CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อีกด้านของอ้ายสนธิ ลิ้มทองกุล ตอน ปฐมบทแห่งการพลิกลิ้น

    ความเดิมจากตอนที่แล้ว

    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4395452/P4395452.html

    ผมเคยพิมพ์ความคิดเห็นของผมลงในอินเตอร์เนตแห่งนี้หลายครั้งว่า

    อ้ายสนธิ พลิกลิ้นได้ในชั่วข้ามคืน

    ลองอ่านดูแล้วกัน ท่านผู้มีปัญญาที่เคารพทั้งหลาย

    บทที่สาม
    สดุดีทักษิณ ครอบครัว และเครือญาติ


    ตอนหนึ่งของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ประจำคืนวันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2546 สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการสาว คู่ขวัญของสนธิ ลิ้มทองกุล  เอ่ยถามคำถามตามสคริปท์ ให้ สนธิ ตอบชนิดที่หากใครได้ยินได้ฟัง ไม่ได้เห็นหน้า ก็ต้องเข้าใจว่า เป็นรายการหาเสียงของพรรคไทยรักไทย ที่จัดโดยบริวาร ลิ่วล้อ กเฬวรากษ์ ในพรรคไทยรักไทย(ตามสำนวนสนธิ) ที่เฝ้าแต่เอาใจหัวหน้าพรรคตัวเอง

    ทักษิณ เป็นนายกฯที่ทำงานหนัก

    สโรชา เริ่มต้นด้วยการยิงคำถามให้สนธิ ปฏิบัติหน้าที่กัลยาณมิตรของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่า ...

    สโรชา พรอุดมศักดิ์--ทำไมท่านนายกฯ ต้องทะเลาะกับนักวิชารการ คือนักวิชาการจริงๆแล้วต้องยอมรับว่าก็ทำหน้าที่ในสังคมเรา คือวิพากษ์วิจารณ์กันไปตามที่ท่านนั้นๆ เห็นแต่ว่าทำไมท่านนายกฯ ไม่นิ่งเฉยซะล่ะ ทำไมต้องมีการตอบโต้อย่างรุนแรง ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ

    สนธิ-- ทุกคนในโลกนี้ มมุษย์ทุกคนต้องมีโอกาสของขึ้น ท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และเป็นคนที่ทำงานหนัก เมื่อทำงานหนักแล้วนี่โอกาสที่จะมีอารมณ์หรือว่าของขึ้นก็มีเป็นธรรมดา และผมก็เห็นใจ

    การวิพากษ์วิจารณ์นี้ ผมอยู่ในวงการสื่อมวลชน ผมก็รู้ หลายๆครั้งในชีวิตของผมนี้ ผมก็ทำผิดพลาด อย่างเช่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่มีเหตุผล แต่ว่าในกรณีของท่านนายกฯ กับคุณธีรยุทธ บุญมี นี้ ผมคิดว่าเป็นกรณีศึกษาพิเศษ ซึ่งเราต้องแยกออกมาให้เห็น และเราจะต้องวิเคราะห์ออกมาให้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ คือถ้าเราดูตามเนื้อหาแล้ว ลักษณะที่คุณธีรยุทธ ออกมาพูดนี้ คุณธีรยุทธ เหมือนกับล่อเสือออกจากถ้ำ หรือตีหัวเข้าบ้าน คือรู้อยู่ว่าเรื่องนี้ถ้าพูดไปเดี๋ยวนายกฯของขึ้นแล้ว

    มันเป็นการจี้จุด คือจะถูกไม่ถูก ไม่ใช่ประเด็น คือพูดปั๊บแล้วรู้ว่านายกฯต้องสวน พอสวนแล้วตัวเองเงียบเลย จะทำอย่างนี้ตลอดเวลา ผมกลับมองในมุมกลับว่า ที่ถูกต้องคุณธีรยุทธหรือใครก็ตาม ถ้าออกมาพูดอะไรแล้วเกิดไปจี้จุดนายกฯ นายกฯกลับสวนขึ้นมาบอกว่า ที่คุณพูดแบบนี้ไร้สาระ ที่คุณพูดแบบนี้แผ่นเสียงตกร่อง 10 ปีที่แล้วคุณเคยพูดอย่างไร ปีนี้คุณก็พูดอย่างนั้น

    ถ้านายกฯ เขาพูดมาอย่างนี้ พวกนักวิชาการถ้าไม่เห็นด้วยต้องพูดกลับอีกทีหนึ่ง ไม่ควรจะเงียบให้เกิดบรรยากาศวิวาทะเกิดขึ้น มีการพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือว่าเห็นหรือไม่เห็นด้วย ใช่ไหม คุณธีรยุทธต้องออกมา ถ้าคุณธีรยุทธแน่จริงก็ต้องออกมาบอกว่าผมไม่ได้แผ่นเสียงตกร่อง ผมพูดทุกรัฐบาล ผมก็พูดอย่างนี้ แต่ว่าคุณธีรยุทธจะหลบ หรือหลายคนก็จะหลบไปเลย แล้วปล่อยให้การแสดงออกของท่านนายกฯ คล้ายกับว่าเป็นคนเกเร ซึ่งกระบวนการล่อเสือออกจากถ้า ตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งผมคิดว่าไม่ยุติธรรม เพราะว่าสิ่งซึ่งคุณธีรยุทธ วิพากษ์วิจารณ์ หรือหลายคนที่วิพากษ์วิจารณ์ ผมก็ไม่อยากจะพูด

