ความคิดเห็นที่ 129
เขียนได้ตรงใจ คนไทยเรานี้เป็นอะไรไปหมด สติปัญญาหายไปไหน ลองค้นหาความจริงกันดู แล้วจะเจ็บใจว่าโดนหลอก ใครยัดข้อมูลอะไรให้ ก็เสพข่าวสารไปโดยไม่ค้นหาความจริง ให้คนอื่นคิดให้เสร็จ เหตุการณ์ที่คนออกมาเย้วๆกับนายสนธิมากมาย แสดงให้เห็นภูมิปัญญาของคนไทยกลุ่มนั้น น่าสงสารประเทศไทย มีเพื่อนคนหนึ่งมาเยี่ยม เขาเรียนจบแค่ ป.6 มีอาชีพค้าขายชื่อนวลจันทร์ (ขอสงวนนามสกุล) ดิฉันให้เสื้อสีเหลืองของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ได้มาเพราะใช้บริการเวสเทิร์นยูเนียน เขาบอกว่า เออดีจะได้ใส่ไปกู้ชาติ
ดิฉันขำมาก ถามเขาว่าเธอเชื่อพวกพันธมารพวกนั้นเหรอ พวกเธอจะไปช่วยมันใช้หนี้แบงก์มากกว่า เสื้อขายตัวละ 200 บาท ต้นทุนไม่ถึง 50 บาท อย่างอื่นที่ขายอีกมาก ผ้าคาด , ซีดี ,หมวก เขาได้กำไรไปเป็นล้าน ๆ มันกลับบ้านนั่งนับเงินแล้วก็คงนั่งหัวเราะ ถามเขาว่าทำไมเธอถึงเชื่อ เขาบอกว่าก็นักวิชาการเขาว่าอย่างนั้น ดิฉันถึงบางอ้อทันที ก็เพราะไทยมีนักวิชาการขี้โกหกเยอะ แกล้งพูดผิดๆก็มีคนเชื่อ และประชาชนก็คิดเองไม่เป็น ชอบให้เขาคิดให้เสร็จ
พวกอาจารย์จุฬา หรือธรรมศาสตร์ นั้น พฤติกรรมและความเห็นที่แสดงออกมา ดิฉันไม่เชื่อถือคุณภาพเลย ลูกก็ไม่ให้เข้าเด็ดขาด ลงสัยในเรื่อง คิวซี.มาก สังคมไทยบ้างครั้งเอาแต่พวกพ้องจนลืมคุณภาพ อยากถามว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้เป็นบุตรนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รับการพิจารณาเป็นอาจารย์ไหม เพราะหลายครั้งดิฉันสงสัยในคุณภาพ
ปากก็ว่าประชาธิปไตย แต่ไม่ลงเลือกตั้ง แถมยังเรียกร้อง ม. 7 จนผู้คนตั้งฉายา มาร์ค ม.7 ทั้งๆที่ ม. 7 ไม่มีเรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามีความรู้บ้างหรือเปล่า หรือว่าโกหก
สุดท้าย ดิฉันว่า สังคมไทย ต้องปฎิวัติกันแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะสังคมไทย มองว่าการโกหกเป็นเรื่องเล็กน้อย ผิดกับสังคมตะวันตก อย่างประธานาธิปดีสหรัฐปฎิเสธว่าไม่มีสัมพันธ์ทางชู้สาวกับพนักงานสาว แต่ต่อมาความปรากฎชัด เขาต้องออกมาขอโทษคนทั้งประเทศ แถมด้วยการถูกอิมพีชเม้นท์อีกต่างหาก
ดิฉันว่า คนที่โกหกแม้เรื่องเล็กน้อย ก็สามารถโกหกในเรื่องใหญ่ๆได้ คนไทยเราจับได้ไล่ทันก็ไม่ว่ากัน แล้วกันไป ทุกคนเลยโกหกกันหมด เพราะมันได้ประโยชน์แล้วก็ไม่มีผลเสียอะไรกับตน
การไม่เคารพกติกาก็เช่นกัน แม้แต่ผู้รักษากฏหมายก็เลือกที่จะใช้กฏหมายตามใจตนเองกันแล้ว เพราะเมืองไทยเราไม่ใส่ใจในเรื่องกฏเกณท์กติกากัน ทุกคนแหกกฏกันหมด ทุกคนทำตามใจตัวเองกันหมด ไม่มีเหตุผลอีกแล้ว
