นายจรัญ กล่าวต่อว่า ระบบดังกล่าวทำให้ประชาชนอยู่ในฐานทุนที่เอาเงินมาคุม และอยู่ในฐานของผู้ทรงอำนาจรัฐที่ใช้ 16 ล้านเสียง ถ้าคำนวณเสียงละ 1 พันบาทของผู้มีอำนาจ ก็จะเป็นเศษเงินของฐานทุนที่เอาเงินมาคุม ซึ่งถือว่าเป็นการบกพร่องของรัฐบริวารที่ลอกเลียนแบบประเทศมหาอำนาจ
ที่มา บางส่วนของข่าว http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=12810
ถ้า...คำพูดที่ยกมานี้ เป็นคำพูดของนายจรัลจริง
แสดงว่า ตัวเลขทั้งหมดที่นายจรัลยกมากล่าวอ้างในที่เสวนา นายจรัลหมายถึงการเลือกตั้งเมื่อครั้งวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา
การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ปกติเพราะมีการบอยคอตไม่ลงสนามแข็งขันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ธรรมดาของการที่ไม่มีการแข็งขัน การซื้อขายเสียงที่เป็นเรื่องกล่าวหากันเป็นปกติย่อมเกิดขึ้นได้ยาก แต่นายจรัลก็ยังแสดงความมั่นใจว่าประชาชนโดนว่าจ้าง โดนซื้อเสียง ถือว่าเป็นการดูหมิ่นประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งและเลือกพรรคที่ชนะเลือกตั้ง
เรื่องนี้คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะให้ความเมตตากับนายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา แล้วละมั้ง
ทั้งนี้เพราะข้อหาที่นายจรัลกล่าวหาประชาชนรับเงินเพื่อการลงเลือกตั้งทั้ง 16 ล้านคนนี้ มันรุนแรงและเป็นปฎิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย
แต่ถ้านายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา มั่นใจว่าที่ตนเองกล่าวมานี้ ไม่ได้กล่าวโดยพล่อย ๆ มีหลักฐานว่ามีการว่าจ้างจริง
ขอให้นายจรัล ได้โปรดแสดงหลักฐานเพื่อสนับสนุนคำพูดของตนด้วย
แต่ถ้านายจรัล ไม่มีหลักฐาน เป็นการพูดโดยปราศจากข้อเท็จจริง....
นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา สมควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการ "ลาออก"
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 49 12:53:30
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 49 02:48:25
จากคุณ :
นักเลงโบราณ
- [
17 ก.ค. 49 02:47:45
]