    นายกฯไม่ได้สร้างหนี้ให้ประชาชน

    ผมในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนคนหนึ่งนะครับ ถ้าเรามองด้วยเหตุและผล อย่างเช่นเขาบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้ให้กับประชาชนจากโครงการเอื้ออาทร พูดอีกก็ถูกอีกแต่ว่าไม่เคยถามว่าโครงการเอื้ออาทรนี้มีอะไรที่สร้างหนี้ให้กับประชาชนบ้าง ถ้าฟังไม่ละเอียดแล้วจะเข้าใจผิด เพราะพูดความจริงแค่ 50 เปอร์เซนต์ บ้านเอื้ออาทรนี้สร้างหนี้หรือเปล่า ใช่ แต่ว่ามีหลักทรัพย์ไหม มี ประชาชนไม่มีบ้าน ประชาชนมาซื้อบ้าน รัฐบาลมีแต่อำนวยความสะดวกและอำนวยโอกาสให้กับคนซึ่งไม่มีโอกาสได้มีบ้านเป็นครั้งแรกในชีวิต และเขาก็ไม่ได้เอาเงินไปแจกตามที่ต่างๆ แล้วก็มาคืนเขาให้โอกาสคนไปซื้อบ้านได้ ซึ่งในสมัยก่อนคนยังไม่มีโอกาส

    ผมถามว่าอย่างนี้ เป็นการสร้างหนี้ไหม ผมว่าวันนี้คนไทยให้โอกาสเขามีบ้าน เขาพร้อมจะสร้างหนี้ อันนี้เป็นสิ่งซึ่งรัฐบาลชุดนี้ทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกฯ ท่านนี้ทำ เป็นเรื่องของปัจจัยสี่ ผมได้ยินรัฐบาลชุดนี้พูดอยู่ตลอดเวลา ผมได้ยินโดยเฉพาะนายกฯ ท่านนี้ ได้ยินเขาพูดแล้วเขาทำจริง คือเขามีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ยากจนที่ไม่มีโอกาส

    เขาต้องการให้โอกาสอันนี้ เมื่อเขาให้โอกาสแล้วสิ่งหนึ่งที่ต้องการให้ทำคือว่า เขาให้โอกาสคนมีบ้าน นี่เขากำลังทำโครงการแท็กซีเอื้ออาทร แทกซีเอื้ออาทรทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้คนขับแทกซี่ไม่ต้องมาอยู่ในระบบเจ็กดาวน์ ลาวผ่อน ก็คือว่าแทกซีเอื้ออาทรแล้ว ผมถามว่าหลักทรัพย์มีไหม ก็มีแทกซีไงล่ะ ต่อไปก็คือมอเตอร์ไซค์เอื้ออาทร และถ้าเขาจะมีชาวนาเอื้ออาทรนี้ แต่ถ้าทำออกมาแล้วเป็นการเอาเงินเขามาหมุนในระบบเศรษฐกิจ เป็นการกู้จริง แต่เป็นการกู้เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจแต่ในขณะเดียวกันก็มีหลักทรัพย์ มันเกิดขึ้นมา

    ผมถามว่า สร้างหนี้อะไรขึ้นมา ถ้าจุดเดียว ถ้าสร้างหนี้ที่กำลังสร้างหนี้อยู่ แต่ก็กำลังหาทางแก้ แล้วผมไม่รู้ว่าเขาแก้หรือยัง นั้นก็คือระบบกระบวนการสร้างหนี้เสียของธนาคาร อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งทางเศรษฐกิจ ก็คือแทนที่จะปล่อยให้ทางธนาคารแก้ปัญหาด้วยตัวเอง กลับเอาบริษัทกลางมาซื้อหนี้ออกไป เท่ากับว่าให้ผู้ฝากเงินจะต้องถูกลงโทษด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำ ตรงนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องแก้ อันนี้คือจุดอ่อนของเขา เขาก็มี ไม่ใช่ไม่มี แต่โดยภาพรวมแล้วเขาไม่ได้สร้างหนี้อะไร

    เราต้องดูในมุมกว้าง  ยกตัวอย่าง อ.สุรชาติ บำรุงสุข อดีตแอคติวิสต์ 14 ตุลา เคยติดคุกติดตารางมาแล้ว 2 ปี ข้อหาเป็นพวก แอคติวิสต์ อ.สุรชาติ เป็นนักต่อต้าน นักเคลื่อนไหวทุกอย่าง แต่ อ.สุรชาติ ได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯ ให้เป็นผู้ที่ศึกษาวิเคราะห์การปรับโครงสร้างกระทรวงกลาโหม เพราะ ว่า อ.สุรชาติ เป็นคนซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการทหารมาก บทบาท อ.สุรชาติ มี บทบาทคุณธีรยุทธ ก็มี ถ้าคุณธีรยุทธ สามารถจะสร้างบทบาทของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่จู่ๆ ก็โผล่ออกมา นายกฯเดินอยู่ ก็เอาไม่ไปตีกบาล ตีหนึ่งป๊อกแล้วก็วิ่งออกไป ถ้าอย่างนั้นแล้วเมื่อนายกฯของขึ้นแล้ว ผมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่เห็นว่าผิดปกติเลย

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 49 22:37:30

    จากคุณ : หนุ่มเทคนิค - [ 24 พ.ค. 49 22:13:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป