ความคิดเห็นที่ 1 เค้า...ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ฮือ ฮือ จากคุณ : ขยะแห้ง - [ 18 มิ.ย. 49 02:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ...เมื่อไหร่คนเลว ๆ ที่หนักแผ่นดินจะพ้นจากประเทศไทยซักที.... จากคุณ : แปลงผัก - [ 18 มิ.ย. 49 02:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สนธิผู้ไม่เคยเปลี่ยน จากคุณ : Tarogril - [ 18 มิ.ย. 49 02:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สนธิ  ลิ้มทองกุลก็คือนักธุรกิจสื่อที่เสียผลประโยชน์คนหนึ่ง ที่จับบ้านเมืองเป็นตัวประกัน ร่วมมือกับขบวนการ มาตรา๗ ที่มีมันสมองของนักวิชาการผู้หลงตนว่าเป็นผู้ทรงศีลมากกว่านายกรัฐนตรีทักษิณ ชินวัตรเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขอนายกฯพระราชทาน ..ล่าสุดที่ผ่านมานี่ก็ออกโฆษณาชวนเชื่อชุดใหม่ชื่อว่า "ปฏิญญาฟินแลนด์" ขึ้นมา ดูถูกภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างเราๆจริงๆค่ะ .... เนื้อหาในปฏิญญาฟินแลนด์นี่ กล่าวหา พ.ต.ท ดร. ทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทยว่าเป็น "เผด็จการทุนนิยม" ที่ต้องการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเพื่อสถาปนาตัวเองเป็นประธานาธิบดีภายใต้พรรคเดียวแบบพรรคคอมมิวนิสต์...อ่านปฏิญญาฟินแลนด์แล้วเหมือนนั่งอ่านทฤษฎีสมคบคิดอยู่เลยค่ะ .เอิ๊กส์ .... และเอื้องคิดว่าเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งค่ะ ...... ทั้งที่ในความเป็นจริงประเทศไทยนั้นได้รับอิทธิพลจากแนวคิดทุนนิยมมาตั้งแต่ก่อน "สนธิสัญญาเบาริ่ง (The Bowring Treaty)" ในปี พ.ศ. 2398 แล้ว .... และผลของสนธิสัญญาดังกล่าวทำให้ไทยต้องเร่งปฏิรูปบ้านเมืองให้ทันสมัย และส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมไทย จนทำให้ประเทศไทยเรามีระบบการเลือกตั้งขึ้นมานั่นเอง .ก็ไม่รู้คนที่อ่านแล้วเชื่อเป็นตุป็นตะนี่เชื่อเข้าไปได้อย่างไร? อ่านดูทั้งหมด ๑๐ หน้าแล้ว มองเ็ห็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงแทบทุกหน้าเลยค่ะ ..... แทบทุกประเด็นวางอยู่บนสมมติฐานเท่านั้นหาใช่ข้อเท็จจริงไม่ ..... บอกได้คำเดียวค่ะว่าผู้ที่ร่างเนื้อหาปฏิญญาฟินแลนด์ขึ้นมานั้นฝักไฝ่คอมมิวนิสต์หรืออิงการเมืองซ้ายจัด ไม่มีความหมายเป็นอื่นเลยเหมือนสมัยที่คอมมิวนิสต์โฆษณาชวนเชื่อ "ปลุกผีทุนนิยม" ขึ้นมานั่นเอง จริงๆจะว่าไปแล้วขบวนการทางการเมืองที่ต้องการโค่นล้มนายกฯทักษิณและกลุ่มผู้สนับสนุนมีพฤติกรรมหลายอย่างที่คล้ายกับกลุ่มก่อการร้ายมากทีเดียวเพียงแต่ใช้สื่อที่ตัวเองมีอยู่ในมือที่เปรียบเสมือน "ไมโครโฟน" หรือ "เครื่องขยายเสียง" ของพวกเขาทำร้ายสังคมและคนบริสุทธิ์แทนระเบิดหรือปืนกลเท่าั้นั้นเองค่ะ เป็นต้นว่า การกล่าวปกป้องคนที่ฉีกบัตรเลือกตั้งซึ่งเป็นการแสดงออกที่ผิดกฏหมายและไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่กลุ่มต่อต้านทักษิณกลับยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรมด้วยการเล่นสำนวนโวหารบัญญัติศัพท์ใหม่ให้กับการกระทำเช่นนี้ว่าเป็น "อารยะขัดขืน" ทั้งที่การแสดงออกเช่นนี้เป็น "อนารยะิวิถี" ที่ชัดเจนทั้งในการกระทำและเจตจำนงค์ .... ตรรกะการคิดของกลุ่มต่อต้านทักษิณจึงไม่ต่างอะไรกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายและแนวร่วมที่เรียกมือ ระเบิดพลีชีพ หรือผู้วางระเบิดว่าเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสระภาพ หรือ Freedom Fighter เพื่อสร้างความชอบธรรมในการสังหารคนบริสุทธิ์ ทั้งที่พฤติกรรมและเจตนารมณ์อันสูงสุดของ มือระเบิดพลีชีพ หรือการสังหารพลเรือน คือการคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์แบบสุ่มให้ได้มากที่สุด ซึ่งสมควรเรียกว่าเป็นการกระทำของผู้่ก่อการร้าย (Terrorist) ที่ตรงความหมายและข้อเท็จจริงในสถานการณ์จะเหมาะสมที่สุด การที่ขบวนการทางการเมืองผู้ฝักไฝ่มาตรา7 ใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือในการโค่นล้มทักษิณก็เพราะพวกเขารู้ดีว่า "สถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ" ต้องการปลุกกระแสประชาชนให้ลุกฮือขึ้นมาขับไล่ พ.ต.