สภาวะทางการเมืองในขณะนี้ถือว่ามีความเข้มข้นมากมายเหลือเกิน ทั้งการต่อสู้ที่ปรากฎออกสู่สายตาประชาชน หรือ การต่อสู้ที่ไม่ปรากฎให้ปราชาชนได้เห็น ซึ่งเรียกว่าการต่อสู้ใต้ดินที่ต้องชิงไหวชิงพริบทางการเมือง งัดเอากลยุทธต่างๆออกมาเพื่อให้ฝ่ายตนได้เปรียบและเอาชนะฝ่ายที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง
กลยุทธต่างๆ ทั้งที่เป็นการต่อสู้ผ่านตัวแทนก็ดี การใช้วิธีการเพื่อแย่งชิงความนิยมศรัทธาจากประชาชนที่กำลังงงงวยและสับสนต่อเหตุการณ์ทางการเมืองก็ดี หรือ การใช้วิธีการทางกฎหมายผ่านองค์กรและกระบวนการยุติธรรม เหล่านี้ แม้จะยังไม่ปรากฎผลและจะคาดการณ์ได้ว่าสุดท้าย ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายมีชัยในการต่อสู้ทางการเมืองในภายหน้า แต่สิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วในขณะนี้คือ ความเสียหายของประเทศ ความเสียขวัญของประชาชนภายในประเทศ
การออกมาดำเนินการทางการเมืองที่ต้องการขจัดรัฐบาลของนายกฯทักษิณ ของนายสนธิและกลุ่มฯอย่างไม่รู้จักจบสิ้น โดยไม่เคยคิดคำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติ การต่อสู้กันหลายรูปแบบระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทย ถึงขั้นอาจจะมีการยุบพรรค การมีบุคคลที่เคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐบาลถึงขนาดนายกฯทักษิณออกมาพูดจนทำให้เกิดกระแส"ไอ้โม่ง" ล้วนเป็นความวุ่นวายทางการเมืองที่ยังไม่เห็นจุดจบที่จะเกิดความสงบให้เห็นได้เลย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากการต่อสู้แข่งขัน หรือ แย่งชิงทางการเมือง จะถึงไหน และอย่างไร ที่สุดแล้วก็จะมีบทสุดท้ายที่เป็นจุดลงเอย ก่อนที่จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ นั่นก็คือ บทที่ประชาชนจะแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วอำนาจที่แย่งชิงกันนั้นเป็นอำนาจของประชาชน
ดังนั้น ผู้ที่จะใช้อำนาจและมีอำนาจนั้นได้ ต้องเป็นฝ่ายที่ประชาชนในแผ่นดินมีความไว้วางใจที่จะมอบอำนาจนั้นให้เท่านั้น ไม่มีทางที่ฝ่ายใด บุคคลใดแค่เพียงจะอ้างประชาชนโดยประชาชนไม่ได้ไว้วางใจอย่างแท้จริง จะมีอำนาจและใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของประชาชนได้เลย
ถึงตอนนั้น ถึงเวลานั้น บุคคลนั้น พวกเหล่านั้น จะได้รู้สำนึกเสียทีว่า "อย่าหลงผิดคิดว่าประชาชนยังโง่เง่า ไม่ฉลาดรอบรู้เท่ากับตนเองอยู่เลย" มันน่าสังเวชล่วงหน้าเสียจริง
เพราะไม่ว่าผลการต่อสู้จะออกมาอย่างไร ระบอบประชาธิปไตยก็จะต้องมีการเลือกตั้งเสมอ ถึงเวลานั้น ประชาชนก็จะเป็นผู้บอกว่าจะมอบอำนาจให้กับฝ่ายใด
.
จากคุณ :
ศรีธนญชัย
- [
4 ก.ค. 49 20:28:53
]