PANTIP.COM : P4547740 ท่านอยากไล่ไอ้พวกไหนออกนอกโลก หรือให้ออกนอกประเทศไทย ? []

ความคิดเห็นที่ 1

โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 18 กรกฎาคม 2549 19:45 น.

ศ.นพ.ประเวศ วะสี คุณหมอผู้มากบารมีท่านหนึ่ง ได้ออกมาเตือนสติสังคมไทยอย่างลุ่มลึกอีกครั้ง โดยวินิจฉัยอาการผิดปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่ามีอาการดิ้นรน มองว่าความทุกข์ของตนเองมาจากคนอื่น ในทางการแพทย์เรียกว่า “สมองตกบ่วง” หรือ Amygdala มองไม่เห็นความจริงว่าปัญหาที่มีอยู่เกิดมาจากตัวเอง แต่จะหันไปโทษคนอื่น

ผมไม่ทราบว่า อาการ “สมองตกบ่วง” ต่างจากอาการ “สมองถูกบ่างเขมรเป่าหู” หรือไม่

ผมเห็นว่า แนวทางพิเคราะห์ของอาจารย์หมอประเวศ สะท้อนความจริงได้เป็นอย่างดี

เก็บประเด็นสำคัญบางประเด็นมาวิเคราะห์ต่อ ดังนี้

1) คุณทักษิณ มองไม่เห็นความจริงว่าปัญหาเกิดจากตัวเอง หันไปโทษคนอื่น เช่น ผู้มีบารมี หรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองว่าคนเหล่านี้ อยากมีอำนาจแทนตน ทั้งๆ ที่ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่เคยสนับสนุน เคยเชียร์ให้คุณทักษิณทำประโยชน์ให้บ้านเมืองทั้งนั้น แต่เป็นคุณทักษิณนั่นเองที่ปล่อยให้มีเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ของครอบครัว ทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองไปจนหมด ฯลฯ เป็นเรื่องที่คุณทักษิณทำตัวเองทั้งนั้น

ข้อนี้ ผมยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะคุณหมอประเวศ วะสี ได้เคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้ตั้งแต่ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” เล่มแรก มีนาคม 2547 บอกว่า ทักษิณต้องรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ เรียกร้องให้ทักษิณตัดขาดจากธุรกิจของครอบครัวอย่าง “สะเด็ดน้ำ” มิเช่นนั้น สังคมจะไม่มีทางไว้วางใจ

ขณะนี้ ก็ยังเห็นแนวโน้มและทิศทางที่ยืนยันความตกต่ำทางความน่าเชื่อถือของทักษิณ คือ บรรดาคนที่เคยทำงานรับใช้ หรือเคยสนับสนุน หรือเคยอยู่ข้างคุณทักษิณ ใครที่ยังพอมีทุนทางสังคมในตัวเอง ก็ทยอยถอยจากคุณทักษิณไปมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก็ “วิษณุ เครืองาม” และ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ”

สังเกตดู ช่วงหลังๆ ข่าวลือว่า คนที่ยังพอมีความน่าเชื่อถือจะออกจากพรรคไทยรักไทย ถูกนำมาลือต่อกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น สุรนันทน์ เวชชาชีวะ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จาตุรนต์ ฉายแสง ฯลฯ

สะท้อนว่า คนที่ลือข่าวแพร่ต่อไปเรื่อยๆ เขา “ชอบ” ข่าวลือนี้ หมายความว่า ประชาชนที่นำข่าวลือไปลือต่อนั้น เขาอยากจะให้คนเหล่านี้ลาออกจริงๆ เพราะถ้าไม่ชอบข่าวลืออันไหน หรือไม่มีความรู้สึกร่วมกับข่าวลืออันไหน คนเราก็จะไม่นำไปลือกันต่อ

แต่แทนที่คุณทักษิณ จะย้อนกลับไปดูตัวเองว่าทำผิดอะไรคนถึงไม่อยากอยู่ด้วย แต่กลับไปโทษคนอื่นว่า มีคนยุให้ลูกน้องตีจากตัวเอง ไม่ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง

2) อาจารย์หมอประเวศ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าเรื่องข้อกล่าวหาทั้งหมดที่คนสงสัยเกี่ยวกับทักษิณจะไม่เป็นจริง พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังสมควรลาออก ยังมีความผิดอยู่ดี ในฐานะที่ทำให้คนไม่เชื่อถือ เพราะเป็นผู้นำต้องสร้างความสมานฉันท์ ต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นทุน ถ้าไม่มีทุนความน่าเชื่อถือ มีเงินเป็นแสนๆ ล้านๆ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เมื่อผู้นำไม่มีความน่าเชื่อถือจะไปเรียกร้องหาความสามัคคีก็ไม่ได้ ที่มีการประท้วงจนถึงวันนี้ก็เพราะความจริงยังไม่กระจ่าง

ถ้าคุณทักษิณตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์หมอประเวศพยายามสื่อ จะเห็นความปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง เอาประโยชน์ของบ้านเมืองส่วนรวมเป็นหลัก แทนที่จะเอา “ตัวกู” เป็นที่ตั้งอย่างที่ยังเป็นอยู่

คุณทักษิณ จะไม่เที่ยวไปบ่น กล่าวโทษ “คนอื่นๆ” ว่าทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อถือ สูญเสียความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย แล้วโบ้ยการแก้ปัญหาไปให้ “คนอื่นๆ” บอกให้ “คนอื่นๆ” สามัคคีและสมานฉันท์

