการให้ภาวะทางการเมืองยืดเยื้อ คนติดกับดักและเรียกร้องให้ตัวเองกลับมา" นายสุริยะใสกล่าว
ถามหาจุดยืน"บรรหาร"
นายสุริยะใสกล่าวว่า ระหว่างนี้แม้เครือข่ายพันธมิตรจะยุติการเคลื่อนไหวชั่วคราว หลังเดือนมิถุนายนจะหารือกันอีกครั้ง จากนั้นจะชุมนุมใหญ่อีกแน่นอน เพราะยังมีจุดยืนเดิมคือ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปพ้นการเมือง ในระหว่างนี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาทำงาน อย่าคิดว่าจะฉกฉวยโอกาสบริหารหรือออกนโยบายเป็นประโยชน์ตัวเอง เป็นผลเสียของประเทศได้
การที่หลายฝ่ายไม่ว่าเป็นนักธุกิจ โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาทำงานแก้ปัญหาประเทศนั้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองเป็นตัวปัญหา และนำมาซึ่งวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา โอกาสที่ความขัดแย้งของคนในชาติด้วยกันจะกลับมานั้นมีสูง ดังนั้น อยากฝากไปยังนายบรรหารและพรรคชาติไทยที่จะมีการแถลงจุดยืนของตัวเองในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ด้วยว่า ขอให้ตอบจุดยืนของตัวเองให้ชัด เพราะเป็นพรรคการเมืองในเวลานี้ ต้องออกมาต้านระบบทักษิณ แต่นายบรรหารมาพูดอย่างนี้มีนัยยะหรือมีสัญญาทางการเมืองอะไรกันหรือไม่" นายสุริยะใสกล่าว
.....
มติชน วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10298
-------------------------------------------
กรณีนี้ถือว่าเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้กระทำการไม่ให้กระทำการ ตามหน้าที่ ตาม ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 117 และ มาตรา 140 หรือไม่???
มาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน การร่วม กันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจ กับบุคคลใด ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อ บังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าวและเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการ ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้า ขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าว และใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือทำให้หวาดกลัวด้วยประการใด ๆ เพื่อ ให้บุคคลเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิด งานงดจ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับ บุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 139 ผู้ใดข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วย หน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินแปดพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 140 ถ้าความผิดตาม มาตรา 138 วรรคสอง หรือ มาตรา 139 ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วย กันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจร นั้นจะมีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าความผิดตาม มาตรานี้ ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือ วัตถุระเบิดผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษ ที่กฎหมายบัญญัติ ไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง
จากคุณ :
NOOKLOOK 
- [
21 พ.ค. 49 14:24:43
]
กรณีตามข่าวเป็นความผิด ป.อาญา มาตรา 117 และ 140 หรือไม่ ???
ความคิดเห็นที่ 1
