ความคิดเห็นที่ 15
เรื่องแรก ภาษาอังกฤษ
คุณเอาอะไรมาพูดคนเวียดนามพูดภาษาอังกฤษได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
ข้าพเจ้าอยู่เวียดนามมาสองปี ไม่เคยเจอ คนไปถามคนไทยที่เวียดนามสิ ใครพูดภาษาอังกฤษกับคนเวียดนามบ้าง (มีนักลงทุนไทยในเวียดนามไม่ต่ำกว่าพันคนให้คุณถามเลยนะ หลังไมค์ขอเบอร์มาได้นะ)
55555555555555555555555555555555
อันนั้นมันข่าวโคมลอยการท่องเที่ยว ที่ขำน่ะไม่ได้ขำคุณ ขำตัวเองเพราะก่อนไปข้าพเจ้าก็ปล่อยไก่ไปเยอะเหมือนกัน พวกนักธุรกิจเชื้อสายเวียดนามที่อุดรก็เตือนแล้ว แต่ข้าพเจ้าอ่านหนังสือที่คนผ่านเวียดนามแบบ "เปลือกกระพี้" เขียนไปเยอะ เลยเถียงเค้าแทบตาย (ก่อนไป) ไม่ว่า เล่าเรื่องเมืองเวียดเอย อะไรเอย มั่วทั้งเพ!!!!!!!!!!!
ไปเหยียบเวียดนามวันแรก ข้าพเจ้าก็เอาเลย มาเวียดนามเพราะคนเวียดนามขยัน และพูดภาษาอังกฤษได้ นักธุรกิจไทย (ที่ทำธุรกิจที่โน่นสิบกว่าปีมีมากกว่า 5 บริษัท) เงียบทั้งโต๊ะ และสอนข้าพเจ้าว่า บางทีการอ่านมากไปมันก็ทำให้คนเรา "นึก" เอาเองว่ารู้ได้ อาทิตย์แรกเท่านั้นข้าพเจ้าแทบจะคลั่งตายในเวียดนาม
หมายเหตุ ข้าพเจ้าพูด อ่าน และ เขียนภาษาเวียดนาม (ระดับความชำนาญไม่เท่ากัน) พูดได้ตั้งแต่ไป คล่องตั้งแต่สามเดือนแรก เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะ ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเลย ปัจจุบันข้าพเจ้าแชทกับลูกน้องคนเวียดนามเป็นภาษาเวียดนามนะ คุณอยากรู้อะไรถามมา เพราะข้าพเจ้าอยู่เวียดนามสองปี อยู่กับคนเวียดนามทั้งวันและทั้งคืน กิน นอน เที่ยว กับคนเวียดนาม คุยกับ people committee เวียดนาม (governer) ออกทีวีเวียดนาม (ห้าครั้ง) รู้จักผู้สื่อข่าวเวียดนาม และ ผู้สื่อข่าวเวียดนามรู้จักข้าพเจ้าดี
คนไทยในเวียดนามพูดภาษาอังกฤษที่ไหนอยู่สามเดือนก็พูดภาษาเวียดนามหมดแล้ว ไม่ใช่พูดอังกฤษไม่ได้ แต่เค้าไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษด้วย ข้าพเจ้าสัมภาษณ์และรับพนักงานทุกวุฒิในเวียดนามสัมภาษณ์มาไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียวพูดภาษาอังกฤษได้
คืองี้ รับเลขาพูดภาษาอังกฤษอยู่หกเดือน (ถ้าคุณไม่จ่ายเค้า 600 USD) หาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว จนเลิกหาไปเลย คือว่า 600 USD นี่ พูดได้อย่างเดียวทำงานไม่ได้นะ
ด้านข้อมูล เวียดนามเรียนเช้าสลับบ่าย หมายความว่า คนหนึ่งมีสิทธิเรียนแค่ครึ่งวัน เพราะรัฐบาลไม่มีงบ
เวียดนามพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะเวียดนามใช้ภาษาเวียดนาม 100% ไม่มีภาษารอง
แต่ในอนาคตเวียดนามจะเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษารอง เนื่องจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศส เพิ่งเป็นผลสำเร็จ
ข้าพเจ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนสมาคมนักธุรกิจชั้นนำของโฮจิมินส์ด้วยนะ เป็นคลับนักลงทุนรุ่นใหม่ของโฮจิมินส์ แต่ขอโทษ เค้าพูดภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยได้หรอกนะ ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษ คุณจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับเค้านะ กินเหล้ากันมาแล้ว
อนาคต คนเวียดนามรุ่นใหม่จะพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเค้ากำลังเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนกลางคืนแล้ว เป็นกวดวิชา เนื่องจากคนที่พูดภาษาอังกฤษได้มีน้อยมาก ทำให้ค่าแรงแพงกว่า คนธรรมดาอาจจะมีเงินเดือนปริญญาตรี 1,000,000 - 1,500,000 VND = 2,500 - 3,750 บาท แต่ถ้าพูดภาษาอังกฤษได้จะมีเงินเดือนถึง 200 - 300 USD เพราะหายากมาก (ค่าแรงขั้นต่ำเวียดนามประมาณ 25 - 35 USD / เดือน) อันนี้เริ่มต้นมีโรงเรียนกลางคืน และเริ่มฮิตได้ไม่เกินสองปี และระบาดเร็วมาก
ปีหนึ่งจะมีคนจบพูดภาษาไทย > 20 คนต่อปี ถูกจองตัวตั้งแต่ปีสุดท้ายเพราะ คนไทยต้องใช้ล่ามในการทำงานเยอะมาก เพราะคนไทยเยอะมาก อย่างสตาร์ปรินซ์ นี่กวาดทีเกือบทั้งรุ่น (มหาลัยมนุษยและสังคมศาสตร์เวียดนาม)
คุณถามมาสิ ผู้ชายคนใหนไปเวียดนามเดือนแรกแล้ว ไม่ร้องแรกแหกกระเชิงกลับบ้านบ้าง เอาเป็นประมาณว่า ข้อตกลงในเวียดนามของคนไทยในเวียดนามคือ
"อะไรที่เกิดในเวียดนาม (เช่น ร้องไห้ , ตายคาอกเมียน้อย) ห้ามพูดในเมืองไทย" (เพราะต้องเห็นใจกัน)
อันนี้ห้ามถามต่อ ผิดศีล และไม่เกี่ยวกับการลงทุน
คุณต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง เวลาเราอยู่ต่อหน้าสื่อ บางทีเราก็พูดความจริงกันไม่ได้ เค้าเรียกว่าความจริงมีสองระดับ เวลาเราออกสื่อเราก็ต้องชมเค้าหน่อย มันน่าเกลียดเหมือนเหยียบย่ำวัฒนธรรมชาติเค้า หรือ ดูถูกเข้า แต่เวลาจะลงทุนจริงๆ อ่ะ คุยกันคนละภาษา แล้วข้าพเจ้าก็ไม่เห็นว่านักลงทุนเค้าจะเดือดร้อน (จริงๆ) เรื่องการเมืองไทยนัก เพราะเค้าสนใจเรือ่งกำไรกันมากกว่า ที่ใหนกำไรเค้าก็ไป ยกเว้นพวก speculate money sector (เวียดนามไม่มี communist freeze money sector เหมือนจีน)
