CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรียน นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ – ผมขอแสดงความเห็นแย้งกับคุณครับ

    เรียน นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ  – ผมขอแสดงความเห็นแย้งกับคุณครับ

    ไม่ใช่การท้าทายอำนาจศาล เพราะผมวิจารณ์บันทึกของคุณที่เขียนเท่านั้น ขอให้คุณและวิญญูชนโปรดอ่าน และร่วมกันกระทำการใด ๆ ที่จะช่วยกันไม่ให้ประเทศชาติตกต่ำและเศร้าหมองไปกว่านี้อีกเลย

    ประเด็น ที่ 1: การตีความรัฐธรรมนูญ

    ชาญชัย: “ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 เวลา 09.30 น. ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 138 (2) บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่จะพิจาณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้งเสนอต่อประธานวุฒิสภา จึงเป็นกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาดำเนินการได้เองตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องดำเนินการตามที่มีการร้องขอ”

    โรดัก: ทำไมคุณถึงมองในแง่อย่างนี้ มาตรา 138 (2) ระบุไว้ชัดเจนว่า “ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการ การเลือกตั้งจำนวนห้าคนเสนอต่อประธานวุฒิสภา โดยต้องเสนอพร้อม ความยินยอมของผู้ได้รับการเสนอชื่อนั้น” ในรัฐธรรมนูญ ระบุชัดขนาดนี้ ประธานวุฒิสภา ก็ทำหนังสือมาถึงคุณอย่างชัดเจน หรือต้องให้รัฐธรรมนูญระบุไว้เลยว่า “ศาลฎีกาต้องดำเนินการตามที่มีการร้องขอ” ทั้งที่ระบุไว้แล้วว่า “ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการ การเลือกตั้งจำนวนห้าคนเสนอต่อประธานวุฒิสภา”

    การตีความของคุณเช่นนี้ ผมไม่เห็นด้วย และรู้สึกว่าน่าจะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ



    ------------------------------------------------------------------------------



    ประเด็นที่ 2: ศาลฎีกาไม่ได้มีอำนาจเหนืออำนาจอื่น

    ชาญชัย: “แต่ในเวลาที่ประเทศตกอยู่ในภาวะว่างเว้นรัฐสภา และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร หากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสงวนรักษาระบอบการปกครองและความสงบสุขแห่งราชอาณาจักรไว้ พระมหากษัตริย์ย่อมทรงใช้อำนาจอธิปไตยโดยผ่านทางศาลได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ดังที่ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ดังนั้น การปฏิบัติภารกิจของศาลตามที่ได้รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมมา จึงเป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”

    โรดัก: คุณพูดได้อย่างไร มาตรา 3 ระบุไว้ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ ทรง เป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้” ไม่ได้ระบุไว้อย่างที่คุณพูดเลย

    1. เราไม่ได้ว่างเว้นรัฐสภา  นายสุชนและคณะสมาชิกวุฒิสภา ก็ยังทำหน้าที่ คุณก็ยังตอบหนังสือนายสุชนอยู่เลย

    2. ครม. แม้ลาออก ก็ยังรักษาการอยู่ ไม่ได้ตกเครื่องบินตายทั้งคณะสักหน่อย

    การที่คุณอ้างอย่างนี้ เป็นการทำให้อำนาจศาลฎีกา ก้าวก่ายอำนาจของศาลอื่น ของฝ่ายนิติบัญญัติ (สภา) และของฝ่ายบริหารหรือไม่ ขอให้คุณทบทวนให้ดี และลำพังเพียงมาตรา 3 ที่มีข้อความสั้นที่สุดและชัดเจนที่สุดเช่นนี้ ยังมีการตีความเป็นอื่นไปได้ ผมจึงเกรงว่า การนี้อาจทำให้คุณเสียความมีสง่าราศรีได้



