ผมเพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องที่ว่าด้วย ทศพิธราชธรรม อย่างจริงจังก็ในวันนี้ พบว่า ถ้ามีการจับหลักธรรมในนี้ออกมาประพฤติ ประเทศก็จะมีแต่ความสงบสุขและก้าวหน้า
ก่อนจะว่ากระไรต่อ ผมขอเอื้อนเอ่ย ถึง ที่มาที่ไปของธรรมในหมวดนี้ก่อน
ข้อมูลนี้มาจาก หนังสือ สมเด็จพระราชาธิบดี รัชกาลที่ 9 เรียบเรียงและรวบรวมเนื้อหาโดย พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ ขอขอบคุณและขออภัยใน ณ ที่นี้ครับ
ความเป็นพระมหากษัตริย์หรือจอมทัพของแผ่นดินนั้น ภายหลังได้น้อมนำเอาหลักศาสนาปกครองอาณาจักรตามยุคสมัย เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความมี ทศพิธราชธรรม อันเป็นหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่แผ่อิทธิพลจนมีความสำคัญมาก ส่งผลให้พระมหากษัตริย์ได้นำมาเป็นหลักปกครองบ้านเมืองให้มั่นคง และสามารถใช้เป็นเครื่องป้องกันการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่อาณาประชาราษฏร์
พระพุทธศาสนาจึงเป็นหลักธรรมสำคัญสำหรับประชาชน ตามที่พระมหากษัตริย์ทรงนับถือและดำรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก พระองค์ทรงรับมาปฏิบัติให้เป็นไปตามทศพิธราชธรรมและบำเพ็ญเป็นราชประเพณีเพื่อครองแผ่นดินหรือประเทศให้มีความมั่นคงและสร้างความร่มเย็นเป็นสุขถ้วนหน้า ทรงเป็น พระมหาธรรมราชา
การที่พระมหากษัตริย์หรือพระประมุขของอาณาจักร สามารถดำรงพระเกียรติยศ แผ่พระเดชานุภาพขจรขจายไพศาลไปทั่วทุกทิศานุทิศนั้นต้องบำเพ็ญพระราชกรณียกิจแห่ง ทศพิธราชธรรม อันเป็นธรรมราชา
ผมยกความของคุณ พลาดิศัย มาแต่เพียงเท่านี้
ดังนี้ผมจะขอเสริมต่อว่า ถ้าราชาใดไม่มีหรือไม่ตั้งอยู่ธรรมนี้ แต่กลับกระทำการตรงกันข้าม ก็จะถูกเรียกขานว่า เป็น ทรราช
ซึ่งปัจจุบันนี้เอามาด่ากันจนเปรอะไปหมด เราต้องแยกให้ออกนะครับ ว่า คนชั้นปกครองทำเลวก็น่าจะเรียกว่า กังฉิน มิใช่ ทรราช อย่างที่เคยเรียกกันมา...
แต่ในปัจจุบันนี้ เมืองไทยได้ปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุข ดังนั้นผู้สนองพระบรมราชโองการหรือ นายกรัฐมนตรี ผู้ที่ทำหน้าที่บริหาร จึงต้องรับ ธรรมนั้นมาสานต่อ เพื่อความสงบแห่งแผ่นดิน
ทศพิธราชธรรม เป็น ชื่อของหมวดธรรม แต่สาระสำคัญและวัตรปฏิบัติต่าง ๆ นั้น เหมาะสมยิ่งแก่นักปกครอง ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องเข้าใจและน้อมใส่เกล้าพร้อมกับนำมาปฏิบัติ
ทศพิธราชธรรม มีดังนี้
1. ทาน ได้แก่ การที่พระราชทานเป็นกำหนด เฉพาะบุคคล คือ การให้
2. ศีล ได้แก่ การที่รักษามารยาท กาย วาจาดีงาม คือ การสังวรกายใจให้สุจริต
3. บริจาค ได้แก่ การที่ทรงบริจาคเป็นสาธารณประโยชน์ คือ การเสียสละ
4. อาชชวะ ได้แก่ พระอัธยาศัยซื่อตรง ดำรงในสุจริตธรรม คือ ความซื่อตรง
5. มัททวะ ได้แก่ พระอัธยาศัยอันละมุนละไม คือ ความอ่อนโยน
6. ตบะ ได้แก่ การที่ทรงขจัดเผาผลาญความชั่ว คือ การทำหน้าที่โดยครบถ้วน ไม่บกพร่องบิดพริ้ว
7. อักโกธะ ได้แก่ การไม่ทรงกริ้วโกรธโดยใช่วิสัย คือ การไม่โกรธ