เรื่องที่สองคนเวียดนามขยันมาก
"คนเวียดนามขยันมาก จุดไฟทำนา" อันนี้ข้าพเจ้าอ่านพบก่อนไปเวียดนาม
คุณไปหาที่ใหน ข้าพเจ้าอยู่มาสองปีถึงได้รู้ว่า คนเขียนเอาข้อมูลมาจากไดอาล๊อกประวัติสงครามอเมริกัน หน้าถ้ำกู้จี (ถ้ำเวียดกง)เพราะไดอาล๊อกลอกกันมาทั้งดุ้น
คุณกาน (ขออนุญาติอ้างชื่อหน่อย) เจ้าของบริษัทและ ผู้บริหาร บริษัท ที่ทำการค้าที่ใหญ่ที่สุดที่โน่น (ประสบความสำเร็จมาที่สุดขายทุกแบรนด์) เคยคุยกันกับข้าพเจ้าว่า
"คุณ..... ลองคุณปล่อยเซลล์มันออกจากบริษัทสิ มันได้ไปอยู่ร้านกาแฟสี่ชั่วโมง" อันนี้ข้าพเจ้ายืนยันว่าเรือ่งจริง
ถ้าคุณจะสงสัยในความรู้ของข้าพเจ้าเรื่องเวียดนาม เชิญเรียนถามท่านผอ. การลงทุนต่างประเทศ BOI ได้เลย ว่าข้าพเจ้ารู้จริงไหม๊ หลังไมค์มาเลย นัดกินกาแฟมาก็ได้ แต่คุณต้องจ่ายนะ ค่าความรู้เรื่องเวียดนามเนี้ย
วันก่อนข้าพเจ้าเพิ่งร่างกำหนดการวันที่สองสำหรับให้ รมต.อุตสาหกรรม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินทางไปเยือนเอง (เดินทางต้นเดือนหน้า พร้อมนักข่าว 30 ท่าน)
อันนี้มันขำจริงๆ นะ คุณเคยร่วมประชุม นักลงทุนไทยในเวียดนามหรือเปล่า เวลากงสุลไทยปิดกงสุลคุยกับนักลงทุนเค้าคุยกันเรื่องอะไร
เวียดนามกำลังเจริญกว่าไทย นั้นไม่จริง แต่เวียดนามมีปริมาณการลงทุนที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าไทยในปัจจุบันนั้นจริง
แต่เป็นการลงทุนด้านแรงงานราคาถูกนะ ไม่ใช่แรงงานความรู้
คุณรู้ไหม๊มีคนญี่ปุ่นในเมืองเวียดนามทั้งประเทศเท่าไหร่ บอกให้ 60,000 ++ คน (ถ้าเป็นปีที่แล้วจะจำได้ทุกหน่วยตอนนี้ลืมแล้ว) ข้อมูลจาก เจโทรเวียดนาม แต่มีคนญี่ปุ่นในเมืองไทย 600,000++ คน ข้อมูลจากเจโทรไทยแลนด์ คนญี่ปุ่นเค้าลงทุนนี่ เค้าจะมาหาคุณเลยนะแล้วบอกว่าผมอยากลงทุนกับคุณ เค้าสืบมาแล้วว่าคุณจบการศึกษาอะไร พ่อแม่ ปู่ย่าทำอะไรมา อันนี้ เรื่อง จริง ยกให้ญี่ปุ่นชาติเดียวในโลก (เจโทรไทย อยู่ที่ถนนราชดำริไปพบได้)
มาโลกไอทีกันบ้าง อย่างที่สงสัยกันมาก ข้าพเจ้ากำลังทำข้อมูลให้ องค์การด้านไอทีที่สำคัญองค์การหนึ่งของไทย เรื่องการลงทุนด้านไอทีในเวียดนาม (ไม่อยากพาดพิงในที่สาธารณะเกรงว่าอยู่ในระหว่างเป็นความลับด้านการลงทุน)
บอกคร่าวๆ แรงงานราคาถูกไปเวียดนาม แรงงานความรู้ ไปอินเดียและมาไทย