    ------------------------------------------------------------------------------



    ประเด็นที่ 3: คำปฏิญาณไม่ได้มีไว้ละเมิดอำนาจอื่น

    ชาญชัย: ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาการสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน 2 คน แล้วเห็นว่า ในการพิจารณาดังกล่าวที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องธำรงคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและนำมาซึ่งความผาสุกของอาณาประชาราษฎร ทั้งต้องคำนึงถึงพันธกิจของผู้พิพากษาและตุลาการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งปรากฏในคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ตามมาตรา 252…”

    โรดัก: ผมรู้สึกคุณอ้างรัฐธรรมนูญอยู่หลายหนแล้ว มาลองดูนะครับ มาตรา 252 ระบุไว้ว่า “ก่อนเข้ารับหน้าที่ ผู้พิพากษาและตุลาการต้องถวาย สัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ ‘ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมให้แก่ประชาชนและความสงบสุขแห่งราช อาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ’”

    นี่เป็นคำปฏิญาณที่ผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา คุณเอามาอ้างอิงได้อย่างไร ในอาชีพอื่นที่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ทหาร ก็มีคำปฏิญาณ เช่นกัน คำปฏิญาณนี้มีความหมายลึกซึ้งสุดประมาณสำหรับผู้พิพากษาเพื่อให้เที่ยงธรรม ซึ่อตรง แต่ไม่ได้ระบุไว้เลยว่า ให้คุณมีอำนาจล่วงล้ำอำนาจอื่น ผมเห็นว่า คุณไม่ควรนำคำปฏิญาณศักดิ์สิทธิ์นี้มาอ้างอิงเพื่อสนับสนุนความเห็นของคุณแต่อย่างใด



    ------------------------------------------------------------------------------



    ประเด็นที่ 4: คุณอย่าใช้ความรู้สึก

    ชาญชัย: “ดังนั้น เมื่อปัจจุบันประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเมือง ประชาชนแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ไม่รับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน มีผลกระทบกระเทือนต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและความผาสุกของอาณาประชาราษฎรอย่างรุนแรง จึงนับเป็นสถานการณ์พิเศษที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องพิจารณาด้วยความสุขุมรอบคอบ โดยมองผลที่จะตามมาในอนาคตด้วย”

    โรดัก: เป็นธรรมดาที่คนมีความเห็นต่างกันนะครับ แต่ไม่ได้วิกฤติอะไรที่ไหน ชาวบ้านก็อยู่กันตามปกติ การเลือกตั้งที่ผ่านมา คุณอาจเห็นว่าไม่ถูกต้อง แต่คงเป็นไปไม่ได้นะครับว่า รัฐบาลโกง โปรดเกรงใจเสียงส่วนใหญ่ 16 ล้านเสียง ที่เหนือ เสียง 8 ล้านเสียงที่ “no vote” บ้างนะครับ คนส่วนใหญ่ล้วนเลือกคุณทักษิณและ ทรท. ขณะนี้ถือว่าประเทศชาติสามัคคีกันที่สุดก็ว่าได้ สมัยก่อนเลือกตั้งไม่มีเลยที่พรรคใดจะชนะใจประชาชนได้เท่านี้ มีเพียงยุคสมัยของคุณทักษิณนี่แหละที่คนไทยสามัคคีกันอย่างที่สุด

    คุณควรทบทวนให้ดีว่า คนไทยไม่ได้แตกแยกเป็นก๊กเป็นฝ่ายเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก และถ้าเป็นในต่างประเทศ แม้ชนะกันเพียงเฉียดฉิวเช่นสมัย บุช กับ อัลกอร์ แล้วล่ะก็ บุช ก็ยังได้รับเลือกเลยครับ และคุณควรดีใจที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีสิทธิออกเสียงและออกมาเลือกตั้งถึงสองในสามที่เลือกคุณทักษิณ (16 ล้านเสียง  :  8 ล้านเสียง)

    จากคุณ : โรดัก - [ 2 มิ.ย. 49 10:58:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป