| ภาพตัดต่อ (29 คน) |
| ภาพจริง (15 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 44 คน |
"ผลสรุปของเจ้าหน้าที่บริษัทติดตั้งเชื่อได้ว่าไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับความรั่วไหลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากบุคลากรภายในกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่ฝึกฝน และ รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติของชุดทำงานด้านเทคนิคได้ไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ถึง 31 พ.ค.2549 โดยใช้หลักฐานภาพถ่ายที่ได้จากสื่อสิ่งพิมพ์ ประจำวันที่ 19 มี.ค. และ วันที่ 20 มี.ค.2549 โดยพบว่ามีการเรียกดูข้อมูลภาพย้อนหลัง (PLAY BACK) และส่งข้อมูลออก (EXPORT) ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2549" พล.อ.สิริชัยกล่าวและว่า
ทั้งนี้เหตุที่เกิดหลังจากมีภาพในวันที่3 มี.ค.2549 ทางเจ้าหน้าที่เทคนิคสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการเรียกภาพในวันที่ 3 มี.ค.ขึ้นมาดูในวันที่ 20 มี.ค. ได้มีการเรียกดูภาพจำนวน 9 ภาพ ซึ่งใน 7 ภาพ เป็นภาพจากระเบียงทางเดินหน้าห้องของฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม และภาพบริเวณที่พักคอยบริเวณหน้าห้อง รมว.กลาโหม 1 ภาพ และภาพบันไดทางขึ้นห้อง รมว.กลาโหม อีก 1 ภาพ ส่วนวันที่ 21 มี.ค. ได้มีการดึงภาพภาพขึ้นมาดูอีกครั้ง ที่บริเวณที่พักคอยหน้าห้อง รมว.กลาโหม เวลา 06.07 นาที และภาพบันไดทางขึ้นห้อง รมว.กลาโหม เวลา 06.11 น.
พล.อ.สิริชัยกล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติของคณะทำงานชุดบุคคลในวันที่ 20 มี.ค. มีพยานบุคคลหลายปากเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ของกองรักษาความปลอดภัย อยู่ในห้องควบคุมดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึง 18.45 น. และได้มีการสั่งพิมพ์รูปเฉพาะภาพจากระเบียงทางเดินหน้าห้องของฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม จำนวนภาพตั้งแต่ 4 ภาพขึ้นไป และนำสืบจนมีเจ้าหน้าที่ของกองรักษาความปลอดภัยให้การรับสารภาพว่าได้เข้าไปดูข้อมูล และบันทึกข้อมูลดังกล่าวไว้ จำนวน 1 นาย คือ จ.ส.อ.สุพจน์ พานเพ็ชร เจ้าหน้าด้านเทคนิดที่เข้าเวรเป็นผู้ดึงภาพออกมาดู ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพ โดยแจ้งว่าการดึงภาพออกมาดูเพื่อเป็นการฝึกทดลอง หรือ ทดสอบความรู้เกี่ยวกับตัวเครื่อง
พล.อ.สิริชัยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีพยานหลักฐานปรากฏว่า ร.ท.ณรงค์ศักดิ์ เปรมสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเป็นผู้ควบคุมดูแล จ.ส.อ.สุพจน์ ได้เข้ามาดึงภาพในเครื่องออกมา ซึ่งทั้งสองคนมีพยานหลักฐานแวดล้อมเชื่อได้ว่าเป็นผู้ที่น่าจะกระทำความผิด จึงได้เสนอให้ดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองในความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญได้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองแล้ว
"ทั้งสองคนถือว่าต้องคดีอาญา โดยจะถูกสั่งพักราชการในระหว่างมีการสอบสวน ส่วนการดำเนินการสอบสวนให้ลึกลงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนทางคดีต่อไป ส่วนผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนจะถูกดำเนินการทางวินัยทหารฐานบกพร่องต่อหน้าที่ราชการมีโทษภาคทัณฑ์เป็นเวลา 1 ปี คือ พ.ท.กุรุ เซ็นศิริวัฒนา หัวหน้าแผนก รปภ.สถานที่ และ พ.อ.อาวุธ แสงตะวัน ผอ.กองรักษาความปลอดภัยสำนักนโยบายและแผน กลาโหม " พล.อ.สิริชัยกล่าว
จากคุณ :
billzeeo
- [
8 มิ.ย. 49 20:45:15
]