หลายวันก่อน ดิฉันดู ยู บี ซี มีการสัมภาษณ์นักธุรกิจ ผู้บริหารเครือสหพัฒน์ ดิฉันติดใจกับคำพูดของผู้บริหารท่านนั้นว่า บิดาห้ามลูกทุกคนเล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด เพราะคนดีๆเล่นการเมืองก็จะถูกใส่ร้ายให้กลายเป็นคนเลวไป น่าอนาถ.. น่าสงสาร... ประเทศไทย ต่อไปคนดีๆมีฝีมือเขาก็ขยาดกันหมด คงต้องปล่อยให้นักการเมืองอาชีพ ที่ไม่มีฝีมือไม่มีประสบการณ์ในด้านใดๆ มาบริหารประเทศให้เสียหายอีกหลายรอบกระมัง เหมือนยุคที่ไทยเดินตามก้น ไอ เอ็มเอฟ โดยไม่มีการต่อรองผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างใดๆเลย คิดได้ไง ว่าต้องขึ้นดอกเบี้ยให้สูงเพื่อกันคนนำเงินออกนอกประเทศ แต่ไม่คิดมุมกลับว่าประชาชนที่เป็นหนี้แบงก์จะต้องแบกภาระเกินกว่าที่ควรจะเป็น จนเป็นที่มาของวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อ ปี 40
จากที่เคยจ่ายดอกแบงก์แล้วยังเหลือกำไร ก็กลับกลายเป็นไม่พอจ่าย จากที่เคยจ่ายด/บ เดือนละ 10,000 เพิ่มเป็นเดือนละ 20,000 จากที่เคยจ่ายด/บ เดือนละ 1,000,000 เพิ่มเป็นเดือนละ 2,000,000 จากที่เคยจ่ายเดือนละ 10,000,000 เพิ่มเป็น 20,000,000 จากที่เคยจ่ายด/บเดือนละ 1,000,000,000 เพิ่มเป็น2,000,000,000 แล้วเป็นไงเศรษฐกิจประทศไทย ก็เลยล้มกันไม่เป็นท่า
ดิฉันชื่นชม นายกมหาเธร์ ของมาเลย์เซีย เขาเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม และตัดสินใจได้เยี่ยม เขาไม่ขึ้นดอกเบี้ยแบบโง่เง่าตามไทย แต่เขาใช้วิธีจำกัดเงินที่ไหลออกนอกประเทศ แม้จะถูกต่างชาติวิภาษอย่างรุนแรง แต่เขาก็ไม่ยี่หระ
ผลคือประเทศมาเลย์สามารถประคับประคองตัวเองได้ในเวลาไม่นานนัก และกลับมายืนผงาดอย่างสง่าผ่าเผยในท่ามกลางสายตาชาวโลกที่ยกย่องในการตัดสินใจ แม้แต่ต่างชาติที่เคยวิจารณ์อย่างเสียหาย ยังต้องออกมายอมรับว่าการแก้ปัญหาของมาเลย์เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดและยอมรับความผิดพลาดในการแก้ปัญหาของประเทศไทย ว่าประเมินสถานการณ์ของไทยผิดพลาดไป
จนทุกวันนี้ นายชวนเคยออกมาขอโทษบ้างไหม ที่ทำประเทศไทยย่อยยับไปเท่าไร ขอคำขอโทษกับผลงานที่ผิดพลาดด้วย
แล้วยังมีการนำทรัพย์สินของคนไทยที่ล้มช่วงนั้นไปให้ฝูงแร้งต่างชาติแย่งกันรุมทึ้งอีก (แล้วก็ให้สงสัยว่าใครได้ประโยชน์กันบ้าง) โดยเจ้าของทรัพย์ได้แต่ยินมองตาปริบๆ เหมือนการปล้นกันชัดๆ หลายคนยิงตัวตาย ผูกคอตาย ใครไม่รู้เรื่องนี้ไปซื้อหนังสือ ฉีกหน้ากาก ปรส. ของอาจารย์ดุสิต ที่วางตามแผงหนังสืออ่านดู สื่อไม่นำเสนอข่าวเหล่านี้เลย ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขเฝ้าบ้านประชาธิปัตย์หรือไง
จากคุณ :
FREES
- [
27 ก.ค. 49 09:35:33
]
|
|
|