ความคิดเห็นที่ 27
นี่ก็ฝากไปด้วยครับ
เขียนโดย วิษณุ บุญมารัตน์ Tuesday, 22 March 2005
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ เป็นความในใจที่ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมกันรับทราบ ผู้เขียนเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาเกือบสิบปี ทำงานให้พรรคไม่ได้เงินเดือนโดยทางพรรคอ้างว่าทำงานเพื่ออุดมการณ์ (Ideology) ต้องใช้เงินของตนเองทำงานให้พรรค จึงพบว่าโครงสร้างของพรรคชอบหลอกใช้นักวิชาการ เพราะเงินทุนที่มีนายทุนพรรคให้มาแกนนำจะเก็บไว้เพื่อใช้จ่ายตอนหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระหว่างที่ผู้เขียนอยู่ที่พรรคจึงไม่มีเงินใช้จนต้องยืมเงินเพื่อนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นชีวิตที่ต่ำค่ากว่าชนชั้นกรรมาชีพ (Proletariat) เสียอีก
มาวันหนึ่งผู้เขียนได้พบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ตอนนั้น) โดยบอกว่า "อาจารย์ครับผมทำงานรับใช้พรรคมาหลาย 10 ปี ผมไม่มีเงินกินข้าวครับ" ซึ่งอาจารย์อภิสิทธิ์ก็บอกว่าจะดูให้ หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปจนผู้เขียนได้มารู้จักอดีตผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ ดร. วุฒิชัย พรรณเชษฐ์ ก็ช่วยงานต่างๆ ในคณะทำงานของพรรค เมื่อมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่โดยได้นาย บัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค นายประดิษฐ์ ได้ตั้งศูนย์ RDI (ศูนย์ข้อมูลของพรรค) แล้วแต่งตั้ง ดร.วุฒิชัย พรรณเชษฐ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ได้เงินเดือน 50,000 บาท รับเด็กจบปริญญาโทมาช่วยงานให้เงินเดือน 18,000 บาท แต่ ดร.วุฒิชัย กลับมาบอกกับผู้เขียนว่าให้มาช่วยศูนย์ RDI โดยไม่มีเงินให้ทั้งที่ผู้เขียนจบปริญญาโท จุฬาฯ มาแล้วทำงานให้พรรค 10 ปี อย่างนี้แล้วจะมีใครอยากมาช่วยหรือทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์อีกเพราะเอาเปรียบและขูดรีดแรงงาน (Exploitation of Labor) กันเหลือเกิน
ในระหว่างนั้น ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็ได้โทรศัพท์มาหาผู้เขียน แล้วชวนผู้เขียนให้ไปเป็นผู้ช่วย ส.ส. โดยได้รับเงินเดือน 7,780 บาท ซึ่งทำให้ผู้เขียนดีใจมากเพราะจะได้มีรายได้ผู้เขียนจึงได้ทำงานกับ ดร. เอนก ซึ่งได้รับความรู้ทางวิชา รวมทั้งความเป็นนายที่ดีให้กับลูกน้อง เพราะมีอะไรก็บอกกล่าวหรือแนะนำ ช่วงนั้นผู้เขียนก็เริ่มเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันหนึ่งผู้เขียนได้เขียนบทความทางวิชาการเรื่องประชาธิปัตย์ขาลง ซึ่งเป็นการเขียนอย่างตรงไปตรงมาตามหลักวิชาการตอนนั้น ดร. เอนก ย้ายออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นหัวหน้าพรรคมหาชนแล้ว แต่ผู้เขียนยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างบทความนี้ออกมา นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ท่านก็ได้ฝากให้ผู้เขียนไปเป็นผู้ชำนาญการ ส.ส. กับดร. วิชัย ตันศิริ ซึ่งผู้ชำนาญการ ส.ส. จะได้เงินเดือน 15,000 บาท เพราะนาย สัมพันธ์ เห็นผมทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่แต่ เมื่อผู้เขียนไปหา ดร. วิชัย ตันศิริ ท่านกลับไม่รับเข้าเป็นผู้ชำนาญการ เพราะเขียนบทความเรื่องประชาธิปัตย์ขาลง