ท ทักษิณและพรรคไทยรักไทยนั่นเอง แต่สำหรับเอื้องแล้ว สิ่งที่น่าสลดหดหู่ยิ่งกว่าพฤติกรรมของสนธิ ลิ้มทองกุลก็คือกลุ่มคนที่สนับสนุนการกระทำของสนธิทั้งที่เป็นชาวบ้านและปัญญาชนส่วนหนึ่งัที่เลือกที่จะเดินตามสิ่งที่สนธิขีดเส้นไว้หรือโหนกระแสตามสนธิเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ชอบทักษิณ  ชินวัตร มองว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือตัวแทนของ "ทุนสากล" หรือ "ทุนข้ามชาติ" ที่ขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองเหนือ "ทุนท้องถิ่น" จึงไม่แปลกที่กลุ่มต่อต้านทักษิณมักจะกล่าวหานายกฯทักษิณด้วยข้อหาว่า "ขายชาติ" อยู่บ่อยๆ และแนวคิดการทำงานแบบคิดใหม่ ทำใหม่ การทำงานที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว มีข้อมูลเร็ว เป็นการมองโลกแบบโลกาภิวัตน์นี้ของนายกฯทักษิณก็ทำให้ท่านย่อมต้องตกเป็นเป้าทางการเมืองให้กับผู้ที่ไม่ยอมปรับตัวกับโลกยุคใหม่นี้  หรือเพื่อให้กลุ่มคนของตนกลับมาครองอำนาจอีกครั้งโดยไม่สนใจว่า "วิธีการ" เพื่อให้ได้อำนาจนั้นมาจะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 03:06:44 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 03:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "ความเห็นของผม", "ผมแปลอย่างนี้", "ผมแปลว่า"... ไม่น่าเชื่อว่า... ยังมีคนไปนั่งฟังแล้วพยักหน้าหงึกๆ งมงาย...ไร้สมอง...จริงๆ นายสนธิ..กล้าทำแบบนี้.. ทำไม... ถึงกล้า..นักนะ.. เพราะอะไรนะ.. จากคุณ : ปัญญาแห่งตน (My_Wisdom) - [ 18 มิ.ย. 49 04:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เฮ้อ   ทุเรศสุดบรรยาย ไอ้คนไปนั่งฟังก็นั่งฟังมันพล่ามอยู่ได้นะ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยแฮะ จากคุณ : champ_ee85 - [ 18 มิ.ย. 49 04:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันต้องแบ่งฝ่ายและแบ่งแยก   เพราะระบบการเงินส่วนบุคคล   ไม่ได้เชื่อมโยงและถ่ายโอน   รายได้และค่าใช้จ่ายระหว่างบุคคลไปมาแก่กันและกัน   ดังนั้นการแบ่งแยกจึงเป็นเรื่องธรรมดา  มาก  ๆ  สำหรับ  บุคคล จากคุณ : นักฆ่าเงินเฟ้อ - [ 18 มิ.ย. 49 04:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สนธิ says: " ผมแปลอย่างนี้ นั่นคือคนไทยทุกคนจะต้องไม่แบ่งเขา แบ่งเรา แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ไม่ใช่ถือว่าภาคใต้นั้นไม่ใช่ประเทศไทย แล้วถือว่าภาคเหนือนั้นเป็นของพวกเรา ต้องถือว่าต่างเป็นพสกนิกรภายใต้พระบารมีด้วยกัน ทำการทุกสิ่งจึงต้องประสานงาน ประสานประโยชน์ เพื่อให้สำเร็จเป็นประโยชน์ทั้งแก่ประเทศชาติ แก่ประชาชน และแก่ตนเอง ไม่ใช่ประเทศนี้มีแต่พวกกู หรือไม่ก็ศัตรูของกู กูจะเอาแต่ผลประโยชน์ของกูและพวกกู กูจะทำลายผลประโยชน์ของคนอื่นที่เป็นศัตรูของกู โดยไม่คำนึงถึงความฉิบหายวายวอดใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่" เอื้องอัยราวัณ says: ประโยคนี้ของสนธินั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดประสงค์หรือเป้าหมายสูงสุดในความพยายามที่ต้องการชี้ช่ิองให้ผู้เสพข่าวสารเห็นว่านายกฯรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรคือคนที่ต้องการแบ่งแยกคนในชาติ ... พยายามยกให้ว่า นายกฯรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดทั้งปวง   แ่น่นอนค่ะว่า คนไทยทุกคนจะต้องไม่แบ่งเขา แบ่งเรา แบ่งฝัก แบ่งฝ่ายอยู่แล้วอันนี้เห็นด้วยแต่เห็นด้วยในแง่ที่ว่านี่พูดถึงในแง่ของการอยู่ร่วมกันในสังคมหนึ่งๆ .... การดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมหนึ่งๆ .... แต่หากพูดถึงในทางการเมืองหรือในแง่ของการเมือง  การเลือกตั้ง  การที่มีแนวความคิดทางการเมืองแบ่งออกเป็นสองขั้วหาใช่เป็นสาเหตุที่จะทำให้้บ้านเมืองล่มสลาย ... เพราะนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วความคิดทางการเมืองก็แบ่งออกเป็นสองขั้วเ่ช่นกันซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย เพราะสังคมประชาธิปไตย เป็นสังคมแห่งความหลากหลายทางความคิด ย่อมต้องมีความคิดที่หลากหลายและขัดแย้งกันได้ถือเป็นเรื่องธรรมดา .... มีแต่สังคมเผด็จการเท่านั้นที่ไม่ยอมรับการมีทัศนคติที่แตกต่าง   ความคิดเห็นที่แตกต่าง และ ความขัดแย้งมีในทุกองค์การหรือหน่วยงานในทุกระดับของสังคม ถ้ามีความขัดแย้งในระดับที่พอเหมาะ (ความสามัคคี คือ ความขัดแย้งที่พอเหมาะ) จะช่วยกระตุ้นให้บุคคลในองค์การได้ใช้ความคิด ความอ่าน ในการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์งาน ตรงกับคำกล่าวที่ว่า "No progress Without