ความคิดเห็นที่ 1 เผอิญว่าผมได้ไปเจอกับปรมจารย์ทางด้านการเมืองท่านหนึ่งครับ ก็คุยกะแกเรื่อยเปื่อย และแกก็มาคุยประเด็น วิวัฒนาการทางประชาธิปไตยในประเทศไทยให้ผมฟังครับ แกก็เล่าว่า ตั้งแต่ยุคที่เราไปเจริญปัญญาที่ยุโรป คนไทยก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะให้ประเทศเป็นอารยะ อยากได้อย่างเค้า อยากมีหยั่งเค้า โดยที่ไปรับคําว่า ประชาธิปไตย มาแบบผิดถูกๆ โดยเมื่อคนที่ไปศึกษาที่ยุโรป เมื่อกลับมาที่บ้านเกิด ก็อยากให้บ้านเกิด ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติ มากขึ้นๆ โดยอ้างว่า นี่คือประชาธิปไตย ที่เราควรมีแห่งสยามประเทศ แต่โดยความจริงแล้ว คนที่เข้าใจคําว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงในสมัยนั้น มีน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆ คือประชากร 1000 คน คงจะมีรู้แค่ 2-3 คน ซึ้งเทียบกับชาวยุโรป ที่ 1000 คน จะมีความรู้เรื่องนี้ประมาณ 700-800 คน เพราะการพัฒนาที่ถูกต้องของความเป็นประชาธิปไตย โดยให้คนได้รับการศึกษาทุกพื้นที่ของประเทศ คนจึงรู้ว่า ประชาธิปไตยแปลว่าอะไร และจะใช้ประชาธิปไตยให้ยั่งยืนและประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ผลที่ออกมาชัดๆเลย อย่างประเทศอังกฤษ เค้าได้ประโยชน์จากความเข้าใจตรงนี้มาก ประเทศถึงพัฒนามาอย่างถูกต้อง และมีเหตุผล เรียกว่าเจริญด้วยความยั่งยืน ที่นี้ลองมาดูประเทศไทย แกบอกผมว่า คนที่มีความรู้ในสมัยนั้น ค่อนข้างจะคิดว่า การมี ประชาธิปไตย ต้องมีอย่างรวดเร็ว ประเทศจะได้ไปได้เร็ว ทันชาวยุโรปเค้าบ้าง แต่เผอิญว่าเป็นความคิดที่ผิด เราไม่ให้การศึกษาที่ถูกต้อง ประชาชนตาดําๆ ไม่รู้ด้วยซําว่า ประชาธิปไตย แปลว่าอะไร จนถึงปัจจุบัน คนไทยก็ยังมีอีกหลายๆคน ที่ไม่รู้ว่า มันคืออะไรละ แล้วอย่างนี้เราจะเอาประชาธิปไตยมาใช้ทําไม จะเห็นได้ชัดๆเลยว่า ตั้งแต่เราเปลี่ยนรูปแบบการปกครองมา เรายังไม่ประสบณ์ผลสําเร็จ ในการใช้ ประชาธิปไตย เลย คนยังไม่มีการศึกษาอีกมาก คนยังขายเสียง คนยังไม่รู้จักการประพฤติที่ถูกต้องตามหลัก ว่าสิทธิแห่งประชาธิปไตยนั้นมีอะไรบ้าง สาเหตุที่ ร.7 ท่านยังไม่อยากให้อํานาจใครไปใช้ในสมัยนั้น เพราะท่านรู้ดีว่า ให้ไป ประเทศก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะคนยังโง่อยู่นั้นเอง คนที่ฉลาดก็จะกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวใส่ตัว อย่างที่เห็นๆกัน ซึ้งการมี ประชาธิปไตย แบบไม่มีความรู้ ก็เหมือนมีสมบัติลําค่า ของดีหายาก แต่ไม่รู้ว่าใช้ยังไงนั้นเอง 5555 หากบรรพบุรุษเรา รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของมัน ว่าจะให้ประชาชนชาวสยาม ใช้ยังไง ผมว่าปัจจุบันนี้ เราคงไม่ต้องมีปัญหาไร้สาระอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ซึ้งบ้างเรื่องอาจารย์บอกผมไว้ตรงนี้เลยว่า เหตุแห่งการขัดแย้งทั้งหลาย ล้วนมาจากความไม่มีปัญญาของประชาชน และความไม่เข้าใจของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงทั้งนั้น