คุณทักษิณจะเข้าใจสิ่งที่คุณหมอประเวศพูดเปรียบเทียบทันทีว่า

“เหมือนคนกำลังข่มขืนลูกตัวเอง แล้วมีคนออกมาประท้วงขับไล่ อยู่ๆ ก็มีคนออกมาบอกอย่าประท้วง ต้องสามัคคี คนๆ นั้นก็ข่มขืนลูกต่อไป ดังนั้น มันต้องแก้ที่ต้นเหตุ ถ้าแก้เหตุไม่ได้ความสามัคคีก็ไม่เกิด ความสามัคคีจะเกิดต้องมีความจริง ความถูกต้อง ถ้าเรียกร้องให้หยุดประท้วงก็เข้าล็อคเขา อ้างว่าเพื่อความสงบ เขาก็ข่มขืนลูกต่อไป คนที่เรียกร้องความสามัคคีเต็มไปหมดตอนนี้พลาดเป้า กลายเป็นเหยื่อทำให้เขาทำอย่างเก่าต่อไป”

ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ได้กำลังข่มขืนผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่จริง ไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้คนอื่นสามัคคีเพื่อมาบังหน้าการกระทำไม่ดีของตนเองจริงๆ ก็สมควรจะลาออก เพราะตนเองอยู่ตำแหน่งผู้บริหารประเทศแล้ว ทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ เกิดความแตกแยกในสังคม ทำอะไรคนก็คอยจับผิด ไม่ไว้ใจ คุณทักษิณเองถึงขนาดบ่นว่า “แค่หายใจ ก็ดูเหมือนจะผิด”

พูดตรงๆ ถ้าคุณคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมจริงๆ แล้วคุณจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่ออะไร

ลาออกจากตำแหน่งก่อน เอาความสงบเรียบร้อยคืนสู่สังคมไทยเสียก่อน แล้วคุณก็ยังสามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตัวเองได้อย่างเป็นธรรม สง่างามเสียอีก

3) คุณหมอประเวศ เตือนว่า คนไทยจะต้องระวัง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นนักการตลาดที่เก่ง สามารถชักจูงความสนใจของคนไปตรงนั้นที ตรงนี้ที มีข่าวลอบสังหารบ้าง ผู้มีบารมีบ้าง มีคนจะมาแย่งอำนาจบ้าง ทำให้หลุดจากความสนใจต้นตอของปัญหา อย่าไปพลาด ต้องมีสติ การตลาดทำให้คนเสียสติ พลาดจากความคิดตัวเอง อย่าให้การปล่อยข่าวพาเราไปที่อื่น

ในฐานะที่อยู่ในแวดวงสื่อมวลชนคนหนึ่ง ขอยืนยันว่า ยุคนี้ เป็นยุคที่รัฐบาลเล่นกับข่าวมากกว่ายุคไหนๆ ผู้สื่อข่าวแทบไม่ต้องพยายามหาข่าว หรือ เจาะหาประเด็นเพื่อมาทำข่าว แต่จะมีการเปิดประเด็นข่าว ป้อนข่าว กำหนดวาระข่าว ออกเป็นลำดับๆ เปิดประเด็นเรื่องนี้ แล้วเปลี่ยนไปเรื่องนี้ พอคนกำลังจะไล่ทันเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น เพื่อมิให้นักข่าว ผู้เขียนบทความ และประชาชนผู้ติดตามมีเวลาตั้งตัวได้

สังคมไทยควรจะได้บทเรียนสำคัญแล้ว ในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาจุดประเด็น “ซื้อหุ้นลิเวอร์พูล” ด้วยตนเอง ซึ่งในที่สุด ก็กลายเป็นเพียงการสร้างข่าว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจสังคมออกจากการอภิปรายไม่ไว้วางในของฝ่ายค้าน

สังคมเรียกร้องให้ลาออก เขาก็ยุบสภา แล้วลาพัก

สังคมเรียกร้องความชอบธรรม และจริยธรรม เขาก็อ้างกติกา และการเลือกตั้ง

สังคมกำลังใช้สิทธิเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญ เขาก็ไปกล่าวหาว่า “ผู้ดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”

การจะหาความจริงจากทักษิณ จึงต้องมีสติ มีหลักยึดมั่นคง มีเป้าหมายชัดเจน เหมือนเวลาคุยกับนักการตลาด ถ้าขาดสติหน่อยเดียว ก็จะเผลอตกเป็นเหยื่อเขาโดยไม่รู้ตัว

จะไปเล่นตามเกมที่เขาเปิดประเด็นออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ นักการตลาดพวกนี้ จะมีลูกเล่นล่อหลอก ออกมาเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น

ถึงวันนี้ เมื่อทักษิณหมดความน่าเชื่อถือ ไม่มีความเชื่อมั่น ทักษิณจะบริหารประเทศต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จะต้องรีบลาออกเร็วที่สุด

ประเทศไทยจะต้องรีบ “โดดเดี่ยวทักษิณ” - ไต่สวนทักษิณ ก่อนที่ “ทักษิณจะโดดเดี่ยวประเทศไทย” อย่างที่เขาทำจดหมายชี้แจงยกยอตัวเองต่อต่างชาติ ด้วยกลวิธีที่ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอื่นๆ ในประเทศไทย

ประเทศไทยกำลังถูกทักษิณนำพา “ผู้มีบารมีนอกประเทศ” มาขัดแย้งกับ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ทำให้เป็นอันตรายต่อประเทศมาก

ถึงเวลาที่สังคมต้องเอาจริงกับทักษิณ จะปล่อยให้ตีกรรเชียง ลอยตัวไปเรื่อยๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

วาระแห่งชาติ คือ การไต่สวนทักษิณ!

จากคุณ : number 2 only (nijja) - [ 19 ก.ค. 49 10:45:13 ]