conflict" หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "ไม่เจริญถ้าปราศจากความขัดแย้ง" .... แต่ถ้าหากมีความขัดแย้งที่มากถึงระดับที่เป็นปัญหาก็จะทำให้บุคคลในองค์การแตกความสามัคคีทำให้องค์การเสื่อมลงในที่สุด และเมื่อเอื้องอ่านสิ่งที่คุณสนธิพยายามจะสื่อ ประกอบกับพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของคุณสนธิแล้ว  เอื้องกลับมีความคิดว่า คุณสนธิเองนั่นแหละที่พยายามจะแบ่งขั้วทางสังคมออกเป็น 1. ฝ่ายที่สนับสนุนนายกฯทักษิณต่อไป 2. ฝ่ายที่สนับสนุนให้นายกฯทักษิณพ้นจากเส้นทางการเมือง  โดยนำเรื่องภูมิภาคนิยมมาปลุกกระแสประชาชนว่า นายกฯไม่ให้ความสำคัญกับภาคใต้เพราะำไม่ใช่คนใต้ ... หากคนที่มีจิตสำนึกรู้รักสามัคคีอ่านแล้วก็คงเฉยๆแต่หากคนที่มีแนวความคิดภูมภาคนิยมก็อาจเออ ออห่อหมกด้วยซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นความผิดแต่อย่างใด เพราะเอื้องคิดว่า "ความคิดที่แตกต่าง" เป็นสิ่งที่ดีอันแสดงถึงความหลากหลายในสังคมประชาธิปไตย .... แต่ทว่าความคิดที่แตกต่างนำไปสู่ความแตกแยกนั้นเป็นสิ่งที่นำพาไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้งในสังคมไม่ีที่สิ้นสุด   ในสังคมหรือองค์กรใดก็ตาม ถ้ามีความแตกแยกทางความคิด ไม่ใช่ความแตกต่างทางความคิด เป็นสังคมที่อันตราย ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมนั้นมีแต่จะอ่อนแอไม่มีทางแข็งแรง แต่ความคิดที่แตกต่างทำให้เกิดมุมมองในด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทั้งหลายเป็นสิ่งที่สวยงามและดีงามในระบอบประชาธิปไตย คือ เปลี่ยน"อารมณ์" มาเป็น"ปัญญา"  เปลี่ยน"ความรู้สึก"มาเป็น"ความรู้จริงๆ" .. เปลี่ยนจาก"ความไร้กติกา"มาเป็น"เคารพกติกา" ... แทนที่จะเสนอแต่ปัญหาควรต้องเสนอทางออกด้วย อันจะนำไปสู่การเปิดใจกว้างที่จะรับความคิดแตกต่าง ไม่ให้แตกแยกภายใต้กติกาซึ่งอาศัยปัญญาและความรู้เป็นตัวตัดสิน การที่มีแนวความคิดทางการเมืองแบ่งออกเป็นสองขั้ว ความคิดเห็นที่แตกต่าง และ ความขัดแย้ง หาใช่เป็นสาเหตุที่จะทำให้้บ้านเมืองล่มสลายหาก ทุกคนเคารพกฏ กติกาของบ้านเมือง ... เชิดชูกฏหมายเหนือกฏหมู่ ...รู้จักสิทธิและหน้าที่ไม่ใช่เรียกร้องจะเอาแต่สิทธิแต่ไ่ม่ยอมทำหน้าที่ซึ่งมันไม่ถูกต้องแน่ ..... เรื่องสิทธิและหน้าที่นี้สังคมควรจะได้รับการเน้นย้ำบ่อยๆค่ะ เพราะตราบใดที่คนรู้จักคำว่าสิทธิแล้วแต่ไม่รู้จักคำว่าหน้าที่   สิทธิที่ไม่มีหน้าที่ เขาเรียกว่าเป็น อภิสิทธิ์ ค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทุกสิทธิต้องตามมาด้วยหน้าที่จึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  หากในสังคมใด องค์กรใด หรือประเทศใดก็ตามหากคนในชาติไม่รู้จักคำว่า หน้าที่พลเมืองแล้ว ชาติกำลังอยู่ในภาวะอันตรายค่ะเพราะทุกคนเรียกร้องหาแต่สิทธิ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อประเทศชาติ ดังที่เราทุกคนได้ประจักษ์ชัดมาแล้ว แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 05:27:28 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 05:23:40 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 05:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระราชดำรัสเป็นของสูง ห้ามวิจารณ์ ดังคำ > ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดฯ < ไอ้เจ็กสันดานกบฏ ตัวนี้มันควรโดนจับกุดหัว  ! จากคุณ : +:Non Media:+ - [ 18 มิ.ย. 49 06:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สนธิ says: "ตรงนี้มีนัย คือพระองค์ท่านหมายความว่า ไม่ว่าด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่คนไทยพึงกระทำต่อกัน หรือในการทำการใดๆ ควรเป็นไปเพื่อความเมตตาต่อกัน เพื่อความปรารถนาดีต่อกัน เพื่อหวังความเจริญแก่กันและกัน นะ  ส่วนความเห็นของผม ไม่ใช่เพื่อการเบียดเบียน เพื่อการเอารัดเอาเปรียบ เพื่อเป็นการฉ้อฉล ฉกฉวย เอาประโยชน์ของตนและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนเสียหายของผู้อื่นและประเทศชาติ นั่นคือธรรมข้อแรก" เอื้องอัยราวัณ says: ส่วนความเห็นของเอื้องที่มีต่อการแปลความพระราชดำรัสในส่วนนี้ของคุณสนธินั้นเอื้ิองคิดว่า หากคุณสนธิเข้าใจและ สนองพระราชดำรัสของในหลวงอย่างถ่องแท้แล้ว คุณสนธิก็ควรที่จะทบทวนเรื่อง วจีกรรมหนักๆ เพราะวจีกรรม  หมายถึง การเป็นผู้มีความประพฤติดีซึ่งแสดงออกทางวาจา 4 ประการคือ 1. เว้นจากการพูดเท็จ คือ พูดแต่ความจริง ไม่พูดโกหก หลอกลวง 2. เว้นจากการพูดส่อเสียด