ความคิดเห็นที่ 1 นี่ก็ใช่อีกกรณี....ครับ.. .......................................................................... - นสพ.คม-ชัด-ลึก วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2549 http://www.komchadluek.net/2006/08/12/a001_36992.php?news_id=36992 หลวงตาบัวห้ามทองก้อนเกี่ยวข้องวัดปมครอบครัว   หลังจากที่มีข่าวว่านายทองก้อน วงศ์สมุทร ลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน ถูกให้ออกจากวัดด้วยเหตุมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อติดตามข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ให้นายทองก้อน วงศ์สมุทร ศิษย์เอกพ้นจากวัด เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางประการ โดยบรรยากาศที่วัดกำลังมีการตั้งเต็นท์ทำโรงทาน ของเหล่าศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (12 สิงหาคม) จะมีการจัดทอดผ้าป่าช่วยชาติจากคณะศิษย์ทั่วประเทศ และเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 93 ของหลวงตามหาบัว พระลูกวัดที่ทำหน้าที่ดูแลภายในวัด เล่าว่า เรื่องที่มีข่าวออกมาว่า หลวงตามหาบัวได้ให้นายทองก้อนพ้นจากวัดป่าบ้านตาดนั้น ข้อเท็จจริงคือ หลวงตาคงจะไม่ให้นายทองก้อนเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในวัดสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเมื่อประมาณช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายทองก้อนมีปัญหาเรื่องครอบครัวและเกี่ยวเนื่องกับผู้หญิงที่มาทำงานที่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นสถานีวิทยุที่กระจายเสียงเทศน์ของหลวงตาทุกวัน โดยเป็นปัญหาของครอบครัวเรื่องของทางโลก ซึ่งหลวงตามักจะเทศน์สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาในเรื่องนี้เป็นประจำ "เมื่อหลวงตาท่านทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายทองก้อน หลวงตาก็ได้พูดฝากกับพระรูปอื่นไปบอกว่า อย่าเข้ามาข้องเกี่ยวกับทางวัด เรื่องของทางโลกต้องอยู่ภายนอก ส่วนในวัดเป็นเรื่องทางธรรม ต้องให้ออกไปเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อย เพื่อทางวัดจะได้ไม่เสื่อมเสียไปด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นหลายฝ่ายเกรงว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของวัด ที่ลูกศิษย์หลวงตาถวายมาบุญมานั้น ถึงแม้ที่ผ่านมานายทองก้อนจะเป็นลูกศิษย์ที่สนิทกับหลวงตา แต่ในเรื่องเงินทองนั้น นายทองก้อนไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด โดยเงินทองทุกบาททุกสตางค์ หลวงตาจะเป็นผู้ดูแล แต่เพียงผู้เดียว นายทองก้อนหรือใคร ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้" พระรูปเดิม ยังบอกอีกว่า หากนายทองก้อนจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้ และเมื่อแก้ไขเรียบร้อย หากเข้ามากราบขอขมาหลวงตา ท่านอาจจะยกโทษให้ แต่ว่าจะได้เข้ามาร่วมงานหรือยุ่งเกี่ยวในวันอีกหรือไป ต้องให้หลวงตาท่านเป็นผู้ตัดสินใจเท่านั้น นายทองก้อน วงศ์สมุทร เป็นที่รู้จักในนามศิษย์ใกล้ชิดของหลวงตามหาบัวเป็นแกนนำในกิจกรรมต่างๆ ของวัดป่าบ้านตาด ตลอดจนการออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ รวมทั้งไปขึ้นเวทีปราศรัยขับไล่นายกฯ ทักษิณร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย .................................................................................................. - นสพ.