ปัจจุบันนี้ต่างฝ่ายต่างออกมาบอกว่า เราทําตามประชาธิปไตย เราคือผู้ที่ถูก เราถูกๆๆๆๆๆๆ ทุกฝ่ายต่างออกมาบอกว่าถูกทั้งนั้น ไม่มีใครหน้าด้านออกมาบอกความล้มเหลวของตัวเองเลยซักคน หากทุกๆท่านในนี้ รู้จักแก่นแท้ของระบอบประชาธิปไตย ท่านจะรู้ตัวเองเลยว่า เราควรจะรับมือกับสถานะการ การเมืองในปัจจุบันอย่างไร โดยที่เราไม่ต้องไปพึ่งฝ่ายไหนทั้งสิ้น หากเรารู้จักคุณค่าที่จะสร้างตัวเองตามหลัก ประชาธิปไตย ตัวเราเองสําคัญที่สุด ประชาธิปไตยสอนให้สร้างตัวเองขึ้นมา ก่อนจะไปด่าว่าสั่งสอนผู้อื่น หากตัวเองยังสร้างตัวเองไม่ได้ ก็อย่าไปฝักไฝ่ฝ่ายใดฝ่ายนึง ตามค่านิยมแห่งการถูกครอบงําเลย อาจารย์เล่าให้ผมฟังมาประมาณนี้ ใครไม่เห็นด้วยหรือคิดว่ามันไม่จริง ก็แล้วแต่นะครับ ลองอ่านทําความเข้าใจดีๆ มีประโยชน์หลายๆ จริงๆแล้วอาจารย์เล่าให้ผมฟังมากกว่านี้ แต่กลัวจะไม่เข้าใจกัน เพราะแกจะเอารัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง มาแปลให้ผมฟัง ซึ้งถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานดีพอ จะไม่เข้าใจครับ มาบอกเล่าแค่นี้แหละ อยากจะเป็นคนแบบไหน ก็ลองอ่านๆแล้วคิดดูเอาเองนะครับ ประชาธิปไตยจงเจริญในประเทศไทยเร็วๆนะจ๊ะ 5555555 จากคุณ : racerwin_x - [ 5 มิ.ย. 49 23:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ผมได้อธิบายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันหมดอะป่าว ก็แล้วแต่คนจะเข้าใจและตีความ เพราะเรื่องนี้ ต่างจิตต่างใจ ใครคิดยังไงก็แล้วแต่ครับ 5555 แต่จริงๆมันจะมีหลักที่เป็นแก่นของมันอยู่นะ อิอิ ที่นี้ลองมาอ่านที่ผมจะให้นําไปใช้ดู ง่ายๆได้ใจความ ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า หลักแห่งประชาธิปไตย ต้องการให้คนเปิดหูเปิดตาให้กว้าง ให้คนฉลาด มีความคิดเป็นของตนเอง เพราะเราไม่ใช่ คอมมิวนิสต์ ที่ห้ามคิดห้ามถาม ห้ามแสดงออก ผมจะขอบอกง่ายๆก่อนว่า เราจะมีคนอยู่ 3 กลุ่มระบอบนี้ คือ 1.คนรักรัฐบาล 2.คนรักฝ่ายค้าน และรักฝ่ายไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล(เช่น ม๊อปต่างๆ) 3.ไม่รักใครเลย เชื่อถือแต่สื่ออย่างเดียว อ่านแต่ข่าว แค่นั้น กลุ่มแรก เราควรจะรู้ว่าเรารักรัฐบาลแบบถูกต้องไหม รู้ด้วยความคิดว่า รัฐทําถูกไหม รัฐให้อะไรกับประชาชน ถูกต้องตามหลักหรือป่าว ไม่ใช่ว่ารัฐให้ประโยชน์กับกลุ่มของเรา แล้วพอรัฐทําอะไรผิด ก็จะค้านฝ่ายค้านว่า เป็นพวกดูถูกรัฐ ไม่ให้สนับสนุนรัฐ เป็นพวกทําให้ประเทศชาติไม่พัฒนา ทั้งๆที่รัฐเอง ก็เป็นฝ่ายผิด เราไม่ควรรักแบบไม่ลืมหูลืมตา ควรจะรักด้วยความคิดและปัญญา เช่น หากรัฐทําผิดเต็มๆ แต่ฝ่ายที่รักรัฐบาล บอกว่า ใครๆก็ผิดได้ แล้วทําไมไม่มองที่รัฐทําถูกบ้างละ กรณีนี้ถือว่า รักแบบผิดเต็มๆประตู เพราะว่าไม่ยอมมองความผิดของรัฐแบบที่ควรจะเป็นไปตามระบบ กลุ่ม 2 รักฝ่านค้าน หากเราจะรักผู้ที่คัดค้านรัฐบาล ก็ต้องมองด้วยว่า ค้านถูกตามกฎหมายหรือเปล่า เพราะเวลาประชุมรัฐสภา จะมีคนบ้าๆบอๆ ที่ไม่รู้ว่าเอาเรื่องห่าเหวอะไรมาค้านรัฐ และบางทีคนที่รักฝ่ายค้านอยู่ ก็หลงเชื่อง่ายๆว่าฝ่ายค้านพูดถูก ทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า ค้านถูกอะป่าว ทั้งๆที่บางที รัฐ อาจจะทําถูก แต่ฝ่ายค้านเจตนาจะสร้างภาพให้รัฐ ดูผิด ทั้งๆที่บางเรื่องอาจจะถูกอยู่แล้วก็ได้ เราต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างเข้าไว้ ดีที่สุดคือ รู้ว่ารัฐผิด ค้านถูก ไม่นอกประเด็น 5555 กลุ่ม 3 อ่านจากสื่อ ว่าง่ายๆว่าหนังสือพิมพ์ พวกนี้จะเป็นพวกที่ ไม่เข้าข้างฝ่ายไหน ถือว่ารัฐ และฝ่ายค้าน เลวทั้งหมด เพราะว่า ไม่ได้ให้ประโยชน์กับกลุ่มของตน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ประมาณนั้น แต่บางที สื่อก็เลว ว่าง่ายๆว่า คนอ่าน นสพ 90% แทบไม่เคยรู้เลยว่า คนพิมพ์พิมพ์ถูกไหม เค้าเอาข้อมูลมาถูกหรือเปล่า จริงเท็จแค่ไหน ทั้งๆที่ไม่รู้ แต่เชื่อไปแล้ว 90% ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น นางเอกดังชื่อว่า ก. ไปมีชู้กะตาแก่โรคจิตเมื่อคืนวาน ผมจะบอกว่า เขียนข่าวแค่นี้ คนเราเวลาอ่านข่าว ไม่ค่อยจะพิจารณาหรอกครับ ว่าจริงหรือไม่ อ่านปุ๊ปก็จะตีความไปเลยว่า อีนี่ท่าทางจะแรดจริงๆนะ แม่งไปมีชู้กะคนแก่ได้ไง โดยเฉพาะประเด็นการเมือง ที่สื่อถูกจ้างให้เขียนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามเงินที่จ้าง เพราะถ้ารู้จักกฎหมาย รู้จักการตีความ จะรู้ได้เลยว่า บางทีสื่อก็มั่วไปกว่า 80% สื่อทําให้ฝ่ายหนึ่งเสียหายมาเยอะ เพราะเงินนี้แหละ 5555 ทั้ง 3 กลุ่มที่ว่ามานี้ เราจะรักใครชอบใคร ไม่ผิดนะครับ แต่ว่า ความรักที่ดีที่สุดคือ รู้ว่าเค้าทําอะไรให้เราถูกไหม และเค้าทําอะไรผิด เราก็ต้องบอกว่าให้ไปแก้ไขไปตามระบบ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ คือปัญญาและสติที่ดีครับ ในการเข้าใจความหมายของ ประชาธิปไตย เรามีมันอยู่ตรงหน้าและในมือ ขึ้นอยู่กับว่า เราใช้ได้ถูกต้องไหม หากเราจะฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราก็ควรจะรู้ว่า เค้าทําถูกกฎหมายไหมตามระบบ ไม่ใช่สักแต่รักๆๆๆ โดยที่ไม่รู้ตื้นหนาบางเลยว่า เรารักแบบผิดๆไปแล้ว ประชาธิปไตย สอนให้คนฉลาดนะครับ รักให้เป็น แต่สําหรับผมแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ ทั้ง รัฐบาล ฝ่ายค้าน และกลุ่มสื่อ มันก็บ้าๆบอๆไปตามกันทั้งนั้น ทุกฝ่ายต่างเอาตัวรอดไปวันๆ กูมีกินเป็นพอ ไม่สนเลยว่า ประชาธิปไตย คืออะไรแน่ ป.ล. รู้กฎหมาย รู้จักรัฐ รู้จักฝ่ายค้าน รู้ทันสื่อ เท่านี้คุณก็ใช้ ประชาธิปไตย เป็นประโยชน์แล้ว 5555 อย่าตีความเอง คิดเอง โดยที่ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางว่า ถูกกฎหมาย หรือ ผิดกฎหมายนะจ๊ะ ไปหละ จากคุณ : racerwin_x - [ 5 มิ.ย. 49 23:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ประชาธิปไตย ...