8. อวิหิงสา ได้แก่ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์
9. ขันติ ได้แก่ การอดทน เช่น อดทนต่อความยากลำบากทั้งปวงทั้งสิ้น
10. อวิโรธนะ ได้แก่ การที่ไม่ผิดจากสิ่งที่ตรงและไม่ยินร้าย คือ การคิดและทำการทั้งปวงโดยปราศจากการนึกถึงตัว
ผู้ปกครองที่มิใช่กษัตริย์ มิควรยึดธรรมหมวดนี้เพราะมันจะเป็นการบังอาจ แต่ควรจะนำธรรมหมวดนี้มาทำตามเป็นข้อ ๆ โดยครบถ้วนกระทงความ เพราะไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ถ้าผู้นำทำตามแผ่นดินก็จะมีแต่รอยยิ้ม ที่ผ่านมายังไม่เห็นว่า มีใครทำได้ ไม่ว่าในประเทศนี้หรือประเทศไหน ๆ แต่หลายประเทศที่เจริญแล้วผมพบว่า เขาได้มีการพยายาม ดังนั้นผมจึงได้แต่หวังว่า ผู้นำผู้บริหารของประเทศเรา จะพยายาม
แต่มิเพียงเท่านี้ การจะปกครองแผ่นดินให้เปี่ยมสุขและสมบูรณ์ยังจะต้องประกอบด้วย สังคหวัตถุ 4 ดังนี้
1. สัสเสเมธัง ความที่ทรงพระปรีชาในการบำรุงธัญญาหารให้บริบูรณ์ในอาณาจักร
2. ปุริสเมธัง ความที่ทรงพระปรีชาในการสงเคราะห์บุรุษ
3. สัมมาปาสัง ความที่ทรงพระปรีชาในอุบายผูกคล้องน้ำใจมนุษย์ให้นิยมยินดี
4. วาจาเปยยัง ความที่ทรงพระปรีชาตรัสวาจาอ่อนหวาน ทำความเป็นที่รักให้เกิดขึ้น
นี่ก็นับว่าสำคัญไม่น้อยครับ โดยเฉพาะข้อที่ 4 วาจาเปยยัง ท่านนายก ทักษิณ ควรน้อมปฏิบัติและแก้ไขอย่างแรง... เพราะแม้ผมจะไม่ชอบท่าน เกลียดท่านมันก็เป็นเรื่องส่วนตัว โดยมีการผิดธรรมข้อนี้ของท่านเป็นตัวตั้ง ถ้าท่านรักษาธรรมข้อนี้ได้เป็นอย่างดี อคติ หลาย ๆ คนที่ชังท่าน คงจะลดลงอย่างมาก
และในสมัยสุโขทัยก็ยังมีแบบแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ที่คาดเดากันว่า พระยาลิไทมหาธรรมราชาเป็นผู้ทรงราชนิพนธ์ยังมีอธิบายต่ออีก
ขออนุญาติ คุณ พลาดิศัย อีกครั้ง เพราะหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง ผมโดนยืมไปแล้วแฮ้ปปปป ดังนั้นขอยึดมาจากหนังสือของท่านครับ
1. ควรพระราชทานโอวาท แก่อันเตปุริกราชนารี พระราชบุตร บุตรีสนมกำนัล ซึ่งนับว่าอันโตชนให้สถิตในกุศลสมาทานและพระราชทานธนสารสมบัติ พัสตราภรณ์ ยศฐานันดรอิสริยศักดิ์ ซึ่งพิทักษ์รักษา ห้ามกันสรรพอุปัทวันตราย และความทรงอนุเคราะห์พลกายด้วย พระราชทานลาภและยศเหมือนอย่างนั้น กับทั้งเบี้ยเลี้ยงและรางวัลมิให้ล่วงกาล
2. ควรทรงผูกไมตรีสมานราชสัมพันธมิตรกับอภิสิทธ์กษัตริย์สามนตราช ด้วยมหัคฆภัณฑ์มงคลบรรณาการ มีคชาสร อัศวชาไนย และ อุดมรัตน เป็นต้น
3. ควรให้พระราชวงศานุวงศ์ ซึ่งนับว่าอนุยันตกษัตริย์ชื่นบานด้วยพระราชทานยานพาหนะตามสมควรแก่อิสริยยศ
4. ควรทรงเกื้อกูลแก่คฤหัสถ์ พราหมณ์ ด้วยเครื่องพรตและไทยธรรม มีข้าวน้ำ ผ้านุ่งห่ม เป็นต้น และอนุเคราะห์คหบดีชนด้วยพระราชทานพืชข้าวปลูกและแอกไถกับทั้งโคกระบือ เครื่องอุดหนุนแก่การนา
5. ควรทรงอนุเคราะห์ประชาชนชาวนิคมชนบทเหมือนอย่างนั้น ให้เลี้ยงชีพเป็นสุขได้ตามวิสัย
6. ควรทรงสักการะสมณะพราหมณ์อาจารย์ ผู้ดำรงในสามัญคุณ พราหมณ์คุณขจัดบาปให้ระงับและลอยเสียจากสันดานด้วยพระราชทานสมณะบริหาร พราหมณ์บริหาร เกื้อกูลธรรมปฏิบัติ