แนวหน้า ปีที่ 27 ฉบับที่ 9270 วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2549 http://www.naewna.com/news.asp?ID=20894 ตาบัวเฉดหัวทองก้อนพ้นวัด รับไม่ได้ทำอื้อฉาวกับ"สีกา" หลังจากมีข่าวว่า นายทองก้อน วงศ์สมุทร ลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน ถูกให้ออกจากวัด ด้วยเหตุมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 5สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดเกษรศีลคุณ(วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยพระลูกวัดองค์หนึ่ง(สงวนนาม) ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัด กล่าวว่า ข่าวเรื่องหลวงตามหาบัว ให้นายทองก้อน พ้นจากวัดบ้านตาดนั้น ข้อเท็จจริง คือ หลวงตาไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในวัดมาสักระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายทองก้อน มีปัญหาทางครอบครัวและเกี่ยวเนื่องกับผู้หญิง ที่มาทำงานที่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นสถานีวิทยุที่กระจายเสียงเทศน์ของหลวงตาทุกวัน โดยเป็นปัญหาของครอบครัวเป็นเรื่องของทางโลก ทั้งที่หลวงตามักจะเทศน์สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาในเรื่องนี้เป็นประจำ "เมื่อหลวงตาท่านทราบปัญหาของ นายทองก้อน จึงพูดฝากพระรูปอื่นไปบอกว่า อย่าเข้ามาข้องเกี่ยวกับทางวัด เรื่องของทางโลกต้องอยู่ภายนอก ส่วนในวัดเป็นเรื่องทางธรรม ต้องให้ออกไปเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อย เพื่อทางวัดจะได้ไม่เสื่อมเสียไปด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นหลายฝ่ายเกรงว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆของวัด ทั้งที่ เรื่องเงินทองนั้น นายทองก้อน ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ โดยเงินทองทุกบาททุกสตางค์ หลวงตาจะเป็นผู้ดูแลเพียงผู้เดียว " พระผู้ดูแลวัด กล่าวและว่า หาก นายทองก้อน จัดการปัญหาเรื่องนี้ได้และเข้ามากราบขอขมาหลวงตา หลวงตาอาจจะยกโทษให้ แต่จะได้เข้ามาร่วมงานในวันอีกหรือไม่ ต้องให้หลวงตา เป็นผู้ตัดสินใจเท่านั้น ต่อมา ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยัง นายทองก้อน เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งทราบแต่เพียงว่าขณะนี้เจ้าตัวได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ อนึ่ง นายทองก้อน เป็นที่รู้จักในนามศิษย์ใกล้ชิดของหลวงตามหาบัว เป็นแกนนำในกิจกรรมต่างๆของวัดป่าบ้านตาด ตลอดจนการออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ รวมทั้งไปขึ้นเวทีปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย . จากคุณ : eaglenews - [ 13 ส.