CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ....การทูตยุคใหม่....

    การโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปเยือนพม่าโดยไม่มีกำหนดการล่วงหน้า ของบรรดา”นักด่าประจำเมือง” อย่างพรรคประชาธิปัตย์เจ้าเก่า  พันธมิตรเจ้าเดิม  สว.บางคนเดิมๆ นักวิชาการบางท่านก็เดิมๆ  โดยพยายามจะโยงให้เป็นเรื่องที่นายกฯไปเจรจาเรื่องธุรกิจส่วนตัวให้ได้  แม้นายกฯจะออกมาบอกผ่านรายการวิทยุแล้ว  ก็ยังไม่หยุด

    ตอนก่อนที่นายกฯจะบอก  ก็พยายามคาดคั้นให้บอกให้ได้   ครั้นนายกฯบอกแล้ว ก็ดันทะลึ่งไม่เชื่อซะอีก   ความหมายของพวกนี้ก็คือ ต้องให้บอกว่า “เออ..ใช่ว่ะ ผมไปเจรจาเรื่องธุรกิจส่วนตัวจริงแหละ”  มันถึงจะพอใจ

    ก็เหมือน 40 คำถามของนายสนธิวีระบุรุษลวงโลก ที่นายกฯหรือผู้เกี่ยวข้องบอกแล้วบอกอีก ซ้ำซากอยู่อย่างนั้นจนปากจะฉีกถึงหู มันก็ยังอุตส่าห์มาทวงถามเอาคำตอบอีกว่า”เมื่อไหร่จะบอกซะที ว่าเอ็งโกงจริงหรือเปล่า”   เฮ้อ...สงสัยว่าคงพูดกันคนละภาษา  หรือคำๆเดียวที่พวกนี้ต้องการก็คือ..”.เออวะ โกงจริง”

    ปัจจุบัน การเดินทางหรือการติดต่อสื่อสารมันเรื่องกล้วยๆ การไปมาหาสู่ เพื่อพบปะพูดคุยใช้เวลาแค่น้อยนิด  เพราะความทันสมัย เทคโนโยลี่ที่ก้าวล้ำ จึงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด    แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคนั้นคือเรื่องที่จะพูดคุยกันต่างหาก

    พ.ต.ท.ทักษิณบินไปพบผู้นำพม่า ประเภทไปเช้าเย็นกลับ(ชั่วคราว ไม่ค้างคืน ไม่ต้องใช้ผ้าห่ม) เหตุไฉนจึงทำให้คนเหล่านี้ถึงได้เต้นแร้งเต้นกา ตีอกชกหัว ฟูมฟายไม่สมประดีแดไปต่างๆนาๆได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ  มันมีอะไรผิดปกติในสมองพวกนี้หรือเปล่า

    แล้วกรณีนายกฯปากีสถาน บินมากินข้าวกับนายกฯไทย ประเภทบินมาให้เสียว แล้วก็เลี้ยวกลับ ไม่ทราบว่าคนปากีฯเค้าจะคิดอะไรเหมือนคนไทยกลุ่มนี้บ้างไหม นายกฯของเขาบินมาเจรจาธุรกิจส่วนตัวหรือเปล่า

    คงไม่...เพราะวัฒนธรรมการใส่ร้ายป้ายสีของเขายังเจริญสู้เราไม่ได้ ก็คงมีแต่คนไทยพวกนี้แหละ ที่จะบอกว่า นายกฯไทยเรียกนายกฯปากีสถาน มาเจรจาติดต่อธุรกิจส่วนตัวถึงประเทศไทยทีเดียวเชียว

    การเจรจาความเมืองในลักษณะนี้ ชาติอื่นๆ เขาทำกันอย่างนี้มานานแล้ว   เป็นเรื่องปกติธรรมดา เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งโต๊ะเจรจาเป็นทวิภาคี พหุภาคี จตุภาคี หรือเบญจกาลีอะไรทำนองนั้นบ่อยๆ  แค่โทรศัพท์คุยกัน หรือให้เกียรติกันหน่อยไปพบแล้วคุย  เรื่องที่ยากๆมันก็จะง่ายเข้า เรื่องใหญ่จะกลายเป็นเรื่องเล็ก  หัดไปอ่าน”หลักการบริหารของผู้นำที่ประสบความสำเร็จ” ซะบ้าง

    แต่สำหรับนายกรัฐมนตรีของไทย...ทำไมถึงไม่ค่อยจะทำอย่างนั้นหรือ  หรือถ้าจะไปไหนซักที ก็ขนคนไปเป็นโขยง ยกกันไปเป็นขบวน เพื่อเจรจาความเมือง เพราะอะไรล่ะ

    ตอบไม่ยาก...เพราะติดขัดเรื่องภาษานั่นเอง นายกฯไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้ หรือพูดได้แต่ไม่มีทักษะการเจรจาต่อรอง  หรือจะพูดซักที ต้องมีล่ามคอยแปล มันอึดอัด ติดขัด ไม่ได้ดังใจตน  ก็เลยคิดว่า อย่าไปยุ่งกะมันเลย...

    ไล่ดูซิครับ นายกฯไทยที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเองนะ มีกี่คน เริ่มต้นจากพลเอกเปรม พลเอกชาติชาย คุณอานันท์ คุณบรรหาร คุณชวลิตร คุณชวน(2สมัย) คุณทักษิณ  พอเห็นภาพไม๊ครับ...ที่พอจะอวดเขาได้ก็มีพลเอกชาติชาย กับคุณอานันท์เท่านั้น นอกนั้นใบ้รับประทานหมด  เจอฝรั่งเมื่อไหร่...ต้องถามหาพริกกะเกลือทันที

    มันก็ไม่ใช่ความผิดของท่านเหล่านั้น ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้  เพราะเมืองไทยมิใช่เมืองขึ้นของพวกฝรั่งตาน้ำข้าว และเราก็มีภาษาเป็นของเราเอง

    แต่ถ้ามีนายกฯที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ไปไหนก็ไม่ต้องใช้ล่าม ไปคนเดียว ด้วยความมั่นใจ และนำทักษะนี้มาก่อให้เกิดประโยชน์กับบ้านกับเมือง  มันไม่ดีหรือ


    จ  ะ อิ จ ฉ า ต า ร้ อ น กั น ไ ป ถึ ง ไ ห น   พ่ อ เ จ้ า ป ร ะ คู๊ ณ!!!

    จากคุณ : ปลายอ้อกอแขม - [ 6 ส.ค. 49 19:15:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com