7. ควรทรงจัดให้ มฤค ปักษีชาติ สิ้นความสะดุ้งหวาดเสียวเที่ยวไปมาโดยผาสุกสำราญด้วยพระราชทานอภัย ห้ามไม่ให้ใครเบียดเบียนกระทำอันตราย
8. ควรห้ามชนทั้งหลายไม่ให้กระทำอธรรมมิกกิจ ชักนำให้ตั้งอยู่ในกุศลสุจริตส่วนชอบประกอบการเลี้ยงโดยทางธรรม
9. ชนใดขัดสนไม่มีทรัพย์พอเลี้ยงชีพโดยสัมมาอาชีวะได้ ควรพระราชทานพระราชทรัพย์เจือจานให้เลี้ยงชีพ ไม่ต้องแสวงหาโดยทุจริต
10. ควรเสด็จเข้าไปใกล้สมณพราหมณ์อาจารย์ ผู้สถิตในสามัญคุณ พราหมณ์คุณ ตรัสถามถึงบาปบุญ บาปกุศลา กุศลให้ทราบประจักษ์ชัด
11. ควรทรงตั้งวิรัติห้มจิตไม่ให้เกิดอธรรมราคะ ดำฤษณา ในอาคมนียสถาน
12. ควรทรงประหารวิสมโลภเจตนา ห้ามจิตไม่ให้ปรารถนาลาภที่ไม่ควรจะได้
เหล่านี้เรียกว่า จักรวัติวัตร 12 ประการ
นอกจากการมีจักรวัติวัตร 12 แล้ว ยังมีหลักธรรมของพระมหาจักพรรดิราช ใช้สั่งสอนท้าวพระยามหากษัตริย์ทั้งหลาย ได้นำไปใช้เป็นหลักในการปกครองอีก ดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วงว่า
1. ให้รักประชาชนผู้อยู่ใต้ปกครองอย่างเสมอหน้ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็นคนระดับใด
2. ให้ผู้ปกครองคือท้าวพระยาทั้งหลายยึดมั่นในธรรม มีหิริโอตัปปะและดำเนินการปกครอง ตัดสินข้อพิพาทของประชาชนอย่างเที่ยงธรรม
3. เรียกเก็บผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวได้ 1 ใน 10 และถ้าการเก็บเกี่ยวไม่ได้ผลก็ไม่ควรเรียกเก็บ
4. เรียกเกณฑ์แรงงานแต่พอควร อย่าให้เกินกำลัง ยกเว้นการเกณฑ์แรงงานแก่คนชรา และต้องแบ่งปันข้าวปลาอาหารแก่ไพร่พลที่เกณฑ์มาให้พอกินพอใช้
5. ไม่ควรเก็บภาษีสินส่วนจากราษฏรเพิ่มขึ้นเพราะจะเป็นตัวอย่างเป็นธรรมเนียมที่ผู้ปกครองคนต่อ ๆ ไปถือเอาเป็นแบบอย่าง
6. ผู้ปกครองควรสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลพ่อค้าประชาชน โดยไม่คิดผลประโยชน์ตอบแทนมากไปกว่าที่ได้ช่วยเหลือไป
7. ผู้ปกครองควรชุบเลี้ยงข้าราชสำนักให้สุขสบายโดยไม่เสียดาย
8. ผู้ปกครองควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่ลืมตน ให้คำนึงถึงความชอบธรรม บังคับคดีความด้วยความยุติธรรม
9. ผู้ปกครองควรเลี้ยงดูรักษาสมณพราหมณ์ นักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้รู้ธรรมและปรึกษาผู้รู้อยู่เสมอ
10. ผู้ปกครองควรให้สิ่งตอบแทนบำเหน็จรางวัล แก่ผู้ทำความดีมากน้อยตามประโยชน์ที่เขานำมาให้
ขนาด หลักธรรมในทศพิธราชธรรมยังปฏิบัติตามให้ครบก็ยาก และยิ่งเพิ่มตรงด้วยยิ่งยากเข้าไปอีกทบทวี แต่เพียงผู้นำมีใจที่จะทำ แผ่นดินก็จะเป็นสุข
แต่ใด ๆ ผมมีความสุขที่ได้ถือกำเนิดเกิดมาในพระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะเมื่อศึกษาแล้ว ไม่เพียงแต่ทศพิธราชธรรม 10 สังคหวัตถุ 4 จักรวัติราชธรรม 12 มหาจักพรรดิราชธรรม 10 พระองค์ท่านก็ยังเจริญวัตรเป็นพระราชกิจได้อย่างมิบกพร่องแม้แต่ข้อเดียว
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและขอให้พระบารมีของพระองค์แผ่ไปทั้งสิบทิศด้วยเทอญ....
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
จากคุณ :
ShowyPower
- [
วันรพี 21:06:55
]