แคนนอนเปิดโรงงานที่สาม อินเทลก็เปิด ความจริงคือว่า ทุกคนหวังตลาด domestic เวียดนามปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ขยะอุตสาหกรรมมือสองอยู่ เค้ากำลังมองตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะเวียดนามก็เหมือนจีน และ อเมริกา ตลาดใหญ่ 88 ล้านคน บังเอิญว่า 88 ล้านคนยังไม่ได้มีโน๊ตบุ๊คใช้แพร่หลายเหมือนบ้านเรา มีพริ้นเตอร์นี่ก็ต้องทำงานมานาน แต่ถามคุณสิ คุณใช้พริ้นเตอร์มาแล้วกี่เครื่องในบ้านคุณมีกี่เครื่อง
ความจริงเวียดนามติดกฏหมาย การลงทุนที่ว่า จะได้ใบอนุญาติต้องส่งออก 80% อันนั้นทางกฏหมาย ทางเทคนิค อยากรู้ต้องหลังไมค์มันยาว
ถูกต้องคนมองเวียดนามเพราะการเมืองนิ่ง แต่นิ่งของเค้าคือว่า มันนิ่งภายนอกป่วนภายใน นักลงทุนเค้าสนเรื่องเอาเงินลงทุนกลับว่าเอากลับได้กี่เปอร์เซ็นต์มากกว่า นี่คำถามแรกที่นักลงทุนต้องถาม แล้วถามทุกคน (เวียดนามเอากำไรกลับได้ 100%)
***************
สิ่งที่คนไทยไม่มีที่ทำให้ เราต้องกลัวเกาหลีใต้ กับเวียดนามคือ
****************** หนึ่ง
ไทยไม่มี "Thailand INC" แต่เวียดนาม มี และ เกาหลีใต้มี (ฮุนได แอลจี แดวู ซัมซุง) สิงคโปรค์มี (เทมาเส็ก)
นโยบาย Thailand Inc ถูกเสนอครั้งแรกสมัยรัฐบาล เปรมหนึ่ง โดย คุณบุญชู โรจนเสถียร ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ แต่ตกไป เนื่องจากรัฐบาลยังไม่พร้อม อยากพัฒนาชนบทก่อน
อะไรคือ Thailand INC ????????? ติดไว้ก่อนเหนื่อย
สอง
ไทยไม่มีอุตสาหกรรมการต่อเรือ เกาหลีใต้มี เวียดนามกำลังพัฒนา เกาหลีใต้ คิดว่า จะพัฒนาชาติได้ ต้องมี บริษัทเงินทุนเพื่ออุตสาหกรรมและการพัฒนาแห่งชาติเกาหลี ประมาณ KOREAN INC และ.... (มันยาว) ต่อมาก็เกิด บริษัทที่กล่าวมาข้างต้น ต่อมา เกาหลีใต้ ต้องการควบคุมการค้าในย่านมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อเรือ
ทำไมไทย ไม่มีอุตสาหกรรมต่อเรือ
เพราะไทย ไม่มีเงิน คนไทยนิยมขายหุ้นให้ต่างชาติก่อน แต่ไม่เคยรวมทุนแห่งชาติเป็น THAILAND INC อุตสาหกรรมต่อเรือ แห่งชาติเกาหลี เกิดได้ ฮุนได แดวู ซัมซุง แอลจีต้องสำเร็จก่อน แล้วผันเงินมาทำอุตสาหกรรมนี้...... (ยาวไปย่อหน่อย)
ไทยมีเงินไหม๊ มีโคตรรวย มีเยอะ คุณดูสิ เราซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยกันขนาดไหน คุณก็รู้คนไทยไปรอที่ธนาคารเพื่อซื้อเศษหุ้นบางจาก ที่เค้าปันขายให้แต่ตีห้า แต่ได้มาไม่กี่คน คนระดมทุนวันใหนคุณก็ได้เงินรับรอง แต่ต้องมีคนบริหารที่เชือ่ถือได้ วันไหนคนระดมทุนแล้วคนไทยไม่มีให้ มาบอก จะระดมให้ บอกได้เลยว่า คนไทยมีเงิน มีจนไม่รู้จะไปทำอะไร เล่นหุ้นเป็นแมงเม่าเสียให้แมงมุม ก็เยอะ ที่ซื้อรถแพงๆ กระเป๋าพราด้า ใบละเจ็ดแสนก็ซือ้ได้ ไปดูได้เลย (คุณนวลพรรณ ล่ำซำ เพิ่งกล่าวในสัมมนาวันก่อน)
