เจ้าข้าเอ้ย !!!  การเมืองมันยุ่งเหยิงยิ่งเสียกว่าลิงแก้แหอีก
รัฐบาลก็พร้อมที่จะสู้เพื่อศักดิ์ศรี   ไม่ยอมถอยให้ความไม่ถูกต้องอีกต่อไป  ประชาชนที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งก็โบกธงเชียร์ฝ่ายของตนพร้อมส่งเสียงอื้ออึง   ส่วนประชาชนที่เป็นเพียงผู้เฝ้าดู  หูอื้อ ตาลาย  ไปกับเสียงและภาพที่ได้เห็น  จมูกเล่าก็รับกลิ่นเน่าเหม็นที่ต่างฝ่ายก็ค้นเอาของเสียที่ซ่อนไว้ออกมาประจานกัน

ยิ่งเสียงการต่อสู้ยิ่งดังมากขึ้น  ภาพการต่อสู้ยิ่งปรากฎให้เห็น  กลิ่นเน่าเหม็นยิ่งโชยออกมาเท่าไหร่  ผู้คนในประเทศก็ยิ่งต้องรับกรรมจากผลที่เกิดขึ้น  และทั้งเสียง  ทั้งภาพ  ทั้งกลิ่น ก็รับรู้ไปถึงต่างประเทศ  ก็ยิ่งทำให้เกิดความบอบช้ำกับความไม่น่าเชื่อถือของระบบการเมืองภายในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นทุกขณะด้วย  ส่งผลกระทบต่อทุกระบบ ทั้งสังคม  เศรษฐกิจ  และการต่างประเทศ  นี่คือความย่ำแย่ของประเทศที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง

มาแล้วจ้า !!!  มาแล้วเด้อ !!!  พระเอกมาแล้ว  ถ้าเป็นหนังไทยสมัยก่อน  ถึงตอนนี้ผู้ชมคงต้องเรียกหาอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย  ถ้าผู้ร้ายมากก็จะเป็นตำรวจ  แต่ในความจริงขณะนี้  ตัวละครที่เริ่มออกมามีบทบาทก็คือ ทหาร  ส่วนใครจะเป็นเจ้าของ  หรือ จ๊อกกี้ จะเก่ง หรือไม่เก่ง  ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ จะเว้าละเด้อ !!! (ให้ได้สักหน่อย พอแก้กระสัย)
เพราะสมัยนี้ ยุคนี้  สิเป็นยุคใหม่แล้ว  "มื้อนี้-ตะหาน-เขา-
พัด-ตะ-นา แล้ว"  ก็ออกมาช่วยกันห้าม  มาบอกว่า อย่าทะเลาะกันให้เสียงมันดังนัก  อย่าให้ปรากฎภาพที่ไม่ดีนัก
อย่าให้กลิ่นมันโชยไปนัก  ให้รักประเทศกันบ้าง  ก็ทำได้แค่นั้นแหละเด้อ

ถึงจะเกิดอะไรขึ้น  ทหารก็จะยึดมั่นในหน้าที่ของตนเอง (ดีกว่าหลายคนเด้อ ที่ไม่รู้บทบาทของตัวเอง) ไม่คิดกระทำการใดที่จะให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย หรือบอบช้ำไปกว่านี้
เรื่องที่จะกลัวว่าทหารจะลุกขึ้น  "ปฏิวัติ"  เลิกคิดไปได้เลย
เพราะทหารรู้ว่า สังคมโลกปัจจุบัน มองการยึดอำนาจเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นที่น่ารังเกียจ  จึงไม่คิดจะกระทำการใดให้ประเทศไทยต้องถูกประเทศอื่นดูถูกว่ายังล้าหลัง
และนำไปเปรียบเทียบกับ ประเทศพม่า หรือ ติมอร์ตะวันออก (ตะหานไทย  ช่างน่ารักเสียนี่กระไร เด้อท่านเด้อ)

สรุปว่า แม้การเมืองจะยุ่ง  ประเทศชาติจะแย่  แต่ทหารไทยยุคใหม่ มีหัวใจเป็นประชาธิปไตยเต็มเปี่ยม  ไม่เคยคิดจะกลับไปชมชอบและ "หอมกลิ่นปฏิวัติ" เลย   สบายใจกันได้ เด้อพี่น้องเด้อ

***