CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความชัดเจนของความขัดแย้งในแนวคิดประชาธิปไตย (ที่เปิดเผยออกมาแล้ว)

    ถ้ายึดตามความคิดเห็นของอาจารย์เจิมศักดิ์ที่เขียนจดหมายถึงอาจารย์ป๋วย ดังต่อไปนี้

    "คุณทักษิณเข้าใจการเมืองระบอบประชาธิปไตยเพียงการเลือกตั้งให้ได้ตัวแทน ได้เสียงข้างมาก
    บริหารจัดการกับการลงมติ และเมื่อได้จำนวนเสียงจำนวนที่นั่งก็จะได้อ้างว่า มีความชอบธรรม จะบริหารจัดการเพื่อใคร อย่างไรก็ได้

    หาเข้าใจไม่ว่า การเมืองของไทยเป็นประชาธิปไตยระบบผสม ที่หยั่งรากลึกมานาน มี 3 อำนาจควบคู่ผสมผสาน คือ
    1) สถาบันกษัตริย์ผู้มีบารมีสูงยิ่ง
    2) สถาบันอภิชนหรือสามัญชนผู้มีบารมี (Aristocracy) และ
    3) สถาบันรัฐสภาจากการเลือกตั้ง
    จึงรวมเรียกว่า ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"

    ..............................

    มันเป็นความจริงที่ขมขื่นที่พวก aristrocrat คิดอยู่เสมอ แต่ที่ผ่านมาคนพวกนี้ก็ยังหลอกลวงตัวเองและสังคมด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชนคนไทยทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น

    "มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายเท่าเทียมกันชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
    การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความ แตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิดเชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ
    สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคมความ เชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้"

    แต่ที่ผ่านมาหลังจากนายกทักษิณซึ่งคบหากับพวก aristrocrat และมีผลประโยชน์ร่วมกันมาก่อน มาถึงจุดหนึ่งก็เอาใจออกห่าง และหันมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนตามวาระแห่งชาติของพรรคไทยรักไทย ซึ่งทำให้งบประมาณนั้นถูกผ่องถ่ายไปที่การพัฒนาประชาชนทั้งในรูปของการให้บริการสาธารณสุข ตามมาตรา มาตรา 52 ที่ระบุว่า
    "บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทาง สาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล จากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ตามที่ กฎหมายบัญญัติ"

    การช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศโดยรัฐบาลทรท.ยังใช้งบประมาณมากในโครงการอื่น ๆ เช่นกองทุนหมู่บ้าน โครงการเอื้ออาทรต่าง ๆ โครงการโอท็อป sml ฯลฯซึ่งแน่นอนทำให้เม็ดเงินนั้นถูกใช้ในงานด้านอื่นถูกจำกัด และทำให้ผลประโยชน์ที่ควรจะตกถึงกลุ่ม aristrocrat อย่างทั่วถึงเหมือนในอดีตนั้นหมดไป โดยเฉพาะกลุ่มที่กุมอำนาจเกี่ยวโยงกับระบบการจัดสรรงบประมาณและตำแหน่งระดับสูงทางราชการ

    ความขัดแย้งที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เม็ดเงินงบประมาณและการจัดสรรตำแหน่งระดับสูงในระบบราชการนั้นไม่เป็นไปตามที่คนบางกลุ่มพอใจ กลุ่มผลประโยชน์นี้เป็นกลุ่มอำนาจหลักที่ต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้

    แน่นอน ยังมีกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาลด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีประโยชน์แอบแฝง แต่ผมเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ก็ยังยึดหลักประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อต้านแบบเอาเป็นเอาตายจนถึงขั้นยอมฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ คนกลุ่มนี้น่าจะมีความคิดเหมือนผมที่ต้องการให้มีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญบางมาตราที่บกพร่อง โดยทำภายใต้กรอบของกฏหมายคือผ่านรัฐสภา

    ..............

    สิ่งที่ทำให้ผมระอาใจคือ พวก aristrocrat นั้นอ้างประชาชน อ้างสิทธิ์ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยเหมารวมว่าเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ แต่พอสถานการณ์ชัดเจนขึ้นอย่างทุกวันนี้ เลยจำเป็นต้องออกมาพูดความในใจดั่งที่เขียนในจดหมายถึงอาจารย์ป๋วย ว่าประชาชนคนไทยนั้นมีสองกลุ่มที่มีสิทธิ์ไม่เท่าเทียมกันคือกลุ่มผู้มีบารมีและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ใช้อำนาจผ่านรัฐสภาจากการเลือกตั้ง

    ไม่แปลกใจที่ทำไมการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ บางครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้มีบารมีบางคนก่อน การจัดสรรงบประมาณและการออกนโยบายหรือกฏหมายใด ๆ บางเรื่องก็ต้องได้รับการกลั่นกรองจากผู้มีบารมีบางคนก่อน

    กลุ่มคนพวกนี้พยายามอิงแอบตัวเองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และบางครั้งพยายามแยกประชาชนออกจากพระมหากษัตริย์ เห็นได้ชัดหลายครั้งและล่าสุดคือการที่มีการพูดว่าทหารเป็นทหารของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช่ทหารของรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลเป็นตัวแทนของประชาชนซึ่งประกอบเป็นสถาบันชาตินั่นเอง

    การทรยศต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็คือการทรยศต่อชาติ การอ้างสถาบันชาติโดยที่คิดว่าชาติคือพื้นดินที่มีรั้วรอบขอบชิดรวมเป็นรูปขวานทองนั้นโดยไม่ใช้ความสำคัญกับคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการอ้างชาติโดยจัดแบ่งชนชั้นประชาชนเป็นกลุ่มที่มีบารมีและกลุ่มที่ไม่มีบารมีก็ไม่ใช่วิธีคิดตามหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 30 และอีกหลายมาตราที่ให้ความสำคัญกับสิทธิ์ เสรีภาพ และหน้าที่เท่าเทียมกันทุกคน

    "มาตรา 63 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้าง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพี่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้

    "มาตรา 64 บุคคลผู้เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่อื่น ของรัฐ พนักงานส่วนท้องถิ่น และพนักงานหรือลูกจ้างขององค์การของรัฐ ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับบุคคล ทั่วไปเว้นแต่ที่จำกัดในกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัย อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง สมรรถภาพ วินัย หรือจรรยาบรรณ"

    "มาตรา 65 บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่ง
    มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ"

    ..........................

    ที่ผ่านมามีประชาชนกลุ่มหนึ่งนำโดยพวก aristrocrat ทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัว ต่อต้านและพยายามขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยใช้เสรีภาพเกินขอบเขต รุกล้ำสิทธิ์พื้นฐานของคนอื่น และยังกระทำการให้เกิดความวุ่นวายเพื่อจะนำไปสู่การโค่นล้มรัฐธรรมนูญ (ที่พวกเขาช่วยกันร่างขึ้นมาเอง)

    ผมหวังว่าจะไม่ต้องเห็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจากทุกภาคทุกจังหวัด ต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์อันชอบธรรมของตนตามมาตรา 65 นี้บ้าง

    จากคุณ : ขุนอิน - [ 15 ก.ค. 49 08:44:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com