ค. 49 19:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บอกตรงๆ ว่าเราเองก็สงสัยการนำเสนอข่าวของสื่อไม่นานนี้ เริ่มจับผิดสังเกตได้จากกรณีข่าวของสมัครที่ไปพูดทาง 105 ที่สงสัยก็คือว่า สมัครพูดกับ 105 มานานเป็นเดือน ไปออกช่อง 11 ก็ไม่มีสื่อไหนพูดถึงเลย กระทั่งวันที่สมัครพูดถึงเรื่องจ๊อกกี้ แข่งม้า+แข่งหมา วันรุ่งขึ้น สื่อลงกันแทบทุกฉบับ (ที่บ้านรับ 3 ฉบับลงหมด) และเขียนไปในทำนองเดียวกันว่าเขาไปแตะต้องป๋า ตอนนั้นเราคิดว่าคงเป็นความบังเอิญ ก็รอดูวันที่สมัครพูดวันอื่นอีก ก็ไม่เห็นมีสื่อไหนจะเอามานำเสนอข่าวอีกเลย ซึ่งก่อนหน้าข่าวดังกล่าว ก็ยังมีเรื่องที่สมัครพูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หลังจากที่นายกได้พูดไปแล้วนั้น วันรุ่งขึ้นสื่อก็เอาเรื่องที่สมัครพูด ซึ่งพูดในเชิงสนับสนุน เอามาลงข่าวแทบทุกฉบับเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาเราก็เริ่มสงสัย แต่ไม่รู้จะถามใครได้ว่า กรณีสมัคร ทำไมถึงพร้อมใจกันไม่นำเสนอข่าวก่อนหน้านั้น แต่พอเขาพูดพาดพิงไปถึงคนๆ หนึ่ง สื่อก็พร้อมใจกันลงในวันถัดมา เหมือนเป็นการนัดแนะ หรือแหล่งข่าวมาจากที่เดียวกัน และต้องการเล่นประเด็นให้คนเขาทะเลาะกันอย่างนั้น แต่โชคดีที่การพูดถึงบุคคลดังกล่าวในครั้งนี้ ไม่มีใครตบเท้าไล่สมัครเหมือนครั้งก่อน หมายเหตุ ที่ตั้งข้อสังเกตกรณีสมัคร เพราะมันผิดปกติเกินไป ทำไมนักข่าวถึงต้องมานั่งฟังเขาพูดวันเดียวกัน แล้ววันที่เขาพูดวันอื่นๆ ไม่มีนักข่าวคนใดฟังเลยหรือ ถึงไม่ได้นำสิ่งที่เขาพูดมาเป็นข่าว ทั้งที่เรื่องอื่นๆ ก็น่าสนใจ แต่บทจะเอามาลงเป็นข่าว ก็ดั๊นต้องเป็นวันเดียวกันเรื่องเดียวกันอีกต่างหาก ซึ่งตามธรรมชาติของนักข่าว ต่างแข่งกันทำข่าวจะตาย ไม่น่าจะมีใจตรงกันขนาดนี้ได้ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 49 20:24:11 จากคุณ : TSC - [ 13 ส.ค. 49 20:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงนี้ บก เขาน่าจะมีการลงขัน ข่าว เพื่อประหยัดต้นทุน ข่าวบางกลุ่มได้ข่าวแล้วก็ส่งต่อๆๆ กัน ยิ่งข่าวนายก จะด่าออกมาแนวๆเดียวกันหมด มันน่าจะเตี้ยมมาแล้ว จากคุณ : เด็กโง่โง่ - [ 13 ส.ค. 49 20:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะเล่าประสบการณ์ตรงของผมที่ได้เจอผู้สื่อข่าวท้องถิ่นให้ฟัง สมัยก่อนเคยเปิดร้านอินเตอร์เน็ตที่ต่างจังหวัด(ไม่มีเกมส์) ทุกเย็นจะมีนักข่าวท้องถิ่นมาให้ส่งแฟกซ์+สแกนภาพ+e-mail เพื่อรายงานข่าวมาที่กรุงเทพเป็นประจำทุกวัน ข่าวเดียวกัน แต่ส่งถึงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ แต่จะแยกภาพเพื่อไม่ให้เหมือนกัน ก็คือ ทำงานให้ นสพ.A แต่รับพิเศษจาก นสพ.B นสพ.C จากคุณ : ความเชื่อเฉพาะบุคคล - [ 13 ส.ค. 49 20:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคุณเคยทำงานกับสื่อ คุณจะทราบได้ว่า นักข่าวนั้นไม่ใช่คนเขียนข่าวลงหนังสือโดยตรง ระบบการทำงานของฝ่ายขายจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. นักข่าวจะประจำตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ และรายงานข่าวเข้ามายังสำนักข่าวของตน 2. เมื่อสำนักข่าวได้รับข่าวแล้ว ชิ้นข่าวนั้นจะถูกส่งไปยังคนที่ทำหน้าที่ re-writer หรือผู้เขียนข่าวและลำดับข่าว 3. Re-writer จะส่งข่าวที่เขียนเสร็จไปให้หัวหน้าข่าว หรือบก.