CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เบื้องหลังอัปยศก่อนนายกฯ3สมาคมทิ้งเก้าอี้สื่อ อ้าขาผวาปีกหาเก้าอี้สภาท็อปบู๊ท{แตกประเด็นจาก P4796893}

    เบื้องหลังอัปยศก่อนนายกฯ3สมาคมทิ้งเก้าอี้สื่อ อ้าขาผวาปีกหาเก้าอี้สภาท็อปบู๊ท

    ประมาณบ่ายสามครี่งของ 19 ตุลาคม 2549 หน้าโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง หลังการหารืออย่างเคร่งเครียดตั้งแต่เที่ยงตรง ระหว่างองค์กรวิชาชีพนักข่าวทั้งสามสมาคมกับนักข่าวฝ่ายคัดค้านการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ในนามตัวแทนสื่อมวลชน

    ผู้ใหญ่หลายคนในวงการหนังสือพิมพ์ อาทิเช่น สุทธิชัย หยุ่น, มานิจ สุขสมจิตร และดำฤทธิ์ วิริยะกุล ได้ลงมาเป็นเจ้าภาพยุติความขัดแย้ง จนได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย แต่ตัวแทนสมาคมนักข่าวฯ เป็นผู้ขออาสาเขียนข่าวการหารือในครั้งนี้เอง ฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นการเจรจาต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ และด้วยเคารพในวิชาชีพด้วยกัน จึงยินดีอย่างไม่มีเงื่อนไข

    แต่หลังจากหายไป 3-4 ชั่วโมง ข่าวที่เขียนมาสั้นแค่คืบ แถมยัง “แปลงสาร” ดิสเครดิตนักข่าวฝ่ายค้านอีก ทั้งยังไม่ผูกมัดตัวเองอีกด้วย :

    3 สมาคมสื่อเปิดวงเคลียร์ใจ หลังถูกต้านเข้าสภานิติบัญญัติ

    เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ตัวแทนองค์กรสื่อประกอบด้วย นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายสมชาย แสวงการ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย รวมทั้งนักหนังสือพิมพ์อาวุโส เช่น นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเดอะเนชั่น นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ฯลฯ และกลุ่มตัวแทนนักข่าวที่ไม่เห็นด้วยกับการส่งตัวแทนสื่อมวลชนเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้หารือกันแลกเปลี่ยนความเห็นกันถึงประเด็นดังกล่าว

    นายภัทระ เปิดเผยว่า ตัวแทนองค์กรสื่อได้อธิบายให้ที่ประชุมทราบถึงกระบวนการและที่มาของการที่ตัวแทนองค์สื่อ 3 คนได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า ในการประชุมตัวแทนองค์กรสื่อและสื่อมวลชนอาวุโสเพื่อพิจารณาตัดสินใจเรื่องนี้นั้นเกิดจากประสบการณ์ที่เล็งเห็นว่า จำเป็นต้องมีตัวแทนไปทำหน้าที่ในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมา สื่อมวลชนเคยประสบบัญหาเนื่องจากการที่ไม่มีตัวแทนในส่วนนี้ ทำให้ต้องประสบความยากลำบากในการแก้ไขร่างกฎหมายที่ออกมา ดังที่เกิดมาแล้วในยุครสช.และก่อนหน้านี้

    ในขณะที่ตัวแทนของกลุ่มนักข่าวที่ไม่เห็นด้วยก็ได้ให้เหตุผลว่า การส่งตัวแทนไปปฏิบัติหน้าที่เช่นนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ควรที่จะมีการรักษาระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อที่ดำรงไว้ซึ่งความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อมวลชน

    “ทุกคนได้หารือกันอย่างกว้างโดยคำนึงถึงประโยชน์แห่งวิชาชีพเป็นหลัก แล้วต่างก็เข้าใจและตระหนักถึงข้อดี ข้อเสียของทุกเหตุผล เคารพในความเห็นที่แตกต่างของกันและกันซึ่งเป็นวิถีปกติแห่งของสังคมสื่อมวลชน”นายภัทระกล่าว

