ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙
ที่ ลานมหาสมาคม (ลานพระบรมรูปทรงม้า/หน้ารัฐสภา)
ภาพประวัติศาสตร์ ปิติ มหาราชา ที่จะตราตึงพวกเราประชาชนชาวไทยและนานาประเทศไปชั่วกาลนาน
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
"ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พร้อมพรั่งด้วยบุคคลจากทุกสถาบันในชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทย ขอขอบใจในคำอำนวยพรและการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ ทั้งรัฐบาลได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทยที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศ รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้ น่าปลาบปลื้มใจมาก เพราะแต่ละคนได้แสดงออกและตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆ คน จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคน ทุกฝ่าย ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และกับประเทศชาติ
ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน
ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี ที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลในกาย ในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น และถ่ายทอดความคิด จิตใจนี้กันต่อไปอย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในปัจจุบันและในภายหน้า
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทย ให้ปลอดพ้นจากภัยอันตรายทุกสิ่ง และอำนวยความสุข ความเจริญ สวัสดี ให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วกัน"
ในวันที่ชาวไทย นับล้านใส่เสื้อเหลืองที่ลานพระรูป ถนนเป็นสีเหลืองยาวสุดหูสุดตา ภาพที่ไม่มีทางปรากฏที่ไหนในโลก.............
ภาพแห่งความทรงจำ รอยเท้าพสกนิกรพร้อมดวงใจภักดีนับล้านๆดวง ในวันมหามงคล ยังไม่จางหาย........................
แต่....... หากในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙
ณ.ที่แห่งเดียวกันนี้ จะแปลกเปื้อนไปด้วยภาพ.......
แตกสามัคคี โดยการแบ่งแยกประชาชน..........เลือกข้าง
อารมณ์...............แห่งความชิงชัง.
วะทะถ้อยคำและประเด็น
หยาบคาย
เราในฐานะประชาชนชาวไทย จะยอมให้ภาพเลวๆเหล่านี้ ,มาลบเลือนความทรงจำที่ดีงามในวันมหามงคลนั้นได้อย่างไร
ส่วนนายสนธิพูดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ 14 ศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 8 โมงเช้า ใครทำงาน ลางานเสียเถอะ เชื่อผม จะเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง มีพี่น้องเพื่อนฝูงกี่คน ไปพบกันที่นั่น มีเพื่อน 10 คน บอกเพื่อน 10 คน บอกเฮ้ย พระเจ้าอยู่หัวเราจะอยู่ไม่ได้นะ ถ้าเราไม่ออกมาพร้อมกัน แล้วบอกเพื่อน 10 คน ให้ไปบอกอีก 10 คนต่อไปเรื่อยๆ พ่อแม่พี่น้องครับ อย่าลืม วันที่ 14 กรกฎาคม 8 โมงเช้า วันนั้นไปเตรียมเปียกฝน ฝนตกก็ช่างมัน ใช่ ไม่ใช่ อย่าไปกลัวเปียก พ่อแม่พี่น้องครับ พรุ่งนี้บ่ายสองโมง ที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ทำไมต้องหอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ พ่อแม่พี่น้อง วันพรุ่งนี้ ผมปรึกษาหารือพรรคพวกแล้ว คนถามผมบอกว่าชีวิตที่เหลือผมเนี่ย ผมจะทำอะไร ชีวิตที่เหลือผม พ่อแม่พี่น้อง ผมเรียนรู้การต่อสู้ครั้งนี้ ผมเรียนรู้อะไร ผมเรียนรู้ว่าปัญญาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พ่อแม่พี่น้องในที่นี้มีปัญญากันทุกคน แต่ว่าพ่อแม่พี่น้องอีกเยอะยังขาดปัญญา ถ้าทักษิณไปแล้ว ผมต้องมีหน้าที่เดินสายให้ปัญญากับคนจนผมตาย เพราะว่าสังคมไทยจะเจริญรุ่งเรือง คนจะเข้าใจรากเหง้าของเราเข้าใจด้วยข้อเดียวคือการมีปัญญา ทำไมทักษิณ ชินวัตร ถึงหลอกมวลชนได้ ก็เพราะว่ามวลชนที่เขาหลอกนั้นไม่มีปัญญา ปัญญาเลยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พรุ่งนี้เป็นอีกหนึ่งกระบวนการของการสร้างปัญญา พวกพ่อแม่พี่น้องที่นั่งอยู่ในที่นี้ ถ้าอยู่ระดับปัญญาต้องถือว่าบัวพ้นน้ำกันแล้วทุกคน กำลังจะไปได้การเสริม เพื่อให้บัวจะได้ปริออกมาอีกครั้งหนึ่ง
ดิฉันดูจากพฤติกรรม นายสนธิและพันธมิตรแล้วก็รู้สึกระเหี่ยใจ ในขณะที่พูดว่าเทิดทูนและจะต่อสู้เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับไม่ได้ใส่ใจน้อมนำพระราชดำรัสเลย ด้วยการชักชวนให้ประชาชนเลือกข้างเพื่อสร้างความแตกแยก นี่หรือ ? คนที่รักเทิดทูนและจะต่อสู้เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าคนกลุ่มนี้จะทำอะไรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างจริงๆแล้ว ก็ไม่ควรออกมาสร้างเงื่อนไขแบ่งแยกประชาชนเช่นนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกำลังใจขึ้นจากการที่คนไทยมีจิตใจสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น
ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยทุกคนมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงขนาดที่จะยอมถวายชีวิตได้ทุกคน
จึงไม่มีเหตุผลที่นายสนธิจะต้องมาต่อสู้เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยิ่งเมื่อให้เห็นงานเมื่อวันที่ 9 มิย. และฟังพระราชดำรัสตอบในวันนั้นแล้ว ดิฉันเห็นว่ารัฐบาลและท่านนายก ก็ไม่ต่างกับคนไทยคนอื่นๆที่มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงขนาดที่จะถวายชีวิตให้ได้
ดังนั้นการอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้ประชาชนออกมาชุมนุน และเลือกข้าง ในวันที่ 14 ก.ค. 2549 นั้นจึงไม่บังควรอย่างยิ่ง
การสร้างความแตกแยก ยุยงปลุกปั่นประชาชน จึงเป็นพฤติกรรมที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทจริงๆ
ในขณะที่พระองค์ทรงพระประชวนอยู่นี้ สมควรแล้วหรือ ที่ประชาชนชาวไทยจะออกมาชุมนุน....เลือกข้าง
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 06:16:58
จากคุณ :
กุหลาบสยาม
- [
วันเข้าพรรษา 06:14:26
]