ลองเก็บความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ ทั้งความรัก ความชอบ ความเกลียด หรือความชัง เอาไว้ก่อน แล้วมองการเมืองไทยด้วยความรู้สึกของคนไทยที่ต้องการให้ประเทศไทย มีความมั่นคง สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรื่องได้ตามศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อเป้าหมายแห่งความสงบสุขของประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศร่วมกัน
สิ่งสำคัญเป็นลำดับแรกที่ต้องมอง...ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อยอมรับกันว่าประเทศไทยเลือกใช้การปกครองในระบอบนี้ ก็ต้องยอมรับในหลักการที่เป็นส่วนประกอบสำคัญและกระบวนการต่างๆที่เป็นกลไกอันสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของระบอบการปกครองของประเทศ นั่นคือ
*การมีรัฐธรรมนูญเพื่อใช้เป็นหลักสูงสุดในการปกครอง
*อำนาจอธิปไตย ที่มีการใช้อำนาจผ่านทั้งสามองค์กรสำคัญ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ
*การมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมืองต่อการเลือกตัวแทนเข้ามาทำหน้าที่ และ การติดตามตรวจสอบการบริหารประเทศ ตามขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้
นอกจากนี้ การพัฒนาประเทศที่ต้องอาศัยอำนาจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจมีประเด็นอื่นที่เป็นหลักสำคัญหรือข้อปลีกย่อยได้อีกมากมาย แต่ทุกอย่างที่เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาประเทศนั้น ก็มีกรอบ กฎเกณฑ์ และวิธีการในการขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอยู่แล้ว
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการบริหารและพัฒนาประเทศทางการเมือง มองดูแล้ว น่าจะราบรื่นและปราศจากอุปสรรคขัดขวางใดๆ หากการเมืองไม่มี "นักการเมือง" และพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการเมืองต้องเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ อำนาจ และผลประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งหอมหวานและยั่วยวนใจต่อกิเลสที่มีอยู่ในตัวตนของมนุษย์ ทั้งเพื่อคิดแสวงหาแก่ตนเอง ญาติมิตร และพวกพ้องบริวาร เป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญที่ทำให้กระบวนการที่มีการกำหนดไว้เพื่อความสมประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต้องเปลี่ยนทิศจากส่วนรวมสู่ส่วนตน จากความราบรื่นในกระบวนการของระบบงานสู่ความยุ่งยากและเกิดอุปสรรคต่างๆ
ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในทางการเมือง ที่ส่งผลต่อการบริหารและการพัฒนาประเทศ จึงเกิดจากกิเลสในตัวตนของมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากกระบวนการตามระบบของระบอบการปกครอง แรงจูงใจในอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองก็ดี การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองก็ดี หรือ การต้องการให้อำนาจทางการเมืองเกื้อหนุนต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัวของกลุ่มผลประโยชน์ก็ดี เป็นปัจจัยหลักที่คอยฉุดรั้งต่อการพัฒนาของประเทศทั้งสิ้น
ในขณะที่ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง กำลังใช้วิธีการต่อสู้แย่งชิงทุกรูปแบบเพื่อให้การเมืองสมประโยชน์กับฝ่ายตนและทำให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้าน สังคม เศรษฐกิจ และอื่นๆโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องหลักของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ทั้ง รัฐธรรมนูญที่มีอยู่ การทำหน้าที่ตามบทบาทขององค์กรหลักผู้ใช้อำนาจอธิปไตย และกระบวนการตามครรลองของระบอบการปกครอง เช่นการเลือกตั้ง เป็นต้น
สถานการณ์ของการเมืองไทยที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ นักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มองค์กรที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากประชาชนที่เป็นเพียงผู้เฝ้าติดตามดู ได้มองด้วยสติ และมองย้อนกลับไปให้ไกลถึงที่มาหรือเบื้องหลังของบุคคลหรือกลุ่มเหล่านั้นแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า "แรงจูงใจ" ของทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลแต่ละคนซึ่งอยู่ในคณะหรือองค์กรต่างๆ มีแรงจุงใจในการเรียกร้องและต่อสู้ที่อาจจะเหมือนกันหรือต่างกัน แต่ก็จะวนเวียนอยู่กับ การแสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์ เพื่อสนองตอบต่อตนเอง และ พวกพ้องแห่งตนทั้งสิ้น
ฝ่ายที่ได้รับผลเสียโดยตรงก็คือ ประชาชนทั่วไป ที่มีภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตในด้านต่างๆอยู่น้อย ทั้งในด้านฐานะครอบครัว หน้าที่การงาน และสภาพทั่วไปทางสังคม
สิ่งที่ควรจะค้นหาหรือตั้งคำถามก็คือ มีนักการเมืองคนใด พรรคการเมืองพรรคใด หรือกลุ่มองค์กรใด ที่ได้ต่อสู้หรือเรียกร้อง โดยมีความสงบสุขของประชาชน และความเจริญของประเทศ เป็น"แรงจูงใจ" ที่สำคัญอยู่ในใจบ้าง
ที่เห็นอยู่ขณะนี้ ก็เพียง นักการเมืองบางคน พรรคการเมืองบางพรรค องค์กรบางกลุ่ม กำลังเอาความสงบสุขของประชาชน และความเจริญด้านพัฒนาของประเทศชาติ แลกกับ ผลประโยชน์ของตนเพียงเท่านั้น และที่สำคัญ อ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชนได้อย่างไม่รู้สึกอับอายแต่ประการใด
แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 49 16:54:28
จากคุณ :
ศรีธนญชัย 
- [
24 มิ.ย. 49 16:41:47
]
..............................." มองการเมืองไทยอย่างมีสติ "..............................