    นายปรัชญาชัย ดัชถุยาวัตร หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอเรื่องการให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแล้วที่ประชุมเห็นว่า ทุกคนต้องรักษาระยะห่างอันเหมาะสมเพื่อมิให้เสียหายต่อวิชาชีพ และให้การสนับสนุนให้มีตัวแทนองค์กรสื่อมวลชนทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติต่อไป

    ประโยคสุดท้ายของปรัชญาชัยนั้นหละ… นักข่าวฝ่ายคัดค้านได้แต่ส่ายหัวบ่นว่า “ถ้าเขียนได้แค่นี้ กูเขียนแค่ครึ่งชั่วโมงก็พอ” แค่ลับหลังไม่นานยังทำถึงขั้นนี้ มิน่าถึงเกิดเรื่องไม่เข้าท่าขึ้นมาได้ จนต้องแก้ไขและเพิ่มเติมเป็น :

    3 สมาคมสื่อเปิดวงเคลียร์ใจ ยอมไขก็อก หลังถูกต้านเข้าสภานิติบัญญัติ

    เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ตัวแทนองค์กรสื่อประกอบด้วย นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายสมชาย แสวงการ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย รวมทั้งนักหนังสือพิมพ์อาวุโส เช่น นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเดอะเนชั่น นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ฯลฯ และกลุ่มตัวแทนนักข่าวที่ไม่เห็นด้วยกับการส่งตัวแทนสื่อมวลชนเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้หารือกันแลกเปลี่ยนความเห็นกันถึงประเด็นดังกล่าว

    นายภัทระ เปิดเผยว่า ตัวแทนองค์กรสื่อได้อธิบายให้ที่ประชุมทราบถึงกระบวนการและที่มาของการที่ตัวแทนองค์สื่อ 3 คนได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า ในการประชุมตัวแทนองค์กรสื่อและสื่อมวลชนอาวุโสเพื่อพิจารณาตัดสินใจเรื่องนี้นั้นเกิดจากประสบการณ์ที่เล็งเห็นว่า จำเป็นต้องมีตัวแทนไปทำหน้าที่ในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมา สื่อมวลชนเคยประสบบัญหาเนื่องจากการที่ไม่มีตัวแทนในส่วนนี้ ทำให้ต้องประสบความยากลำบากในการแก้ไขร่างกฎหมายที่ออกมา ดังที่เกิดมาแล้วในยุครสช.และก่อนหน้านี้

    ในขณะที่ตัวแทนของกลุ่มนักข่าวที่ไม่เห็นด้วยก็ได้ให้เหตุผลว่า การส่งตัวแทนไปปฏิบัติหน้าที่เช่นนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ควรที่จะมีการรักษาระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อที่ดำรงไว้ซึ่งความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อมวลชน

    “ทุกคนได้หารือกันอย่างกว้างโดยคำนึงถึงประโยชน์แห่งวิชาชีพเป็นหลัก แล้วต่างก็เข้าใจและตระหนักถึงข้อดี ข้อเสียของทุกเหตุผล เคารพในความเห็นที่แตกต่างของกันและกันซึ่งเป็นวิถีปกติแห่งของสังคมสื่อมวลชน”นายภัทระกล่าว

    นายปรัชญาชัย ดัชถุยาวัตร หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอเรื่องการให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแล้วที่ประชุมเห็นว่า ทุกคนต้องรักษาระยะห่างอันเหมาะสมเพื่อมิให้เสียหายต่อวิชาชีพ อย่างไรก็ตามการที่มีสื่อมวลชนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติถือเป็นการทำงานส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

    ทั้งนี้ในการหารือครั้งนี้ผู้นำทั้ง 3 องค์กรวิชาชีพพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งจะทำหน้าที่เพื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติเพียงตำแหน่งเดียว โดยจะมีการหารือกับสภาชิกองค์กรทั้ง 3 วิชาชีพและจะชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อไป

    ไปทำหน้าที่อันทรงเกียรติเสียเถอะ อย่าป้วนเปี้ยนแถวนี้อีกเลย
    http://www.pressjargon.org/?p=249

     
     

    จากคุณ : ป๋าเจ้าเก่า - [ 20 ต.ค. 49 08:21:57 A:58.10.134.217 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com