เหมือนของดีอื่นๆ  มีทั้งของแท้และของเทียม ของแท้ ใช้ระบบนิติรัญ และปกครองโดยกฎหมาย ของเทียม ใช้ระบบที่ประชุมใหญ่ ของแท้ นายกมาจากการเลือกตั้ง ของเทียม ขอนายกเอาจากคนแต่งตั้ง ของแท้ เสียงส่วนน้อยยอมตามมติเสียงส่วนมาก ของเทียม เสียงส่วนมากยอมตามมติเสียงส่วนน้อย ของแท้ การเลือกตั้งเป็นการใช้อำนาจสูงสุดของประชาชนโดยประชาชน ของเทียม การเลือกตั้งที่มีอาจเป็นโมฆะเมื่อไรก็ได้ ของแท้ คนที่อยู่ในตำแหน่งถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด มีสิทธิอยู่จนครบเทอม ของเทียม เทอมในตำแหน่งไม่มีความหมาย อาจต้องเว้นวรรคหรือมีคนแนะให้ออก ของแท้ บุคคลจะผิดก็ต่อเมื่อเข้ากระบวนการยุติธรรม ของเทียม บุคคลจะผิดเมื่อตัดสินกันที่ถนนโดยฝูงชน ของแท้สื่อยืนข้างผลประโยชน์ประชาชนและความจริง ของเทียม สื่อแสวงประโยชน์จากประชาชนและความจริง ของแท้ คนได้คะแนนสูงสุด วุฒิสภารับรองชนะการสรรหา ของเทียม คนได้คะแนนที่สอง ที่พระเจ้าช่วย ชนะการสรรหา ของแท้ สมาชิกรัฐสภาอภิปรายในสภา ของเทียม สมาชิกรัฐสภาอภิปรายนอกสภา ฯลฯ คงพอได้ภาพแล้วมัง เขียนได้อีกมาก .... แต่ขอไปคุยเรื่องอื่นมั่ง จากคุณ : X-CU - [ 5 มิ.ย. 49 23:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่างเสมอภาค  สิทธิการตรวจสอบ สิทธิการเอาผิดนักการเมืองเลวๆไม่ว่าคนจะเลือกมันกี่สิบล้านเสียง จากคุณ : หยางเจียง - [ 6 มิ.ย. 49 00:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ว่าจะพอ แต่อารมณ์ยังขึ้นอยู่ ต่ออีกหน่อย ...... ของแท้ ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน ของเทียม บางคนมีเสียงครึ่งเดียว หรือน้อยกว่า ของแท้  คนเราฉลาดไม่แตกต่างกัน ทุกคนจึงเสมอภาคกัน ของเทียม คนเราฉลาดต่างกัน บางคนจึงเสมอภาคมากกว่าบางคน ของแท้  อ้างกฎหมายของมหาชนปกครองประเทศ ของเทียม อ้างจริยธรรมของคนบางคนปกครองประเทศ ของแท้ นักวิชาการนิติโปรโมทเคารพรัฐธรรมนูญ ของเทียม นักวิชาการนิติโปรโมทละเมิดรัฐธรรมนูญ ของแท้  ไม่ตัดสินอะไรที่ทำให้กระบวนการรัฐธรรมนูญสดุด ของเทียม พิพากษาจนทำตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ ของแท้ ศาลไม่ล้วงลูก ของเทียม กลัว ไม่พูดดีก่า ของแท้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่วินิจฉัยเกินถาม ของเทียม ด่าศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่วินิจฉัยให้เสด็จน้ำกว่าที่ถาม ของแท้ มี ngo ไว้ตรวจสอบ go ของเทียม มี ngo ไว้อยากเป็น go ของแท้ สิทธิมนุษยชนมีไว้ปกป้องประชาชน ของเทียม สิทธิมนุษยชนมีไว้ปกป้องโจร ของแท้ พูดโกหกในสภาได้รับเอกสิทะคุ้มครอง ของเทียม พูดโกหกนอกสภาก็ได้เอกสิทธิ์คุ้มครองเช่นกัน ของแท้ การฟ้องหมิ่นประมาทใช้ป้องกันสื่อได้ ของเทียม การฟ้องหมิ่นประมาทเป็นการคุกคามสื่อ ของแท้ คนลงเลือกมีเรื่องกับ กกต. ของเทียม คนไม่ลงเลือกตั้งมีเรื่องกับ กกต. ของแท้ สื่อต้องวางตัวเป็นกลางในการนำเสนอ ตาดีถือตะเกียง ของเทียม สื่อเลือกข้างได้ ตาบอดแย่งถือตะเกียง ของแท้ คนลงเลือกตั้งจึงจะมีเรื่องกับ กกต. ของเทียม คนไม่ลงเลือกตั้งก็มีเรื่องกับ กกต. ได้ ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 00:19:48 จากคุณ : X-CU - [ 6 มิ.