คือ พูดแต่ในสิ่งที่ทำให้เกิดความสามัคคี กลมเกลียว ไม่พูดจาในสิ่งที่ก่อให้เกิดความแตกแยก แตกร้าว 3. เว้นจากการพูดคำหยาบ คือ พูดแต่คำสุภาพ อ่อนหวาน อ่อนโยน กับบุคคลอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง 4. เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ คือพูดแต่ความจริง มีเหตุมีผลเน้นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์พูดแต่สิ่งที่จำเป็นและพูดถูกกาลเทศะ ที่เอื้องฯกล่่าวมาข้างบนนี้มิได้หมายความว่าตนเองต้องการสั่งสอนคุณสนธิหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาพุทธแต่อย่างใด .... เพียงแต่อดไม่ได้ที่จะกล่าวเพราะว่า การกระทำและคำพูดของคุณสนธิในการแสดงออกบนเวทีการเมืองที่เขาตั้งให้กับกลุ่มพันธมิตรฯของเขาว่าเป็นการเมืองภาคประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นออกจะขัดกับวจีกรรมที่คุณสนธิยกมา .. นั่นเพราะว่าตลอดระยะเวลาของการเดินหน้า แคมเปญกู้ชาตินั้น คุณสนธิ และแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ หลายคนซึ่งถือว่าเจริญแล้วด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่ขึ้นเวทีกู้ชาติ ด่าคนโน้นคนนี้โดยเฉพาะท่านนายกฯและคนในรัฐบาลว่า "ไอ้ควาย" เรียกคนอื่นว่า "มอ อึ งอ Mueng" "ไอ้สารเลว" (ขออภัยในคำไม่สุภาพนะคะ) และสารพัด "ไอ้....." ต่างๆ มากมายแล้วแต่จะสรรหาคำพูดที่สะใจตนเอง ... อันเป็นลักษณะพฤติกรรมของคนพาลอย่างเต็มรูปแบบคือพาลทั้ง "วาจา" และพาลทั้ง"ความคิดอ่าน" .... เป็นการใช้คำพูดที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว และถ่อยมากๆ เกินกว่าที่บันทัดฐานของสังคมจะยอมรับได้ อันมีเจตนาใส่ความบุคคลอื่น ให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่น โดยไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชน พึงกระทำ  ม่ายยหวายยยจริงๆค่ะ . เอิ๊กส์ เอื้องฯฟัง ถ้อยคำผรุสวาท คำพูดหยาบ หรือวจีทุจจริต เหล่านี้แล้วก็ได้แต่นึกในใจว่าคุณสนธิและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หลายท่านนี้คงหาความสงบในจิตใจได้ยากยิ่งเพราะจิตใจเหมือนมี " ไฟสุมขอน" อยู่ตลอดเวลาดังสุภาษิตที่่ว่า "สวรรค์ในอกนรกในใจ" นั่นเอง เนี่ยล่ะค่ะกลุ่มคนที่ประกาศตัวว่าจะชุมนุมกันด้วยวิธี "อหิงสา" .. เอิ๊กๆๆ หากเป็นที่อเมริกาและแคนาดานะคะ "คุณสนธิและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯกลุ่มนี้" โดนจับเข้าคุกและโดนฟ้องแน่นอนเพราะเป็นลักษณะของการพูดหมิ่นประมาท ... ประิเทศไทยเรานี่ัรัฐบาลยอมอ่อนให้กลุ่มคน ที่ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชน เหล่านี้ที่กำลังทำตัวก่อความวุ่นวายให้กับประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามาำกค่ะ อเมริกาเป็นประเทศที่มีเสรีภาพมากก็จริงค่ะแต่ทุกอย่างก็ต้องอยู่ "ภายใต้ขอบเขตของกฏหมาย" ... ใครหรือสื่อสำนักไหนที่มาบอกว่าอเมริกามีอิสระ เสรีภาพพูดได้ทุกอย่างนี่ไม่จริงค่ะ เพราะในอเมริกาคุณพูดได้ทุกอย่างตราบเท่าที่ไม่ไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเช่นกัน และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 07:15:20 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 07:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สนับสนุนความคิดข้างบน สนธิมีแต่วาจาส่อเสียด วาจาหยาบคาย พูดเรื่องเท็จ สมควรโดนกฏหมายจัดการให้เกิดความสงบสุขได้แล้ว หรือเราจะรอให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ จากคุณ : พนอจัน - [ 18 มิ.ย. 49 07:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการปลุกกระแสกู้ชาติต่อต้านนายกฯ .คุณสนธิคงจะลืมเรื่องความ ไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น คือ มีจิตใจดี มีความปรารถนาดี อยากให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญอันเป็น มโนกรรมความประพฤติที่เกิดขึ้นในใจไป .... จึงได้ใช้จินตนาการในการมุ่งมาดปรารถนาร้ายต่อผู้อื่นเช่นการนำจินตนาการมาสร้างเป็น"ทฤษฎีสมคบคิด" เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น ...