ข่าว 4. บก.ข่าวจะอ่านข่าวแล้วแก้ไขบางส่วน ก่อนอนุมัติให้ลงพิมพ์ได้ 5. ข่าวชิ้นนั้นจะถูกส่งต่อไปยังกลุ่มคนที่เรีกยว่า "พิสูจน์อักษร" ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้ภาษาและคำสะกดต่างๆ 6. เมื่อข่าวได้รับการตรวจสอบ แก้ไข และอนุมัติแล้ว ข่าวชิ้นนั้นจะถูกส่งต่อไปให้ ฝ่ายศิลป์เพื่อจัด Lay ข่าวลงตามหน้าต่างๆ เพื่อเอาไปทำ Plate ก่อนส่งโรงพิมพ์ 7. โรงพิมพ์ได้รับ Pkate แล้วก็จะเข้าเครื่องพิมพ์ เพื่อพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือพิมพ์ แล้วจัดส่งไปตามจุดขายต่างๆ นักข่าวส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้เขียนข่าวเอง ด้งนั้นข่างที่ออกมาตีพิมพ์ จึงเป็นความรับผิดชอบของ Re-Writer กับบก.ข่าว ว่า จะให้ข่าวออกมาในรูปแบบไหน นักข่าวสมัยนี้ ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Notebook กันอย่างแพร่หลาย บางคนก็ฉลาดมาก เพราะขี้เกียจเขียนข่าวส่งกลับไปสำนักข่าว ก็เลยของ copy จากเพื่อนักข่าวต่างสำนักพิมพ์ แล้วส่งเข้าสำนักข่าวผ่านอินเตอร์เน็ต นี่แหละครับ คือขั้นตอนในการทำข่าว ... พิจารณาเองนะครับว่า อะไรเกิดขึ้น และเกิดขึ้นอย่างไร จากคุณ : ศิลาแรง - [ 13 ส.ค. 49 20:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่แตกต่าง  นี้ก็ชั่วระดับทองคำ นั้นก็ชั่วระดับทองคำ ฝ่ายค้าน -----------------------------> ลอกนโยบาย สื่อ และพัธมิตร ----------------------> ลอกข้อมูล จากคุณ : โคถึก (Home TH.) - [ 13 ส.ค. 49 20:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องการลอกข่าวกันนั้นคงไม่ผิด คงเป็นจรรยาบรรณของ นสพ.ไทยอยู่แล้ว แต่ที่ทำผิดทั้งจรรยาบรรณ จริยาธรรม มโนธรรม ก็คือไม่เห็นมีหน้าไหนอ้างที่มาของข่าวสักราย เป็นเรื่องอิสระเสรีสุดขีดของวงการ นสพ.ไทย จากคุณ : เทพีวีนัส - [ 13 ส.ค. 49 20:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่แน่ๆผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ภาษาต่างด้าวขายตัวเกือบทุกคน..แก้ข่าวก่อนส่งเข้าโรงพิมพ์ พอถึงโรงพิมพ์ คนมีหน้าที่แปลก็แปลไปตามนั้นโดยไม่รู้ว่าข่าวได้ถูกบิดเบือนไปเรียบร้อยแล้ว..นี่คือความจริง จากคุณ : RedR - [ 13 ส.ค. 49 20:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้าว..ว คาหนังคาเขา...นึกว่าฉบับใครฉบับมัน  เนื่อหาแตกต่างกัน  อน่างนี้ซ้อฉบับไหนก๊เหมือนกัน ใครทำงาน นสพ. ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ....มิน่าทำไมข่าวถีงได้เป็นแนวเดียวกันหมด...จะมาครอบงำกันอย่างนี้ พวกกรูไม่ได้โง่น่ะว้อยย จากคุณ : Navamintr (Navamintr) - [ 13 ส.ค. 49 20:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคสนี้ผมว่ามีสิทธิ อย่างที่ จขกท ว่าครับ ยิ่งดูชื่อสำนักแล้ว มันก็ก๊วนเดียวกันด้วยนี่ จากคุณ : Area51 - [ 13 ส.