เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าใครคนไหนมันแอบอ้างว่าเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วอธิบายเป็นตุเป็นตะว่าต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ผมขออนุญาตเรียกมันว่า "ไอ้สู่รู้"
ใครมันจะรู้ดีไปกว่าคนอื่นได้อย่างไร ในเมื่อในหลวงท่านตรัสออกทีวีต่อหน้าคนนับล้านถึงสองครั้งสองครา แต่ละครั้งท่านก็ตรัสเพียงสั้นๆและไม่ได้ข่าวว่าท่านได้อธิบายขยายความเพิ่มเติมที่ไหนอีก แล้วไอ้อีคนไหนมันกล้าแอบอ้างว่ารู้ดีกว่าคนอื่น ที่ออกมาอธิบายเป็นเรื่องเป็นราวต้องอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นมันไม่ใช่คำขยายความของเจ้าทฤษฎีแต่เป็นความคิดความเข้าใจของมันเอง
อันที่จริง คำว่า "เศรษฐกิจ" มาจากคำว่า ECONOMY ทั่วทั้งโลกเขาเข้าใจความหมายของคำๆนี้ดีว่าหมายถึง การประหยัด เมื่อเติมคำว่า "พอเพียง" เข้าไปมันก็ไม่ได้ทำให้มีความหมายพิเศษอะไร หรือถ้าจะไม่ให้แปล แต่ให้เข้าใจตามเจตนาของผู้พูด ทุกคนก็น่าจะเข้าใจตรงกันว่า พระองค์ท่านมีพระประสงค์ที่จะให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัด อย่าทำอะไรเกินตัว ถ้าจะให้เข้าใจอย่างนี้ก็ไม่เห็นจะต้องแตกตื่นอะไรกับทฤษฎีนี้ เพราะการขยันและประหยัดเป็นคำสอนของคนเฒ่าคนแก่มาตั้งแต่โบร่ำโบราณ เป็นหลักปฏิบัติธรรมดาสามัญใครๆก็รู้ แล้วมาตื่นเต้นอะไรกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง
มันก็ตลกดีที่มีคนพยายามอธิบายว่า ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้มีความหมายเฉพาะการเษตรอย่างเดียว การทำธุรกิจหมื่นล้านแสนล้านก็สามารถนำมาใช้ได้ หัวใจสำคัญของหลักเศรษฐกิจนี้อยู่ที่การรู้จักคิดรู้จักพัฒนา การค้าขายอย่างเศรษฐกิจพอเพียงจะต้องลงทุนให้พอดี เอากำไรน้อยๆ พร้อมกับยกตัวอย่างบริษัทปูนซิเมนท์ไทยว่าได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างเคร่งครัด ผมนึกแปลกใจว่า นี่มันกำลังจะบอกใครไม่ทราบ ให้ลงทุนแต่พอดี เอากำไรน้อยๆ ใครๆเขาก็ลงทุนแต่พอดีทั้งนั้นยิ่งธุรกิจหมื่นล้านแสนล้าน ถ้าลงทุนไม่พอดีมันก็ขาดทุน มีแต่พวกโง่ๆเท่านั้นที่ลงทุนมากเกินพอดี ก่อนลงทุนเขาต้องศึกษาความเป็นไปได้ คำนวณอัตราผลตอบแทน อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่มีหรอกที่จะลงทุนสะเปะสะปะ รับรองไม่มีเรื่อง อย่างธนาคารไทยพาณิชย์สมัยทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีทุนจดทะเบียนแค่ 3,000. ล้าน แต่ปล่อยกู้ให้บริษัทปูนซิเมนท์ไทยไปลงทุนถึง หกหมื่นล้าน อย่างนี้จะเรียกว่าทั้งไทยพาณิชย์และปูนซิเมนท์ไทยลงทุนอย่างพอดีหรือไม่ สงสัยจะเข้าใจว่าชาวบ้านโง่ รู้ไม่ทันถึงได้ยกตัวอย่างเรื่อยเปื่อย ครั้นจะยกตัวอย่างบริษัทอื่น อย่างไมโครซอฟท์ วอลมาร์ท เขาคงไม่ยอมจึงได้ยกกันเอง พูดก็พูดเหอะถึงไม่มีคนรู้ว่าบริษัทปูนซิเมนท์ไทย ไทยพาณิชย์ บริหารอย่างไร แต่คนถือหุ้นสองบริษัทนั้นมันรู้ พอเพียงหรือไม่พอเพียง ในที่สุดก็ต้องขายหุ้นให้ต่างชาติไปเกือบหมด ขายให้เจ้าเดียวกันกับที่ซื้อชินคอร์ป ทีอย่างนี้ไม่เรียกว่าขายชาติ แต่คนขายหุ้นชินคอร์ปกลับถูกประนามว่าขายชาติ ทั้งๆที่ขายหุ้นให้เจ้าเดียวกันคือเทมาเสก และยิ่งตลกไปใหญ่เมื่อปีที่แล้ว บริษัทปูนซิเมนท์ไทย ฟันกำไรไปหกหมื่นล้าน อย่างนี้เรียกว่าเอากำไรน้อยๆหรือเปล่า ขายก็ขายแพงกว่าชาวบ้านเขา แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ทำไมไม่ไปบอกให้อีตาอะไรที่นามสกุล