ข่าวเด่นประเด็นดังเมื่อปีระกาที่เพิ่งจะผ่านพ้นมาได้ไม่นานที่คุณสนธิผู้นิยามสโลแกน "เราจะสู้เพื่อในหลวง" มิใช่ "เรารักในหลวง" ใช้จินตนาการอันล้ำลึกใส่ร้ายป้ายสีนายกฯในเรื่องการทำบุญประเทศ ว่าต้องการตีเสมอสถาบันเบื้องสูง จนทำให้เกิดการฟ้องร้องกันในที่สุด โดยส่วนตัวแล้วเอื้องเชื่อสำนักพระราชวัง มากกว่าจินตนาการของคุณสนธิหลายเท่านัก จึงมิได้เดินลงไปในปลักตมเหล่านั้น คุณสนธิเป็นพุทธศาสนิกชนน่าจะเข้าถึงแก่นในเรื่องกรรมของพุทธได้ดีว่า กรรมของตน ใครจะรู้จะติหรือไม่ก็ตาม ตัวผู้ทำเองก็รู้สึกว่าตัวของตัวทำชั่ว อาจจะป้ายความผิดให้คนอื่นด้วยการหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่จะหลอกตัวเองไม่ได้ ตัวเองย่อมรู้สึกสำนึกตัวเองอย่างเต็มที่ ฉะนั้นเมื่อทำชั่วแล้ว จึงปัดดีปัดชั่วออกไปให้พ้นตัวเองไม่ได้ เพราะรู้สึกตัวเองอยู่ทางจิตใจของตน ใครจะแย่งดีไปจะใส่ชั่วให้ไม่ได้ นอกจากจะหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิดเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 08:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น้ำตาผมไหลทันทีที่อ่านจบ มันแปลพระราชดำรัสของในหลวง เพื่อทำลายคนอื่น มันใช้ภาษาอย่างไรมาแปลพระราชดำรัส มีคำว่ากู มีคำว่าหันตูดหาแดด ทำไมคนที่รักในหลวงถึงปล่อยให้มันพูดอย่างนี้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะพวกสื่อฯทั้งหลาย น้ำตาที่ไหลด้วยความปลาบปลื้มมาหลายวัน วันนี้มันไหลเพราะความเศร้า เสียใจ กับคนไทยที่ไร้สามัญสำนึก จากคุณ : BOHBO5 - [ 18 มิ.ย. 49 08:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปฏิบัติการ "ไล่ล่าสนธิ" ต้องเริ่มขึ้นแล้ว........... ห่วงคนที่ห่างไกลข้อมูล.... อ่านแต่พาดหัว นสพ.  ฟังแต่หัวข้อข่าว และแห่ตามกระแสที่พวกมันปั้นแต่งขึ้นมา นั่นคือ จุดเริ่มของความคิดเห็นที่แตกต่าง และจะบานปลายเป็นความแตกแยกในที่สุด สนธิจะใช้กลยุทธมองหา รอยตำหนิของนายกฯ แล้วตอกย้ำตรงจุดนั้นด้วยลิ่มแห่งความโกรธแค้น กระพือข่าวด้วยสื่อที่มีอยู่ในมือ และพยายามกระตุ้นให้คนที่หลงเชื่อกระจายข่าวปากต่อปาก คือ ให้ทุกคนทำตัวเป็นสื่อฯ  ซะเอง ( เป็นหนึ่งในกลยุทธของเขาที่กำหนดไว้ในปฏิญญาธรรมศาสตร์ ) อะไรจะเกิดขึ้น..... หากมีคนคอยยุแยงให้ประชาชนไม่เชื่อถือศรัทธาในตัวผู้นำประเทศ โดยใช้การต่อต้านแบบนอกระบบ ไร้กติกา สังคมย่อมปั่นป่วน รัฐไม่อาจทำงานได้โดยราบรื่น ทั้งหมดล้วนจะส่งผลถึงความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และความสามัคคีของคนในชาติทั้งสิ้น หากกฎหมายไม่อาจจัดการคนประเภทนี้ได้แล้ว พวกเราคงต้องช่วยกัน............. . แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 09:04:24 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 18 มิ.ย. 49 09:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นับแต่วันนี้ผมจะไม่เรียกร้องให้พวกเราสู้กับเขาอีก -------------------------------------------------- คิดอย่างนั้นไม่ได้น่ะ ภูวเดช ท้อถอย ยอมแพ้ให้พวกมันไม่ได้ พวกมันไม่สำเหนียกอะไรอีกแล้ว ได้คืบมันก็จะรุกเอาศอก มันเห็นเบื้องสูงไม่อยู่ในสายตาอีกแล้ว ที่จะห้ามจะปราม จะหึ่มมันก็เงียบกันไปหมด หลายครั้งหลายคราที่มันจาบจ้วง เคยมีใครไหมที่จะ หึ่ม มัน หรือมีแต่สื่อไม่ออกข่าว ก็คงเหลือแต่ในเน็ตอย่างที่ว่า "ความคิดเห็นที่ 10   สื่อฯปิดกั้นข่าวที่เชียร์นายกฯหมดแล้ว คงเหลือแต่INTERNETที่ปิดกั้นไม่ได้ ถ้าไม่เชียร์ก็จะเหลือแต่สื่อฯชั่วๆด่ากันทุกวัน ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่กลายเป็นเสียงส่วนน้อยก็เพราะสื่อฯชั่วๆนี่แหละ จากคุณ : BOHBO5" http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4464259/P4464259.html พลังอื่นเราพึ่งไม่ได้เสียแล้วมั่ง คงเหลือแต่พลังเงียบ แต่ถ้าเงียบอยู่ต่อไป มันก็มีค่าแค่ศูนย์ แล้วยอมให้พวกเสียงดังพาเราไปไหนไม่รู้กันอีกอย่างนั้น หรือ ภูวเดช ฝากถึง permsuk มีข้อมูลอะไรดี ๆ ขยายต่อ แล้วเผยแพร่ในวงกว้างให้มากที่สุด จากคุณ : แสนแมน (แสนแมน) - [ 18 มิ.ย. 49 09:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รู้จะออกความเห็นอะไร เห็นคนอื่นออกความเห็นที่ตรงกะใจเราไปหมดแล้ว มาลงชื่ออ่าน และเห็นด้วยกะ จขกท จากคุณ : ปุ๊กกี้&คิตตี้ - [ 18 มิ.ย. 49 09:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัยงานนี้ต้องใช้กฎหมู่จัดการแทนกฎหมาย จากคุณ : บิ๊กแหนม - [ 18 มิ.