ย. 49 00:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประชาธิปไตย แบ่งเป็น 1. ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก 2. ประชาธิปไตยเสียงข้างน้อย (พวกที่ไม่ยอมรับประชาธิปไตยเสียงข้างมาก แต่บอกตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย) จากคุณ : pigstone - [ 6 มิ.ย. 49 00:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ************************** ประชาธิปไตย (1) ระบอบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่ (2) การถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ [ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ] ************************** ปล. ประชาธิปไตย ไม่ใช่ทางสายกลางนะครับ ขออธิบายให้เห็นภาพ อย่างเช่น.. การเลือกตั้งหัวหน้าห้อง นาย ก ได้ 10 คะแนนเสียง นาย ข ได้ 16 คะแนนเสียง นาย ข จะต้องได้เป็น นายก เอ๊ย หัวหน้าห้อง ใช่ไหมครับ? สำหรับผมคิดว่า ประชาธิปไตย คือ การยอมรับเสียงข้างมากของคนในสังคม ถึงเสียงข้างน้อยจะไม่ชอบ นาย ข แต่ก็ต้องยอมรับครับ คงไม่มีใครเสนอให้ คุณครู หาหัวหน้าคนกลางมาใหม่นะครับ --------------------------------------- -แต่ถ้าเป็นการแก้ปัญหา ผมคิดว่าใช้ "ทางสายกลาง" เหมาะสมที่สุด -แต่ถ้าการเลือก ตัวเลือกต่างๆ ควรใช้ ประชาธิปไตย ครับ edit : แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 01:41:03 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 01:34:06 จากคุณ : นายเซอร์ ซูปเปอร์น้ำข้น - [ 6 มิ.ย. 49 01:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบอกไอ้พวกหน้าเหลี่ยมให้หัดไปอ่านหรือฟังหรือดูพระราชดำรัสของในหลวงครั้งล่าสุดให้ดีๆว่าประชาธิปไตยคืออะไรอย่างที่คุณ จขกท. บอกนั่นนะถูกแล้ว จากคุณ : gogoh - [ 6 มิ.ย. 49 04:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประเทศไทยมีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งถือว่าเสียงประชาชนส่วนมากมีความสำคัญกว่าประชาชนส่วนน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเสียงส่วนน้อยจะไม่มีความหมาย   แต่ตอนนี้เราทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงให้ความสำคัญกับเสียงส่วนน้อยมากซะงั้น จากคุณ : Mashimaro_ris - [ 6 มิ.ย. 49 07:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สิทธิมนุษยชนมากเกินไป ก็ทำให้ประชาธิปไตรอ่อนแอ จากคุณ : fault - [ 6 มิ.ย. 49 08:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คห8. gogoh โง่ โง่ อย่างคุณควรอ่าน คห. ด้านบนก่อนแล้วค่อยแสดงความคิดเห็น จากคุณ : chaช่า - [ 6 มิ.ย. 49 08:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หลายคนไม่เป็นที่น่าต้อนรับของที่นี่ บางคนก็เนรเทศตัวเองออกไป แต่แล้วก็ตัดใจไม่ได้และเมื่อกลับมาก็รับความเห็นคนอื่นไม่ได้ กลายเป็นพาลและเข้ามาพูดคำด่าคำตลอด อย่าทำลายตัวเองเลยครับ จากคุณ : X-CU - [ 6 มิ.ย. 49 12:00:58 ]