ณ ลำเลียง ให้เอากำไรน้อยๆ กำไรหกหมื่นล้านนี่เขาไม่เรียกว่าน้อยนะครับพี่.. ไอ้เรื่องที่พยายามอวดว่ามีที่ดินห้าไร่แบ่งเลี้ยงหมู่เลี้ยงหมา เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาก็เหมือนกัน โถๆๆๆ พ่อคุณทูนหัวช่างรู้ดีเหลือเกิน คงคิดว่าคนจนทั้งประเทศมีที่ดินคนละสิบไร่ยี่สิบไร่ คนมีที่ดินขนาดนั้นแถวคนบ้านนอกเขาไม่เรียกว่าจนดอกพ่อมหาจำเริญ มีขนาดนั้นเขาเรียกว่ารวยสำหรับบ้านนอกแล้ว อย่าบอกนะว่าถ้าไม่มีที่ดินก็ให้ไปบุกเบิกเอา ไม่ใช่ชาวเขานี่..จะไปทำอย่างนั้นได้ถางภูเขาเป็นลูกๆก็ไม่มีใครว่าเพราะเป็นคนของพ่อหลวง แต่ถ้าเป็นคนไทยหรือลาวแท้ๆลองไปแตะป่าสงวนสักนิ้ดหนึ่งเป็นถูกจับ ติดคุกติดตารางไปหลายร้อยหลายพันคนแล้ว ถ้าอยากรู้เรื่องที่ดินของคนจนไม่ลองไปถามคนแถวภาคเหนือดูว่าแต่ละคนมีนาคนละกี่ไร่ ถามคนงานว่าค่าแรงแต่ละวันพอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ วันๆหนึ่งเขาจ่ายอะไรบ้าง พวกเขาไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่พวกเขาถูกกดค่าแรงต่อให้ขยันทำงานไม่ต้องหลับต้องนอนหรือทำจนตัวตายค่าแรงก็ยังไม่พอกิน อย่างนี้จะให้เขาประหยัดได้อย่างไร เออ..แทนที่จะส่งเสริมให้ชาวบ้านไปทำอาชีพอย่างอื่นที่มีรายได้ดีกว่าเพราะที่ดินมีน้อยหรือไม่ก็เรียกร้องให้นายจ้างเพิ่มค่าแรงให้เขาพออยู่ได้ กลับมอมเมาให้เขาประหยัดอยู่อย่างพอเพียง ดูๆไปทฤษฎีนี้มันน่าเป็นทฤษฎีของคนมีแต่ฟุ่มเฟือยมากกว่าของคนจนที่อยากจะมีกิน และเหมาะสำหรับการนำไปกดขี่ข่มเหงให้คนจนโง่ดักดานเป็นไพร่ไปนานๆแสนนานมากกว่า
ทุกวันนี้ถ้าไปถามคนเดินถนน กินข้าวแกงว่า รู้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงต้องทำอย่างไร รับรองไม่มีใครตอบได้ นอกจากจะเข้าใจเอาเองว่าต้องประหยัดและกินใช้เท่าที่จำเป็น แล้วถ้ามันมีอยู่แค่นี้ มันต่างจากที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายสอนเคยสอนให้ขยันประหยัดตรงไหน ฟังดูแล้วคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่น่าจะใช่ทฤษฎีหรือหลักการหรือระบบเศรษฐกิจ อะไร เป็นเพียงแค่คำสอนที่พูดให้คนฟังขยันทำมาหากิน กินอยู่ตามฐานะเหมือนกับที่ญาติผู้ใหญ่ของทุกๆคนเคยสอน เมื่อมันเป็นเพียงแค่นี้แล้วคนที่เอาเรื่องนี้มา ตีบีบประโคมข่าว มันทำเพื่ออะไร คำตอบไม่น่าจะลอยอยู่ในสายลมและแสงแดด ประเทศอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศเกิดใหม่ พวกเขาไม่มีเทพเจ้าผู้มีบุญบารมีมากด้วยอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชปกครองประเทศ ผู้นำของเขาเป็นคนธรรมดาลูกชาวบ้าน แต่เหตุใดประเทศของเขาจึงเจริญกว่าไทยหลายร้อยหลายพันเท่า คนไทยทุกคนไม่ได้ฉุกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มัวแต่งมงายกับอะไรก็ไม่รู้ หลงคิดว่าประเทศนี้ดีเลิศกว่าใคร หารู้ไม่ว่าไทยล้าหลังกว่าหลายประเทศยกเว้นลาว พม่า เขมร นายกรัฐมนตรีทักษิณเมื่อได้เป็นผู้นำประเทศก็อยากจะพัฒนาให้ทัดเทียมอารยะประเทศเขา และเขากับทีมงานเชื่อว่าการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผ่านมา พัฒนาจากข้างบนเพื่อให้กระทบกับข้างล่าง แต่เขาเห็นตรงกันข้ามว่าน่าจะพัฒนาจากรากหญ้าควบคู่ไปกับข้างบน แต่จะพัฒนารากหญ้าได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาแทบจะเอาตัวไม่รอด จะเปลี่ยนอาชีพหรือเพิ่มผลผลิตก็ไม่ได้เพราะไม่มีทุน จะกู้เงินมาลงทุนเล็กๆน้อยๆดอกก็แพง