ดร.วิชัย ตันศิริ กล่าวหาผู้เขียนว่ารับเงินจากพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือว่าเป็นการดูถูกผู้เขียนและผู้อ่านมากผู้เขียนขอยืนยันความบริสุทธิ เพราะเงินในบัญชีของผู้เขียนก็มีน้อยมาก ทุกวันยังขึ้นรถเมล์อยู่เลย หรือทาง ส.ส. บางคนของพรรคประชาธิปัตย์เคยทำแล้วสรุปว่าทุกคนจะต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าผู้อ่านที่เคยอ่านบทความต่างๆของผู้เขียนจะเห็นว่าล้วนแต่เขียนตรงไปตรงมาตามข้อมูลที่มีเพราะปัจจุบันผู้อ่านมีความรู้มาก ไม่สามารถยกเมฆมาพูดได้แล้ว
ผู้เขียนได้โทรศัพท์ไปขอคำแนะนำจาก ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่ง ดร. เอนกเห็นว่า ดร. วิชัย ตันศิริ ทำไม่ถูก ลูกน้องทำงานให้เต็มที่แต่ก็ไม่เคยดูแล แล้วซ้ำยังเอาเปรียบลูกน้องแล้วอย่างนี้จะเป็นนักการเมืองได้อย่างไร ดร. เอนก ได้ให้คำแนะนำกับผู้เขียนว่าควรออกมาทำงานนอกพรรคประชาธิปัตย์ได้แล้ว ทำให้ผู้เขียนได้เห็นแสงสว่างจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันพุธที่ 9 มีนาคม 2548 ซึ่งเป็นวันตรงกับการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร แม้ผู้เขียนได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว แต่ยังมีความพยายามจากดร.วุฒิชัย พรรณเชษฐ์ ที่กำลังเตรียมตัวที่จะลงสมัครนายกนครซึ่งกำลังจะมีการจัดตั้ง ได้ล็อบบี้ผู้เขียนให้เขียนบทความเชียร์พรรคทั้งๆ ที่ทราบแล้วว่าคอลัมนิสต์ที่ต้องวางตัวเป็นกลาง และมีอิสระทางความคิด นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และพยายามโน้มน้าวให้ผู้เขียนทรยศต่อวิชาชีพและประชาชนหรือผู้อ่าน ปัจจุบันนี้ผู้เขียนได้อำลาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาทำหน้าที่สอนหนังสือรวมทั้งเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือไทยโพสต์ บ้านเมือง โลกวันนี้ และขอขอบพระคุณ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายธีระ สลักเพชร ที่มีบุญคุณให้การดูแลผู้เขียนเมื่อครั้งอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เขียนจะนำประสบการณ์ที่ ส.ส. บางคนของพรรค เช่น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ หลอกใช้นักวิชาการและประชาชนไปสอนให้กับนักศึกษาได้รับรู้ว่าสถาบันทางการเมืองที่ดีที่สุด แต่มี ส.ส.ปชป บางคนที่ชั่วที่สุด เพื่อผู้เขียนนำเป็นบทเรียนไปสอนแก่นักศึกษาในระดับปริญญาตรี และโทต่อไป
ขออภัยที่ผู้เขียนต้องพูดความจริง (Truth) เพราะความจริงเป็นสิ่งแหลมคมที่สังคมต้องรับรู้ รวมทั้งขออโหสิในสิ่งที่คนในพรรคประชาธิปัตย์บางคนได้ทำไว้กับผู้เขียน อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันต่อไปอีกเลย และขอเป็นนักวิชาการคนสุดท้ายที่ถูกหลอก รวมทั้งเป็นบทเรียนให้กับสังคมด้วย
ที่มา : นสพ.บ้านเมือง หน้า 5 ฉ.วันอังคารที่ 22 มี.ค. 2548
จากคุณ :
chiangraiplus
- [
11 ส.ค. 49 21:10:27
]
|
|
|