CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ***พันธมิตรและกลุ่มผู้มีบารมี มาตรา 7...ทนรับความจริงไม่ได้ (Can't you accept the truth?)**

    ไม่ได้ตั้งกระทู้เสียนาน เพราะยังปลาบปลื้มกับงานพระราชพิธี ฯ และที่สำคัญ สงสารในหลวง ที่เห็นคนไทยต้องมาทะเลาะกันเพราะสื่อมวลชนบางคนที่คอยทำตัวเป็นบ่างช่างยุ โดยมีกลุ่มคน ม.7 เป็นพวกที่ไม่รู้จักเห็นใจพระองค์ เข้ามาให้ความเห็นผ่านสื่อแบบประหลาด ๆ  ผมเลยไม่อยากจะเข้ามายุ่ง ๆ อะไรกับเรื่องการเมืองเท่าไหร่

    ความจริง เกือบทุกคน รู้อยู่แก่ใจว่า อะไรเป็นอะไร แค่ความเกลียดชังทักษิณเท่านั้น ที่เกิดเหตุความวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็พาลพลอยเกลียดทักษิณเพราะคนมันปั่นหู ผ่านทางสื่อมวลชนบางคน ที่มีนายทุนและบรรณธิการสติแตกบางคนคอยปั่นหัวลูกน้องตัวเอง ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อสำนักพิมพ์ว่ามีใครบ้าง เพราะเดี๋ยวจะโกรธกัน คุณรู้ตัวเองอยู่แล้ว

    กรณีของคุณโม่งนั้น   ในความเห็นส่วนตัวของผม ก็พอจะ "เดา" ออก   เพราะฉะนั้น ความเห็นที่จะเขียนไปนี้ เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัว และให้ใช้วิจารณญานให้มาก เพราะเป็นความเห็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ๆ  ผมจะเอาข้อมูลมาประกอบเพื่อให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน พิจารณาให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร

    ผมคงไม่ต้องบรรยายว่า สนธิฉลาดเพียงใดที่ดึงเรื่องในหลวงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับภารกิจของตน จนทำให้คนที่ไม่ได้ใช้สติปัญญาบางกลุ่ม (คนกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผู้มีการศึกษาสูงทั้งนั้น) อาศัยกระแสเป็นตัวพาตัวเข้าไปสู่กับดักที่สนธิวางไว้

    กลุ่มคนที่สนธิเอามาเป็นหมาก ก็พวกคอมมิวนิสต์เดิม และพวกอดีตนายทหารยุคหลงตัวเอง รวมถึงนักหนังสือพิมพ์ขี้ฉ้อบางคน

    จนกระทั่งพระองค์ทรงออกมาปฏิเสธ พูดภาษาชาวบ้าน ก็คือ พระองค์ไม่เล่นด้วย ทำให้ คนกลุ่มนี้ต้องถอยฉาก และปากก็บอกว่า น้อมรับพระราชดำรัส แต่ยกเว้นสนธิ ที่ตีความเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง

    สนธิรู้ว่า คนที่รับใช้เบื้องยุคลบาท บางท่าน ไม่ค่อยกินเส้นกับทักษิณ  (ใครเป็นใคร ให้ไปย้อนดูการสัมมนาที่ธรรมศาสตร์)  ผมไม่ได้บอกว่า ท่านเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี แต่จะบอกว่า ท่านเผลอตัวเป็นเบี้ยให้สนธิจับเดิน  สนธิรู้ว่า ควรจะเข้าหาใคร ควรจะเอาใครมาเป็นพวก เพราะถ้าสนธิไม่ทำ พนักงานผู้จัดการ จะเหยียบคอสนธิ เพราะไม่มีเงินจ่ายลูกน้อง ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าไปขอกู้ยืมใครมาหรือเปล่า
    ผมจะขอบอกว่า จริง ๆ แล้วนั้น ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ ทรงโปรด ฯ คุณทักษิณอยู่ไม่น้อย  ทำไมผมถึงกล้าพูดเช่นนี้  