การขอกู้ยืมจากสถาบันการเงินไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีธนาคารไหนให้กู้อยู่แล้ว การกู้ยืมเงินทำได้แต่เฉพาะกิจการใหญ่ๆอย่างบริษัทปูนซิเมนท์ไทยเท่านั้น โอกาสที่จะกู้เงินหรือเข้าถึงทุนของชาวบ้านระดับล่างแทบจะไม่มี แต่เดิมการค้าขายหรือลงทุนสิบล้านหรือแสนล้านของพวกผู้ดี ไม่ว่าจะค้าปูน ค้าเหล็ก ค้าถั่ว ค้างา พวกเขาไม่ได้ควักกระเป๋าของตัวเองแม้แต่สลึงเดียว กู้ธนาคารทั้งนั้น อย่างบริษัทปูนซิเมนไทย ธนาคารที่จะปล่อยกู้ต้องเข้าไปประมูลแข่งดอกเบี้ย ส่วนตามีตามา ยายสียายสา จะขายขนมครก กล้วยแขก ส้มตำ ไม่ว่าจะลงทุนพันบาทหรือหมื่นบาทต้องควักกระเป๋าตัวเองทั้งนั้นถ้าไม่มีก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบดอกร้อยละสิบยี่สิบ ไม่มีหรอกที่จะขอกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ โครงสร้างลักษณะอย่างนี้ในทัษนคติของอำนาจเก่าเห็นว่ายุติธรรมแล้ว คนจนไม่ควรกู้ยืมเงินจะทำให้เป็นหนี้เป็นสิน เป็นการใช้จ่ายเกินตัว แต่ทักษิณเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม คนงานที่อยากขายส้มตำ ลูกจ้างที่อยากเปิดอู่ซ่อมจักรยาน แม่บ้านที่อยากทำน้ำพริกขาย คนที่ทำของเล็กๆน้อยๆขายแต่อยากส่งออก คนเหล่านี้ไม่มีทุน ถ้าจะรอเงินเก็บต้องใช้เวลาหลายปีหรือไม่ก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบ พวกเขาควรมีสิทธิกู้ยืมเงินดอกเบี้ยถูกจากสถาบันการเงินมาลงทุนค้าขายเล็กๆน้อยๆเพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เขาจึงจัดการให้มีกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารคนจน เพื่อเป็นแหล่งทุนสำหรับรากหญ้า และแล้วสินค้า OTOP ทยอยผลิตออกมาสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทุกอย่างกำลังจะไปด้วยดี เรื่องอย่างนี้ไม่ทราบว่ามันจะทำให้ประเทศชาติล่มจมตรงไหน จึงมีผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายต่อคนยากคนจนคิดค้นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นมา โดยหยิบยกเอาพระราชดำรัสสั้นๆมาขยายความเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เห็นได้ชัดว่าหลักการนี้ไม่ได้คิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่คิดค้นขึ้นมาเพื่อกดหัวคนจนและต่อต้านระบอบเศรษฐกิจรากหญ้าของทักษิณไปพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นทักษิณก็จะกลายเป็นเทพเจ้าของคนจน แต่ด้วยความที่ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นทฤษฎีหรือหลักการที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด เพียงแต่นึกอะไรไม่ออกก็เลยหยิบฉวยเอาสิ่งที่คนไทยเชื่อถือขึ้นมาขยายความ จึงหาความชัดเจนในแนวปฏิบัติไม่ได้ มีแต่คนพูดถึงแต่ไม่มีใครปฏิบัติตาม ความจริงน่าจะเรียกว่าไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตามอย่างไรมากกว่า จนนายสุเมธ ตันติเวชกุล ต้องออกมาพูดในทำนองไม่พอใจคนทั้งประเทศอยู่บ่อยครั้งที่มีแต่คนพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงแต่ไม่มีใครทำตาม โดยที่ไม่มองตัวเองว่าไอ้ที่เคี่ยวเขนให้ชาวบ้านทำนั้นตัวเองหรือหรือไม่ต้องทำอย่างไร และที่สำคัญนายสุเมธ จะรู้หรือเปล่าว่าทุกวันนี้ชาวบ้านเขาไม่ได้ฟุ่มเฟือยจนทำให้ไม่พอกิน แต่เพราะได้ค่าตอบแทนน้อยจึงไม่พอกิน แล้วจะให้เขาพอเพียงได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่พอจะกิน
จากคุณ :
หญ้าตง
- [
10 ต.ค. 49 17:45:39
A:124.121.49.154 X:
]