แต่สิ่งที่คนไทยไม่มี คือ คนไทยไม่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ทำเพื่อชาติ
คนเกาหลีใต้ คุณไปถามดูถูกคนไทยมาก เค้าบอกว่าเค้าแซงไทยได้ เพราะผู้นำของเค้าต่างจากผู้นำของเรา (อันนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะรัฐบาลนี้นะ)
เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม ระดมทุนในชาติ เพื่อสร้างทุนชาติ ไทย ขายหุ้นให้ต่างชาติ อันนี้เป็นเรือ่งที่ต่างกันมากและ จะเห็นกันในอีกหลายปีข้างหน้า ว่าความคิดใครถูก รวม หรือ ขาย
สาม
คุณไม่ต้องไปถามคนเวียดนาม หรือคนเกาหลีใต้ เรือ่งขายหุ้นให้ต่างชาติหรอก เอาปืนมาจ่อหัว ต่อให้ฆ่าเค้าให้ตาย เค้าก็ไม่ทำ
(ความจริงอาจจะรับปาก เอาตัวรอดแต่ตลบหลังทีหลัง สรุปผลก็คือไม่ไม่และ ไม่)
อันนี้คิดมาหลายปี กลับมาไทยทีไรก็คิด คำตอบที่เคยมีคนให้ความเห็นก็คือ คนไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครมาก่อน คนไทยไม่มีความกลัวเรื่องนี้ คนไทยไม่เคยรู้รสชาดของการตกอยู่ใต้รัฐบาลอื่นเลย ทำให้คนไทยไม่เคยมีสำนึกเรือ่งชาติเท่าที่คนเวียดนาม และ เกาหลีใต้มี
สี่
คนไทย ไม่ก้าวร้าว และ อายที่จะเก่ง อันนี้ถกเถียงมานานว่า เป็นข้อดีหรือข้อเสีย คนเวียดนามเกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ เค้าก้าวร้าวมากนะ อันนี้ขอไว้ให้ไทยดีกว่า ไม่ต้องดีมากก็ได้ แต่ คนไทยเป็นอย่างนี้ดีกว่า
(ต้องดูระยะยาว)
จะคุยเรือ่งจีนเหรอ มันเหนื่อยแล้ววันนี้ เวียดนามก็อีกเยอะ เฉพาะ การลงทุนอีกเยอะ มันหลายเรือ่ง จังหวะเวลา และ sector พอเถอะ
ขอบคุณที่พวกคุณหลายคนถาม เพราะคุณถาม วันหน้าประเทศไทยเจริญ ข้าพเจ้าชอบที่คุณถาม
บางท่านที่ผ่าน เขมร เวียดนามและ จีน มา ขอเดา ไม่ปูนซีเมนต์ สามารถไอโมบาย ก็ กันตนา บางทีเราอาจรู้จักกัน
วันนี้พอก่อน คนอื่นจะเบื่อ และข้าพเจ้าไม่ใช่พันธมิตร ข้าพเจ้าเป็นคนของ "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" 100%
ปล. ไม่สุภาพไปบ้างก็ขออภัย ไม่ตั้งใจ คนไทยไม่ชอบคนที่รู้มากเกินไป แลเหมือนก้าวร้าวข้าพเจ้าเข้าใจดี แต่มันเป็นจริง ในโลกความจริงของการลงทุน มันโหดกว่านี้อีก
จากคุณ :
อมาญาส์ (jprabaripay)
- [
26 ก.ค. 49 23:59:04
]
|
|
|