    1). จากพระราชดำรัสหลาย ๆ ครั้งของในหลวง ที่ถึงแม้จะมีบางคนบอกว่า ทรงตำหนินายก ฯ แต่ขออย่าลืมว่า ในหลวงทรงมีพระเมตตาต่อทุกคน ตรงไหนที่ไม่ดี พระองค์จะพระราชทานแนวทางแก้ไข  และที่สำคัญคือ ทักษิณเป็นคนทำงานเร็ว รับสนองพระราชกระแส ฯ เร็ว  ถึงแม้วิธีการมันอาจจะห่าม ๆ ตามสไตล์ของทักษิณก็ตาม  ไม่ว่าจะเป็นการปราบยาบ้า หรืออื่น ๆ ซึ่งผมจะเล่าให้ฟัง

    เรื่องยาบ้านี่ มันลุกลามมาสมัยนายชวน  คนบางกลุ่มก็พลอยได้ประโยชน์กับการขายยาบ้าไม่น้อย คนกลุ่มนี้แหละ มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย  ก่อนหน้าที่จะมีปราบยาบ้า ได้มีการรณรงค์โดยนำโปสเตอร์ที่มีรูป พล.อ.เปรม ออกมาติดตามเขตต่าง ๆ ใน กทม. เขียนว่า "ค้ายาเสพติด ถือว่าทำลายชาติ"  แต่ก็ไม่มีผลอะไร เอาคุณอานันท์ออกมาออกสปอร์ตทางวิทยุ ก็ไม่เป็นผล

    จนกระทั่งในหลวงมีรับสั่งเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ปี 45 นั่นแหละ ทักษิณก้นร้อนเลย  ตรงนี้แหละคือสิ่งที่ทำให้ทักษิณ ต่างจากนายก ฯ ทุกคนที่ผ่านมา  นายก ฯ ที่ผ่าน ๆ มา ไม่สนองพระราชดำรัสพระองค์เท่าที่ควร ปล่อยให้พระองค์ทรงงานหนักมาตลอด ก็ได้ทักษิณนี่แหละ มาสนองพระราชดำริและพระราชเสาวณีย์ต่าง ๆ ทั้งโครงการศูนย์ศิลปาชีพ ฯ ทั้งโครงการพึ่งพาตัวเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คนก็บอกว่า มันพอเพียงตรงไหน  ผมว่าคนที่ถามอย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้เปิดใจอะไรเลย และเป็นคนมองโลกที่แคบมาก ๆ

    หากใครเคยไปดูศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงที่แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่ทักษิณทำไว้ จะเห็นว่า เป็น prototype ที่น่าสนใจมาก

    เรื่องการไม่ถูกกัน ผมเริ่มจับสังเกตตอนวันที่ 4 ธ.ค. 46 มีตอนหนึ่งพระองค์รับสั่งว่า

    "..แต่ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือ รอยร้าวในคน คนทุกคน คนเดียวก็ร้าวได้ อย่างที่กระดูกร้าว ต้องปะด้วยกาวอีพ็อกซี่ แต่ว่าระหว่างคนหลายคน ในหมู่คนมีรอยร้าว ก็ลำบากมาก จะต้องหาวิธีที่จะประสานสมานความร้าว นี่แถวหน้าทั้งแถว ผู้ใหญ่ทั้งนั้น ก็รอยร้าวกันเยอะ ระหว่างคนหลายๆ พวก ติดๆ กันไม่ติดกร๊อบๆ กันร้าว ไม่สามัคคีกัน อันนี้แหละ ควรจะพูดตอนท้าย ให้ท่านทั้งหลายผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน อย่าให้มีรอยร้าว เพื่อให้สามารถสมานสามัคคีกันได้.."

    ผมพยายามนึกดูว่าคนที่นั่งแถวหน้ามีใครบ้างในปีนั้น และ

    "..ตรงนี้มีท่านองคมนตรี ท่านรัฐมนตรีต่างๆ ท่านก็ขัดคอรัฐบาล ท่านขัดคอรัฐบาล ผ่านพระเจ้าอยู่หัว ท่านไม่รับผิดชอบอะไร ดูรัฐธรรมนูญ ผู้ที่รับผิดชอบคนเดียวคือ ท่านรัฐบุรุษ ท่านรัฐบุรุษ รับผิดชอบ.."