ค. 49 20:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนเรียนหนังสือ ชอบลอกการบ้าน  ตอนสอบ  ลอกข้อสอบ  ตอนทำงาน ลอกใครก็ได้ กรูไม่รู้ กรูไม่สน ส่งๆไป จากคุณ : honey burst - [ 13 ส.ค. 49 21:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพราะเหตุผลที่มีการฮั้วกันประโคมข่าว ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น โดยส่วนตัวแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่นายกจะมองสื่อ ออกมาเช่นนี้..ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ในรายการ นายกฯทักษิณคุยกับประชาชนทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่า การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนไทยต้องเข้าหาแหล่งข้อมูล พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องกาลามาสูตร ไม่ให้เชื่อใครง่ายๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือว่าเราไม่มีข้อมูลอะไร ใครพูดอะไร บางทีคนพูดเก่งก็ไปเชื่อ "ผมก็เลยบอกว่าน่าเสียดาย ผมคิดว่าระบบข้อมูลนี่จะทำให้คนมีความเข้าใจ มีความรู้อะไรดีขึ้น เพราะน่าเสียดายคนกรุงเทพฯบางคนที่มีการศึกษา อันนี้ผมพูดอย่างนี้ บางคนที่มีการศึกษายังไปเชื่อคนซึ่งไม่ค่อยดี พูดอะไรเลอะเทอะ อันนี้ผมก็พูดแค่สั้นๆ ผมเสียใจจริงๆ สื่อหลายฉบับ โดยเฉพาะฉบับขาประจำ ก็มาเขียนว่า ผมว่าคนกรุงเทพฯ ผมบอกว่าขนาดคนอยู่กรุงเทพฯ คนเรียนหนังสือดี บางคนไปเชื่อน่าจะตรวจสอบข้อมูลก่อน จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องหนี้สิน ไม่ได้ดูตัวเลข ไม่ได้ดูอะไรเลย ไปเชื่อคนที่ยุยงปลุกปั่น" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เวลานี้ทำอะไรก็ถูกว่าหมด เลยต้องระวัง พูดอะไร ทำอะไรก็ถูกกล่าวหาไปหมด มันเป็นเรื่องที่ลำบากใจ แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เคารพประชาชน ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ "ผมขอเล่าให้ฟังว่า บางทีส่วนนี้ ผมไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมกับสื่อบางฉบับ หรือบางคอลัมน์ บางฉบับก็ดี แต่บางคอลัมน์แย่ เพราะเป็นขาประจำ ผมเลยทำอะไรผิดหมด ซึ่งต้องขอร้องว่าช่วยกรุณาให้ความเป็นธรรม ไม่ต้องเชียร์ไม่ต้องชม แต่ขอให้เป็นกลาง" จากคุณ : eaglenews - [ 13 ส.ค. 49 21:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นักข่าวไทยหากคนไหน"ทำข่าวเดี่ยว"เพื่อนจะไม่คบ ดังนั้น นักข่าวประจำกระทรวง ทบวง หรือนักการเมืองจะต้อง"ทำข่าวกลุ่ม" คือเมื่อฟังสัมภาษณ์หรือมีเหตุการณ์ใด นักข่าวคนใดเขียนก็จะสำเนาให้เพื่อในกลุ่มทั้งหมดแล้วส่งเข้าโรงพิมพ์  ทางRe-writerในโรงพิมพ์แต่ละแห่งจะขัดเกลาข่าวอีกที  แต่ทุกๆข่าวจะมาจากคนเขียน คนพิมพ์แหล่งเดียวกัน  น้อยรายที่จะทำข่าว"สืบสวน[Investigated News]"ได้ เราจึงจะพบว่าทุกๆ นสพ. สาระของข่าวจะเหมือนกัน ไปในทิศทางเดียวกัน  เมื่อข่าวใดผิดก็จะ"ผิดเหมือนกัน" การลอกข่าวอย่างนี้มีจุดด้อยอย่างมากที่ตรงที่ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อของ"นักปล่อยข่าว" จะเห็นว่าบ่อยครั้งมีข่าวโจมตีคนโน้นคนนี้ หรือข่าวปล่อยทดสอบทัศนคติของสังคมหรือโยนหินถามทาง   สื่อ นสพ.