CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเต็มใบหรือยัง???

    ================================

    วันนี้ในอดีตหลายปีก่อนโน้น  คำว่า"ประชาธิปไตย"  ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยคุ้นเคย    และไม่ค่อยจะเข้าใจด้วยซ้ำไปว่า    การที่ผู้คนออกมาเรียกร้อประชาธิปไตยกันนั้นมันคืออะไรกันแน่  เมื่อหยุดยืนอยู่กับที่ ณ ปัจจุบันแล้วมองภาพประชาธิปไตยในวันนี้  ให้น่าแปลกใจว่าผู้คนในวันนี้ก็ยังมีพฤติกรรมมิได้ต่างไปจากเดิมแม้กาลเวลาจะล่วงพ้นมานาน




    คำว่า "ประชาธิปไตย "ในความหมายของท่านปรีดี พนมยงค์ ให้นิยามคำว่า " ประชา "หมายถึง"หมู่คนคือปวงชน" กับคำว่า "อธิปไตย" หมายถึง"ความเป็นใหญ่"





    คำว่า" ประชาธิปไตย" จึงหมายถึง " ความเป็นใหญ่ของปวงชน"   และถ้าค้นหาความหมายนี้ในราชบัณฑิตยสถานจะพบคำว่า" ประชาธิปไตย"หมายถึง " แบบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่ " เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ตามธรรมชาติของมนุษยชนนั่นเอง




    จากวันวานเมื่อเมืองไทยเราก้าวพ้นยุคสมัยแห่งสมบูรณาญาสิทธิราช  ก้าวสู่รูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตย เมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยบุคคลคณะหนึ่ง ได้อ้างถึงอุดมการณ์แบบประชาธิปไตยและเรียกร้องขอพระราชทาน  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ท่านทรงเตรียมการที่จะมอบอำนาจของพระองค์ให้อาณาประชาราษฎร์ ก่อนที่จะมีการเรียกร้องเสียอีก ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานสิทธิประชาธิปไตยคืนแก่ปวงชนชาวไทย  นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่าเจ็ดสิบปี  ก็ยังมีข้อให้ถกเถียงกันอยู่เสมอว่า" ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เต็มใบหรือยัง???"






    เท่าที่ย้อนรอยอดีตพบว่าระบบการเมืองไทยมีสถิติการทำการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลบ่อยมากถ้าหากใครพอจำได้สมัยวัยเยาว์เรามักจะได้ยินเสียงจากวิทยุ หรือไม่ก็จากโทรทัศน์ ด้วยเสียงเข้ม ๆ ว่า

    " ประกาศ  ประกาศแถลงการณ์คณะปฎิวัติฉบับที่..."   แล้วภาพรถถังขับเคลื่อนไปตามท้องถนน   เหล่าทหารพากันเดินสวนสนามขวักไขว่  มีการประกาศเคอร์ฟิว ดูเป็นที่เกรงขามแก่ประชาชนยิ่งนัก และคงพอ ๆ   กับการฉุดกระชากลากเศรษฐกิจของประเทศให้ทรุดลงอย่างฮวบฮาบ  เพราะนักลงทุนต่างชาติมิอาจหาญกล้าเข้ามาลงทุนในประเทศของเราแต่อย่างใด




    ภาพลักษณ์ของการปกครองในระบอบเผด็จการ        สร้างความกดดันให้แก่ประชาชน นิสิตนักศึกษาที่มิอาจทนกับรูปแบบการปกครองในลักษณะอย่างนี้ได้  ท้ายสุดจึงได้มีการเคลื่อนไหวขับเคลื่อนเพื่อต่อสู้  เรียกร้องหาประชาธิปไตยกลับคืนมา  จากการวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มเล็ก ๆ เริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ จนออกไปสู่การเดินขบวนบนท้องถนน       โดยเฉพาะถนนราชดำเนินอันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  ดังนั้นจึงเป็นถนนให้ประชาชนผู้ใฝ่หาประชาธิปไตยมุ่งสู่ถนนสายนี้กันอย่างเนืองแน่น   และอย่างที่เราได้ทราบ ๆ กันจากแฟ้มบันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย  ถึงเหตุการณ์วันวิปโยค ที่เกิดการปะทะกันระหว่างหทารกับประชาชน นิสิตนักศึกษา!!!!






    แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว  แต่ก็เชื่อว่าจะยังมิอาจลบเลือนแต่กลับจะฝังรากลึกอยู่ในใจความคิด ความทรงจำของผู้คนอีกหลาย ๆ คนที่ครั้งหนึ่งได้ร่วมรับรู้อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น






    จะว่าไปประเทศของเราก็บอบช้ำมามากมายแล้วเหลือเกิน  ต้องเสียทั้งเลือดและน้ำตามากมายขนาดไหน  กว่าที่เราจะได้กลับคืนสู่การปกครองโดยมีรัฐบาลที่ได้มาอย่างถูกต้อง  และที่สำคัญมาจากการเลือกตั้ง  ทุกวันนี้เรามิได้มีผู้นำรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร   ไม่ได้มีรัฐบาลทหารที่มีหทารเป็นนายกรัฐมนตรี  หรือมีนายกรัฐมนตรีที่หทารแต่งตั้ง  แต่มีผู้นำที่ได้มาจากการเลือกตั้ง







    มีรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงของประชาชนจริง ๆ  นับได้ว่ารูปแบบการเมืองของเราเดินมาถูกทางแล้ว  รัฐบาลชูนโยบายและบริหารประเทศตามนโยบายที่ได้วางไว้   รัฐบาลใดอ่อนแอ   มีผลงานไม่เข้าตาประชาชน  ท้ายที่สุดเมื่อครบรอบวาระที่อยู่ในตำแหน่ง ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน  ด้วยการไม่เลือกให้เข้าไปบริหารประเทศอีก






    พลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย  ในพจนานุกรมนักเรียนฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายคำว่า " พลเมือง" อันหมายถึง ชาวเมือง  ชาวประเทศ ประชาชน  "วิถี" หมายถึง สาย  แนวทาง ถนน  " ประชาธิปไตย" หมายถึง แบบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่   ดังนั้นจึงมีผู้สรุปไว้







    พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย น่าจะหมายถึงพลเมืองที่มีคุณลักษณะที่สำคัญ คือเป็นผู้ที่ยึดมั่น ในหลักศีลธรรม และคุณธรรมของศาสนา  มีกลักการทางประชาธิปไตยในการดำรงชีวิตปฎิบัติตามกฎหมาย   ดำรงตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม   โดยมีการเกื้อกูลกัน  อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ   ให้เป็นสังคม และประเทศประชาธิปไตยอย่างแท้จริง







    หลักการทางประชาธิปไตยที่สำคัญคือประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐและหลักความเสมอภาคคือทุกคนเกิดมามีความเท่าเทียมกันในฐานะการเป็นประชากรของรัฐมีสิทธิเสรีภาพ  มีหน้าที่เสมอภาคกัน  ไม่มีการแบ่งชั้น






    ประชาธิปไตย  ใช้หลักการเสียงข้างมากเพื่อลงมติในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างสันติวิธี  และอยู่บนหลักการประนีประนอม  เพื่อลดความขัดแย้งโดยการผ่อนหนักผ่อนเบาให้กัน  การใช้เหตุผลที่ถูกต้องในการตัดสินหรือเพื่อยุติปัญหาร่วมมือกันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมและที่สำคัญคือการใช้หลักกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันเพื่อความสงบสุขของสังคม







    การหยิบยกอ้างหรือเรียกร้องประชาธิปไตยที่เกินขอบเขต  หรือละเลยหลักกฎหมายที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันเพื่อความสงบสุขของสังคมเริ่มปรากฎให้เห็นเด่นชัดในยุค พ.ศ.2548 เป็นต้นมา เมื่อกลุ่มคนหรือประชาชนบางส่วนมองเห็นว่าข้าราชการหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองมีอำนาจหรืออิทธิพลครอบงำการเมืองของประเทศมากเกินไป  การขาดสภาผู้แทนราษฎรที่เข้มแข็งยากที่ใครจะเข้าทำ



    การตรวจสอบสุดท้ายจึงนำไปสู่ทัศนคติการมองว่าผู้นำหรือรัฐบาลยุคนี้ขาดความ
    ชอบธรรมทางการปกครอง  และได้อ้างสิทธิของการเป็นตัวแทนของประชาชน  การพยายามกดดันในลักษณะของการเรียกร้อง  การพยายามเข้าไปมีอำนาจ หรืออิทธิพลต่อการตัดสินใจ  ตกลงใจและการกำหนดนโยบายของผู้นำหรือรัฐบาลเกินขอบเขต






    ความพยายามยัดเยียดระบบความเชื่อของตนให้สังคม  โดยการอ้างนักวิชาการ  ผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมเพื่อโน้มน้าวคนในสังคมที่ยังคิดแตกต่าง  โดยสร้างกระแสผูกขาดความรักชาติไว้แต่ฝ่ายเดียวสถาปนากลุ่มและสัญลักษณ์ของกลุ่ม ในรูปแบบเผด็จการบนหลักการของประชาธิปไตย  โดยอ้างแนวความคิดว่ามีความชอบธรรม  มีเสรีภาพและมีความเสมอภาคในการแสดงออก







    การอ้างถึงเจตนารมณ์ของประชาชนทั้งที่มิใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ   การไม่เคารพเสียงข้างมากที่ได้ใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้ง  ด้วยการพยายามทุกวิถีทางเพื่อยึดอำนาจจากผู้นำ และรัฐบาลคืนทั้ง ๆ ที่รัฐบาลที่ทำหน้าที่บริหารประเทศอยู่ในเวลานี้นั้น  มาจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  ความพยายามโค่นล้มผู้นำและรัฐบาล   ก็มิได้แตกต่างไปจากความพยายามทำการปฎิวัติ
    ในยุคย้อนอดีตแต่อย่างใดเลย  ภาพของผู้นิยมระบอบเผด็จการกลับสะท้อนให้เห็นเด่นชัด  ใครที่ให้การสนับสนุน  ไม่ว่าจะสวมหมวกแบบใดย่อมยากหลีกเลี่ยงภาพที่ถูกดูดกลืนเข้าไปสู่ระบบการใช้อิทธิพลครอบงำ  การคัดค้าน  การโต้แย้ง อย่างเกินกลไกการปกครอง  ทำให้เกิดคำถามในวันนี้ขึ้นมากับคำว่า





    "  ประชาธิปไตย   " ว่า....

    ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
              ...........ที่เต็มใบหรือยัง.........???"

    จากคุณ : ยี่หร่า@ - [ 1 ส.ค. 49 07:02:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com