    ในหลวงทรงทราบครับ ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นพวกที่พยายามเอาเรื่องอะไรไปกราบบังคมทูล ฯ พระองค์ ก็ขอให้คำนึงถึงความผาสุกของประเทศเป็นหลักตามพระบรมราโชวาทวันที่ 9 มิ.ย. 49 ด้วย

    ข้อเสียของทักษิณนั้นมีมาก อย่างแรกคือพูดไม่คิดก่อน  เพราะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง ตรงนี้แหละทำให้พลาด  แต่ความผิดพลาด สำหรับคนที่เป็นผู้บริหารแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะเขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาด พวกมนุษย์เงินเดือนและพวกแอนดรอยด์ จะกลัวการทำผิดพลาด เพราะกลัวเสียหน้า กลัวถูกตำหนิ เขาจึงหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาด เขาเลี่ยงโดยการไม่ทำอะไรเลย ไม่พูด ไม่ทำ ก็เลยไม่ผิดพลาด ฉะนั้นยิ่งทำงานมาก ก็มีก็ผิดพลาดมาก แต่ผิดพลาดแล้วเรียนรู้ ถือว่าได้ใช้ความผิดพลาดมาอุดรอยความผิดพลาด

    ในหลวงเคยตรัสชมคุณทักษิณหลาย ๆ ครั้ง เช่น

    "...แต่บางทีก็ไม่เหมาะสมกับงาน กับความรู้ที่มี อันนี้ที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะนายกฯ ทักษิณนี่ มีความตั้งใจที่จะให้มีการงาน ที่เด็กที่มีความรู้ดี มีความสามารถดี ได้ทำงานได้ เพื่อที่จะให้มาช่วยส่วนรวม อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ..."


    "..ก็ไม่ทราบว่าที่ชมนายกฯ ว่าพูดดี อาจมีคนไม่เห็นด้วย ที่มาพูดนี้เป็นความเดือดร้อนกับตัวเอง ถ้าชมนายกฯ คนอื่นอาจไม่ชม ไม่ชมข้าพเจ้าว่า ชมนายกฯ ทำไม.."


    แม้แต่วันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ตาม พระองค์ก็มีพระราชดำรัสชมเชยรัฐบาลว่าจัดงานได้ราบรื่น

    กษัตริย์บรูไนเอง ก็ทรงชมเชยคุณทักษิณว่าได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ถึงกับทรงเอ่ยชื่อคุณทักษิณในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ แต่สื่อมวลชนไม่ลงข่าว

    ฯลฯ

    ทั้งที่ในความจริงแล้ว พระองค์จะไม่ทรงชมใครบ่อย ๆ เนื่องจากจะทำให้คนลำพองใจ  คุณทักษิณเองก็ลำพองใจบ่อย ๆ จนตัวลอย แต่จะไม่ชมก็ไม่ได้ เพราะตามหลักการทำงาน จะต้องมีการให้กำลังใจแก่ผู้ทำงาน

    ทักษิณเองก็รู้ และพยายามปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ตามสไตล์ผู้บริหารที่เรียนรู้เร็ว และแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง แต่สำหรับคนบางกลุ่ม เขาจะบอกว่า no room for mistake แปลเป็นไทยว่า มิงอย่าพลาดนะ ถ้าพลาด กรูเหยียบ

    จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่อังกฤษก็เป็น

    ตรงนี้ จึงเป็นบทเรียนแบบไทย ๆ ว่า "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย...ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน"

    2). ความจริงอย่างหนึ่งก็คือ คุณทักษิณนั้น "ได้ใจ" จากประชาชนเกือบทั้งประเทศ  ตรงนี้แหละ ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ รับไม่ได้  คือพูดง่าย ๆ ว่า คนไทยส่วนเขาเอาทักษิณ  พอรู้อย่างนี้ คนกลุ่มนี้ก็พยายามหาเหตุ เอามาโจมตี บอกว่า ที่มันให้นโยบายประชานิยมนั้น มันไม่ดี คือ ร้อยแปดที่เขายกมาด่า และพยายามจะลดความน่าเชื่อถือของทักษิณ  คนไทยหลายล้านคนรู้  คนต่างประเทศก็รู้อีก  การโจมตีอย่างหนึ่งก็คือตอนทักษิณออกไป "แก้จน"  ที่ร้อยเอ็ด ภาพนี้มันทำให้หลาย ๆ คนทนไม่ได้  ถามว่าทนไม่ได้อย่างไร

    เขาเห็นภาพหลายคนยกมือกราบไหว้ทักษิณ เขาบอกว่า บังอาจ  และเอาไปเทียบกับพระเจ้าแผ่นดิน ทั้ง ๆ ที่หากมองกันด้วยความเมตตาและใจผ่องแผ้วแล้ว จะเห็นว่า นั่นคือการช่วยประเทศ ช่วยประชาชน ซึ่งไม่มีนายก ฯ คนไหนทำมาก่อน หรือ แม้แต่ข้าราชการคนไหนทำมาก่อน