ย. 49 09:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มันก็เป็นลักษณะนิสัยของผู้หลักผู้ใหญ่ ในประเทศ ผมไม่เข้าใจจริงๆ กลัวอะไรกับความวุ่นวายที่จะตามมา หากจะเอาเรื่อง สนธิ จริงๆจัง เบียร์ช้าง ก็เสียไป จากการชุมนุม ? ทหารในภาคใต้ก็กลัว NGO เลยไม่กล้ารุนแรงกับโจร ? ทหารไม่กล้าออกมาปกป้องในหลวง หลังคดีหมิ่นของสนธิ? จำลองขวางขบวนเสด็จ ตำรวจก็เฉย? แล้วคราวนี้เอาพระราชดำรัสในหลวงมาด่าคนอื่น? ทำไมไม่จัดการ ทำไมต้องไปสนใจปฏิกิริยาจากไอ้พวกนี้ด้วย มันก็มีสิทธิในรัฐธรรมนูญแค่ชุมนุมเท่านั้นเอง อยากจะเห่าก็เห่าไป มัวแต่ไปสนใจ ประเทศเป็นง่อยกันพอดี จากคุณ : Locomotive_Bobae - [ 18 มิ.ย. 49 11:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "ผมแปลอย่างนี้ นั่นคือ บรรดาบทกฎหมายและระเบียบแบบแผนทั้งปวงที่มีมาสำหรับแผ่นดิน ต้องให้ความรับรองคุ้มครองคนไทยทุกคนเสมอกัน เสมอกัน ไม่ใช่ว่าคดีที่มาเล่นงานพวกพันธมิตรฯ ฟ้องเอาๆ ดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว แต่คดีที่ตัวเองโดนดำเนินคดีนี่ก็ยังแช่อยู่ในลิ้นชัก ไม่ได้ขยับไปไหนเลย หรือว่าคดีนายสมชาย นีละไพจิตร ตายไปไม่รู้กี่ปีแล้วยังหาคนดำเนินการไม่ได้ แต่คดีอดีต ส.ส.ของตังเองตายแค่วันเดียวอีก 3 วันจับคนร้ายได้ ไม่ใช่ทำบทกฎหมายและระเบียบแบบแผนให้เป็นกติกู เพื่อกูและเพื่อพวกกูที่อำนวยประโยชน์เฉพาะกูและพวกกู และใช้บังคับโดยเลือกปฏิบัติเอาเฉพาะศัตรูของกูเท่านั้น การใช้ระเบียบแบบแผนทั้งปวงต้องตั้งอยู่บนความสุจริต ไม่ใช่ใช้แบบศรีธนญชัยเพียงเพื่อประโยชน์ของตนจนกติกากลายเป็นกติกูและกติโกงอย่างที่เป็นอยู่" อ่านจากที่คุณสนธิเขียนตรงนี้โดยใช้คำว่า "เล่นงานพวกพันธมิตรฯ" แล้วออกจะมีนัยแฝงต้องการให้ผู้อ่านข่าวสารเข้าใจไปว่าผู้ที่ถือกฏหมายอยู่ในมือหรือ ผู้ที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือกลั่นแกล้งตนเองราวกับว่ารัฐบาลสามารถบงการอำนาจตุลาการและองค์กรอิสระได้อย่างนั้นแหละ .. ซึ่งจากหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่อง: 1. ศาลปกครองสูงสุดซึ่งเป็น "องค์กรอิสระ" มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กระจายหุ้นบริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 2 ฉบับ 2. ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น "องค์กรอิสระ" อีกเช่นกันมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่๒เมษายนที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ( หรือเป็นโมฆะทั้งหมด) หรือล่าสุด 3. ที่ประชุมใหญ่คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาได้มีมติด้วยด้วยเสียงข้างมาก 72 ต่อ 4 เสียง เห็นสมควรไม่พิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง แทนที่นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ตามที่นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ได้ทำหนังสือขอให้ศาลฎีกาสรรหาบุคคลผู้สมควรเป็นกรรมการ กกต.แทนตำแหน่งที่ว่าง ตัวอย่างทั้ง ๓ ข้อข้างบนที่กล่าวมานั้นเป็นเครื่ิองยืนยันได้อย่างดีว่า ที่นายสนธิ สื่อกระแสหลักบางสำนักและกลุ่มนักวิชาการบางส่วนที่คาดเดา ตั้งสมมติฐาน(ไม่เคยแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็น) ว่า องค์กรอิสระถูกนายกฯทักษิณแทรกแซงซื้อตัวหมดแล้วจะชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ก็ได้ นั้นหาได้เป็นไปตามที่กลุ่มคนเหล่านี้กล่าวหาไม่ อีกอย่างการที่นายสนธิและพวกถูกฟ้องร้องในข้อหาพยายามล้มล้างระบอบการปกครอง และคดีหมิ่นระบรมเดชานุภาพก็ล้วนแล้วแต่มีมูลทั้งสิ้น หรือหากการดำเนินคดี กับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่า พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ไว้แก่คณะผู้พิพากษาศาลฏีกาและตุลาการศาลปกครองนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า พระองค์ท่านทรงต้องการให้กลไกการทำงานของศาลต่างๆ ให้ทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรมสุจริต สอดคล้อง และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง พระราชดำรัสของในหลวงที่มีต่อคณะตุลาการ และองค์กรศาลนั้นบ่งถึงพระองค์ทรงแนะให้องค์กรอย่างศาลเองเห็นว่า "บทบาทของศาล" ตอนนี้เป็นอย่างไร ... ควรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาที่เิกิดขึ้นให้ทันต่อสถานการณ์หรือเปล่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้นในสังคม ... การบังคับใช้กฏหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดรับกับสถานการณ์หรือไม่ .... แต่นี่ความวุ่นวายมันเกิดขึ้นมาแล้ว...