เกือบทั้งหมดจะลงข่าวปล่อยนี้เหมือนกันหมด   ผู้อ่านหลายท่านไม่ทราบกระบวนการที่มาของข่าว ถึงกับเถียงกันว่าใครว่าข่าวนั้นไม่จริงได้อย่างไร ในเมื่อหนังสือพิมพ์ลงเหมือนกันทุกฉบับ หากไม่จริงก็คงจะลงเพียงฉบับเดียว ก้อ--จะไม่เหมือนกันยังไงล่ะ เมื่อ"ลอกกันมา"ทั้งดุ้น!!   ต่อมาพวกรายการอ่านข่าวทางวิทยุและโทรทัศน์ก็ลงทุนมาก คือเพียงแต่ใช้เงินซื้อ นสพ.กรอบเช้า-กรอบบ่ายสัก ๔-๕ ฉบับมานั่งอ่านเล่าข่าวต่อ  ข่าวที่ลอกกันมาหรือปล่อยกันมาตั้งแต่แรก  ก็ถูกนักเล่าข่าววิทยุ-ทีวีมาอ่านถ่ายทอดต่อ  หากข่าวผิด-ข่าวปล่อยก็กลายเป็นข่าวผิด-ข่าวปล่อยที่เป็นจริงล่ะ เพราะผ่านมาหลายสื่อเหลือเกิน  สำคัญก็คือข่าวเหล่านั้นมี www.สื่อหลายฉบับมาย่อเป็น Breaking News ส่งผ่าน SMS มือถือไปยังสมาชิก ส่งผ่าน www.Pantip และ www.อื่นๆ  แล้วยังเป็นข่าวใน wwwของสื่อนั้นๆด้วย ที่สำคัญก็คือสื่อต่างชาติประเภทมักง่ายก็ซื้อ นสพ.ภาษาอังกฤษหรือก็อปปี้นักข่าวไทยส่งกลับบ้านตัวเองอีกที ดูกระบวนดำเนินการแล้วเห็นว่าคุณภาพข่าวของสื่อไทยไต่เส้นลวดอันตรายกับคำว่า"คุณภาพ"และ"บิดเบือน"มากที่สุด  เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อจนถึงรุ่นหลานยังไม่เปลี่ยนแปลงกระบวนการ  ที่เปลี่ยนไปบ้างเพียงวิธีการที่ยุคโบราณนักข่าวมาสุมหัวกันเขียน แต่ยุคนี้เขียนใส่ Laptop แล้วสำเนาให้ทุกคนแทน เพราะกระบวนข่าวทำกันอย่างนี้  คนที่เล่นกับข่าวเป็นของบริหารนักข่าวและคุมทิศทางข่าวได้  แต่คนที่เล่นไม่เป็นกลายเป็นยักษ์มารไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด       ดูคุณบรรหารเป็นตัวอย่าง  สมัยโบราณ ๒๐ กว่าปีก่อนมีภาพลักษณ์เป็นจอมหาผลประโยชน์ เป็นฝ่ายค้านไม่ได้จะอดยากปากแห้ง  แต่ปัจจุบันรู้จักบริหารสื่อภาพกลายเป็นผู้ใหญ่ใจดี เปิดบ้านแถลงข่าวทุกวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่สื่อขาดข่าว ทั่นบรรหารจอมโกงกำลังกลายเป็นนักบุญตัวเลือกตาอยู่นายกฯคนต่อไปซะแล้ว          ส่วนนายกฯทักษิณ ที่รู้ทันสื่อและเคยบริหารสื่อได้ยอดเยี่ยมคนหนึ่งตั้งแต่ทำธุรกิจจนทำงานการเมือง   แต่มาช่วงหลังมีปัญหาผลประโยชน์เอื้อกันไม่ลงตัวและธรรมชาติของรัฐบาลที่อยู่ยาวนานจะต้องถูกสื่อไล่  จึงกลายเป็นสัมพันธที่ห่างเหินกับสื่อ            แต่ที่ต้องยอมรับก็คือยุคนายกฯทักษิณ สื่อไทยทุกแขนงมีเสรีภาพมากที่สุด ชนิดที่ด่านายกฯได้ทุกเรื่อง ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายสถุลก็ยังไม่เป็นไร             ที่น่าคิดก็คือ- ๑.สามารถร้องเรียน สคบ.เรื่องสื่อฮั้วข่าว,ลอกข่าวกันทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบไม่ได้ทราบมุมมองด้านอื่นของข่าว น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างหนึ่ง ๒.สื่อ นสพ.ฟ้องร้องนักเล่าข่าววิทยุ-ที วี ละเมิดลิขสิทธิที่เอาข่าวมาอ่านเล่าสดวกสบายได้เงินเดือนละหลายสิบล้าน จะเป็นการบีบให้รายการเล่าข่าวมีพัฒนาการจัดทำข่าวและสารคดีเองเหมือนของ บี บี ซี หรือเสียงอเมริกาอันเป็นคุโณปการแก่วงการสื่อไทยด้วย .........