    คนกลุ่มนี้ เมื่อได้รับการยุยง  (ใครไม่รู้ว่ายุยงอย่างไร ให้ไปอ่านหนังสือ "พระมหาชนก") ก็พยายามเข้าไปเพ็ดทูล ตามที่ตนได้รับการ "ปั่นมา"

    คนที่ปั่น ๆ ก็ไม่ใช่ใคร เห็นหน้ากันมานานแล้ว พวกนี้เห่อเหิม และฮึกเหิม หลายคนต่างมีที่มาไม่เหมือนกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ เอาทักษิณออก  ทั้ง ๆ ที่คนที่จะเอาทักษิณออกตามระบอบประชาธิปไตยก็คือประชาชนตอนเลือกตั้ง คนกลุ่มนี้ก็พยายามล้มเลือกตั้ง และก็สำเร็จจนได้  คนที่ไปปั่น ก็เหลือเกิน เห็นหน้ากันอยู่ มียศมีตำแหน่ง คนที่ถูกปั่น เอะอะก็เป็นใบ้ พูดง่าย ๆ ไม่มีกึ๋นพอที่จะตัดตัวเองให้ขาดจากเชือกที่ผูกขาไว้

    โชคดีอย่างหนึ่ง ที่ประชาชนอีกนับล้านคน เขาเป็นปึกแผ่น เขาสามัคคีกัน เลยทำให้คนกลุ่มนี้ "เจาะ" ลำบาก  เมื่อหาทางเจาะไม่ได้ เขาก็พยายามสลายขั้ว โดยการเอาเรื่องในหลวงนี่แหละมาเป็นประเด็น  มันก็เลยเข้าทาง แต่ก็ขอบใจเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ข่าวสารเดี๋ยวนี้เร็ว และแม่นยำ แต่ก็อย่าเชื่อข่าวสารมากเกินไป คนที่เชื่อข่าวโดยไม่ตรอง เรียกว่าคนโง่

    จริงอยู่ ทักษิณพูดมาทั้งหมด คนอาจจะเชื่อกว่าร้อยละ 80 นั่นก็คือว่ามีทั้งดีทั้งเสีย  คนเขาก็เชื่อทักษิณเสียส่วนใหญ่  บางที...ทักษิณจะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองที่พูดโดยไม่คิด  โดยไม่คิดว่า มีคนจ้องจับผิดอยู่  ฉะนั้นเมื่อทักษิณหยุดพูดอะไรที่มันล่อแหลม คนกลุ่มนี้จึงหาเรื่องเอาไปโจมตีได้ยาก

    ฉะนั้น จึงอยากจะฝากให้คนที่ชอบปั่นว่า ถ้าชอบปั่นมาก ก็ให้ไปปั่นอย่างอื่น คนเราไม่ใช่จิ้งหรีดเหมือนสมัยก่อนที่เรืองอำนาจ  อย่าไปคบกับคนพาลให้มาก เดี๋ยวจะพากันตายหมด

    ประเด็นของกระทู้นี้ ที่จับขึ้นมาพูดก็เพราะว่า ให้ทุกคนได้ตั้งสติกันให้ดี อย่าเป็นเหยื่อของใครง่าย ๆ รักคุณทักษิณ ก็รักให้พอประมาณ เกลียดคุณทักษิณ ก็ให้เกลียดพอประมาณ จะทำอะไรก็ให้คิดถึงประเทศชาติ อย่าเอาความสะใจ อย่าเอาความเกลียด ความริษยามาตั้งเป็นใหญ่ เพราะคนที่ตาย ก็คือตัวเรา  คือตัวคุณ ๆ ตัวผม ผมเองยังไม่อยากตาย เคยเห็นประเทศไทยเกือบตาย แล้วก็ไม่อยากจะเห็นอีก

    ผมไม่บังอาจจะไปสอนใคร เพราะแต่ละท่านก็มีหน้ามีตากันทั้งนั้น แต่ให้คิดถึงประเทศชาติ คิดถึงประชาชนคนเดินดิน และที่สำคัญ ให้คิดถึงพระเจ้าอยู่หัวบ้าง

    มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย

    จากคุณ : ขนมต้ม - [ 12 ก.ค. 49 12:54:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com