ศาลเองก็ควรเข้ามามีบทบาทให้ทันสถานการณ์ตลอดเวลา เร่งพิจาณาแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วที่สุดไม่ใช่ปล่อยมาจนบัดนี้ หากคุณสนธิเข้าใจพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจริงการแปลความพระราชดำรัสไม่น่าจะออกมาในแนวทางที่ส่อให้เห็นถึง ความต้องการการแปลความพระราชดำรัส เพื่อโจมตีบุคคลใดบุุคคลหนึ่งเช่นนี้ค่ะ และการที่คุณสนธิกล่าวว่า: " บรรดาบทกฎหมายและระเบียบแบบแผนทั้งปวงที่มีมาสำหรับแผ่นดิน ต้องให้ความรับรองคุ้มครองคนไทยทุกคนเสมอกัน เสมอกัน " นั้นถูกต้องเลยค่ะ .... ดังนั้นคุณสนธิและกลุ่มพันธมิตรฯจึงไม่มีสิทธิหรือความชอบธรรมอันใดในการไปสั่งให้ทักษิณลาออกหรือไปสั่งให้นายกฯเลิกเล่นการเมืองเพราะทุกคนไม่ว่าจะเป็นรัฐ หรือองค์กรรัฐหรือราษฎรต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายเดียวกันทั้งสิ้น  นายกฯท่านขึ้นสู่อำนาจตามกฏหมายหากจะลงจากอำนาจก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายเช่นกันไม่ใช่กฏหมู่ที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนเพียงแค่หยิบมือ  มาถึงตรงนี้คุณสนธิน่าจะตระหนักในคำพูดของตัวเองได้แล้วว่าบ้านเมืองปกครองด้วย "กฏหมาย" หาใช่ "จริยธรรม" ที่แต่ละคนมีมาตรฐานการมองที่ไม่เท่าเทียมกัน แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 11:22:14 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 11:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่กล้าไปแปล พระราชดำรัส หรอกครับ แต่บอกได้ว่า สนธิ เลวมากๆ ขณะที่คนไทย ทุกคนต้องการความปรองดอง สามัคคี แต่ สนธิ กลับ เอามาแปลเป็นความแตกแยก แล้วคนที่ไปนั่งฟัง ไม่รักในหลวงแล้วหรือไง ถึงได้ไปเชื่อ คนเนรคุณแผ่นดินอย่างนั้น คนที่เอาพระราชดำรัส มาหากิน เอาประโยชน์ใส่ตัว สามัญสำนึก ง่ายๆ ยังไม่มี คงต้องให้คนกลุ่ม นี้ไปตั้งรัฐอิสระ แล้วครับ ในบางขวาง น่าจะมีที่ให้ท่านก่อตั้งรัฐสนธิได้ พร้อมกับประชากร ผู้จงรักภักดีต่อนายหัวสนธิ แต่ไม่รักประเทศไทย จากคุณ : คนชอบเขียน - [ 18 มิ.ย. 49 12:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 " แต่คดีที่ตัวเองโดนดำเนินคดีนี่ก็ยังแช่อยู่ในลิ้นชัก ไม่ได้ขยับไปไหนเลย หรือว่าคดีนายสมชาย นีละไพจิตร ตายไปไม่รู้กี่ปีแล้วยังหาคนดำเนินการไม่ได้ แต่คดีอดีต ส.ส.ของตังเองตายแค่วันเดียวอีก 3 วันจับคนร้ายได้" จริงๆคดีนายสมชาย นีละไพจิตรที่หายตัวไปอย่างลึกลับและสันณิษฐานว่าเสียชีวิตแล้วนั้นเอื้องคิดว่าที่คุณสนธิ  นักวิชาการบางส่วน หรือสื่อบางสำนัก นำเอามาเป็นประเด็นเพื่อขยายผลทางการเมืองเท่านั้นเองค่ะคือต้องการกล่าวโจมตีรัฐบาลในเรื่องสิทธมนุษยชนนั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วคดีนี้นายสมชาย นีละไพจิตรนี้รัฐบาลเองก็ไม่เคยนิ่งนอนใจ กับปัญหาและประเด็นความไม่ปลอดภัยของประชาชนเพราะเป็นประเด็นที่สังคมสนใจเป็นพิเศษและล่าสุดศาลอาญามีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 3 ปีแก่ พ.ต.ต.เงิน ทองสุก คดีอุ้มทนายสมชายพยานโจกท์ให้การตรงกันถึงรูปร่างลักษณะว่าเป็นคนเดียวกับที่ดันตัวทนายสมชายขึ้นรถก่อนหายตัวไป ในข้อหาฐานร่วมกันขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย  สำหรับความคืบหน้าเป็นเรื่องของคดี ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเรื่องของดีเอสไอ ซึ่งจะต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อไป คุณสนธิก็เหมือนกับ นักวิชาการที่อิงการเมืองฝ่ายซ้ายทั่วไป อย่างที่นาย ศ. สิวลักษณ์กล่าวหานายกฯทักษิณว่า อันตรายกว่าสฤษดิ์เพียงเพราะเขา  คาดเดาว่า  มีสมมติฐานว่า กลุ่มคนที่ทางราชการจับกุมในข้อหาผู้ก่อความไม่สงบไปนั้นไปนั้นเป็นแพะหมด  บริสุทธิ์หมด .... และเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลใช้มาตราการขั้นเด็ดขาดในการปราบปรามในการจับกุมหรือตอบโต้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มักจะถูกกลุ่ม NGO ... ราษฎรอาวุโสบางส่วน ... นักวิชาการบางส่วน.... นักสิทธิมุษยชน ขัดขวาง วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและประณามอยู่ตลอดเวลา จนถึงกับเปรียบนายกฯทักษิณ ปกครองเหมือนจอมพลสฤษดิ์ ใช้วิธีการรุนแรงในภาคใต้ไปโน่นเลย ... แต่สิทธิมนุษชนของเหยื่อไฟใต้กลับไม่ได้รับการกล่าวถึง  ชาวบ้านคนบริสุทธิถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสังหารไปเยอะนะคะแต่บางทีไม่เป็นข่าวอันนี้ทหารเขาพูดเองค่ะ..... นี่เป็นสาเหตุสำคัญเลยที่ไฟใต้ดับมอดยากและยังแสดงให้เห็นถึง ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างกลุ่มที่อิงการเมืองฝ่ายซ้าย( political Left) และ radical Muslims ด้วย (อันนี้ไม่ได้หมายรวมถึงมุสลิมทั้งหมดนะคะ) เพราะ political Left  หรือ กลุ่มนิยมคอมมิวนิสต์ตัวจริงเสียงจริงและ radical Muslims นั้นจะแชร์แนวความคิดที่คล้ายกันคือ 1. ปฏิเสธที่จะประณามการก่อการร้าย 2. ต่อต้่านระบบทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ 3. ต่อต้่านสหรัฐอเมริกา ... มองว่าอเมริกาเป็นตัวแทนทุนนิยมและจักรวรรดินิยม(Imperialism) ... แต่เอื้องมองยังไง๊ ยังไงก็เห็นอเมริกาเป็นแค่ American mercantilism ซึ่งก็เหมือนกับ European mercantilism และที่อื่นๆทั่วโลกค่ะ และ 4. ปฏิเสธประชาธิปไตยค่ะ และพวกอิงการเมืองฝ่ายซ้ายนี่ได้มองว่า การประท้วงที่ Seattle ในปี 1999 และแพร่หลายไปสู่ Genoa และที่อื่นๆ ในปี 2001 เป็นกระแสต้านทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ที่ผสมการต่อสู้ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่กับการต่อสู้ของขบวนการแรงงานที่ฟื้นตัว  ... หรือการกบฏในอาร์เจนติน่า พวกเขามองว่ากระแสนี้ได้สร้างโอกาสมหาศาลในการรื้อฟื้นกระแสมาร์คซิสต์ที่ปฏิเสธแนวสตาลิน และถึงแม้ว่าในกรณีไทยกระแสนี้ยังไม่ชัดเจนเท่าหลายประเทศ แต่ประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์สอนให้รู้ว่าไทยคงจะได้รับผลกระทบจากกระแสนี้ในไม่ช้า  และโดยธรรมชาติของพวกอิงการเมืองฝ่ายซ้าย( Left) ก็ made common cause ไปกันได้ดีักับคอมมิวนิสต์ค่ะ ดังนั้นสำหรับเอื้องแล้วจึงไม่แปลกใจเลยค่ะเมื่อได้ยินข่าวว่า สว. ไกรศักดิ์ , เจิมศักดิ์ , นิธิ  เอียวศรีวงศ์, ใจ อึ๊งภากรณ์,  ศ. สิวลักษณ์และพวกกลุ่ม NGO มักจะประณามรัฐบาลแทนที่จะประณามการกระทำของโจรใต้เพราะ คนกลุ่มนี้มีแนวความคิดทางการเมืองซ้ายจัดนั่นเองค่ะ ลัทธิคอมมิวนิสต์(communism) ในสหภาพโซเวียต อาจล่มสลายไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ผู้ัภักดีที่ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งคอมมิวนิสต์หาได้สลายตัวตายจากไปไม่  นอกจากจะมิได้ล่มสลายไปกับสหภาพโซเวียตแล้วเหล่าบรรดาปัญญาชนที่ยังคงเลื่อมใสศรัทธามาร์คซิสต์ ยังได้ผันตัวเองกลับมายืนในสังคมในบทบาทใหม่ บทบาทของ "ผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนตัวยง" นั่นเอง การดำรงอยู่ ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายซ้าย เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนในแถบลาตินอเมริกา อาฟริกาและในยุโรปบางประเทศ   ความพยายามของกลุ่มนิยมมาร์คซิสต์หัวรุนแรงเหล่านี้ที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของการล่มสลายของขบวนการฝ่ายซ้ายที่พ่ายแพ้ให้กับกองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่ถือว่าประสพความสำเร็จอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ สาเหตุหลักที่ทำให้วัฏจักรของการต่อสู้ของพวกเขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้งนั่นเพราะว่า แทนที่พวกเขาจะมองว่าความพ่ายแพ้ของขบวนการฝ่ายซ้ายทั่วโลกในทศวรรษที่ 80 เป็นจุดจบของแนวสังคมนิยมแต่พวกเขาไ้ด้รื้อฟื้นแนวความคิดเรื่อง การต่อสู้ทางชนชั้นมีลักษณะเป็นวัฏจักร หรือกระแสสูงต่ำเป็นการต่อสู้ครั้งใหม่แทนนั่นเอง ซึ่งขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแบบ "ใหม่"  ของขบวนการฝ่ายซ้าย ที่พยายามสอดแทรกตัวเองเขามามีบทาททางการเมืองในสังคมมากขึ้นนั้นมีบทพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ชัดมาแล้วในแถบประเทศลาตินอเมริกาและอเมริกากลางค่ะ... แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 13:24:57 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 18 มิ.ย. 49 13:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ คุณเอื้องฯ ครับ ให้ข้อมูลที่กว้างขวางเพิ่มขึ้น ผมจะใช้มันให้เป็นประโยชน์เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ จากคุณ : ภูวเดช - [ 18 มิ.ย. 49 18:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แสดงความคิดเห็นเฉยๆ  ไม่ใช้วิธีการที่หยาบคายที่พันธมิตรเขาใช้กัน....ใช้ความดีตอบโต้จะดีกว่าไหมครับ...ไม่เห็นต้องเลิกเลย....แม้จะรู้ว่ามีหวังน้อยเหลือเกินครับ จากคุณ : amnuay-tt - [ 18 มิ.ย. 49 19:59:03 ]