เอวัง เมื่อยมือครับ จากคุณ : กุษาณ - [ 13 ส.ค. 49 21:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยสงสัยเหมือนกัน  ในเมื่อต่างคนต่างส่งนักข่าวไปหาข่าว แต่ไง...ทุกคนเขียนออกมาเหมือนกันเป๊ะ....(ฮา)...... จากคุณ : กระบี่ไร้พ่าย - [ 13 ส.ค. 49 22:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เค้าเลิกรับสื่อสิ่งพิมพ์กันแล้ว  หันมารับสื่อทางด้านอินเตอร์เน็ตจะดีกว่าชัวกว่ากว้างไกลกว่าและข่าวแน่นอนกว่าไม่มีบิดเบือนหรือหากจะบิดเบื่อนก็ยังมีข่าวจากอีกหลายๆแหล่งให้ติดตามค้นหาแถมยังโต้ตอบได้ด้วยอีกต่างหาก จากคุณ : เกลอแก้ว - [ 13 ส.ค. 49 22:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ติดนิสัย ลอกๆ กันมา คิดเองไม่เป็น พอมีคนที่ คิดเอง คิดใหม่ ทำใหม่ ก้าวหน้ากว่า ก็อิจฉา ตาร้อนไปตามเรื่องตามราว คนเก่งน่ะ เขาไม่กลัวคนอื่นลอกหรอกครับ เขาก็คิดใหม่ ไปได้เรื่อยๆ คนลอก ก็ได้แต่ตามหลังเขาอย่างน้อยหนึ่ง ก้าวตลอดไป จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ 13 ส.ค. 49 22:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพลง... HUM เฮี้ยน อัลบั้ม... อเมริโกย ชุดที่ 6 "*** นักเขียนนักข่าว hum ขอร้องป่าวปรับความเข้าใจ อย่านึกว่าเป็นนักเขียนมันง่าย เขียนสุ่มกันไปรับเงินลูกเดียว งานจับปากกาก็เหมือนชาวนาเขากำด้ามเคียว ขีดเขียนเก็บเกี่ยวไม่ต่างกันตรงที่ความจริงใจ เพลง hum คร่ำครวญชวนให้คุณเห็นความเป็นไทย อย่าเอาหนังสือพิมพ์บ่อนทำลาย คว่ำกระจาดตลาดลงทุน อย่ายอมรับใช้ เขียนซ้ายเอียงขวา จนวุ่น กวนบ้านเมืองจนขุ่น กวนโอ๊ย กวนส้นTeen .." จากคุณ : ไอ้ Hum ชาวบ้านเขาจะเดือนร้อน! (BATMAN BEGIN) - [ 13 ส.ค. 49 22:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โหวตให้เป็นกระทู้น่าอ่าน จากคุณ : my-op - [ 13 ส.ค. 49 23:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สื่อเลว ไม่มีสำนึก เดี๋ยวนี้ข้อมูลข่าวต่างๆ ถูกสั่งโดยตรงโดยเจ้าสำนักหมดแล้ว ไม่แปลกที่ข่าวจะมาแนวกันหมด พูดง่ายๆคือถูกควบคุมจากไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังที่กำหนดทิศทางให้แต่ละเจ้าสำนัก มันเป็นธุรกิจ เพื่อเงินอย่างเดียว ธุรกิจการเชียร์ ธุรกิจการดิสเครดิต น่าสงสารนักข่าวที่ประจำจุดต่างๆที่หาข่าวมาด้วยความยากลำบาก แต่ถูกไอ้คนที่นั่งกินกาแฟอยู่ในห้อง นั่งเทียนเขียนโวหารขึ้นมา เอาถูกใจนายแค่นั้นพอ ประนาม ประนาม  สื่อเลว จากคุณ : นายห้อย - [ 14 ส.ค. 49 00:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เด๋วนี้เขาใช้ วีดีโอ คอนเฟอเร้น ร่วมด้วยช่วยกันโปรยหัวข่าว+เนื้อข่าวแล้วเหรอ หรือว่าข่าวน่ะนานแล้วแต่ขอกันไว้เลยไม่ลง พอเรื่องแดงเลยแจกข่าว จากคุณ : bckan5 - [ 14 ส.ค. 49 10:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สื่อเฮง ซวย จากคุณ : หมอปรุงยา - [ 14 ส.ค. 49 13:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตดีกว่า ให้กระทู้นี้อยู่นานๆ คนจะได้เห็นพฤติกรรมสื่อกันเยอะๆ จากคุณ : TSC - [ 14 ส.ค. 49 20:39:40 ]