PANTIP.COM : P4862401 บทสัมภาษณ์ท่านทักษิณ หลังการกล่าวปาฐกถาที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 กย. []

ความคิดเห็นที่ 1

คำถาม – ท่านนายก ท่านเข้าใจว่าสถานการณ์ในพม่าเป็นอย่างไร

นายกทักษิณ – เป็นคำถามที่ดี ในฐานะที่เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านของพม่า ผมตอบคำถามนี้ได้ลำบาก

ประเทศไทยอยู่กึ่งกลาง เราพยายามที่จะไม่ (เสียงขาดหายไป) เพราะว่าเราเข้าใจคนยากจน เราเข้าใจ

คนร่ำรวย เราเข้าใจประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเราเข้าใจประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒนาแล้ว สิ่ง

ที่เกิดขึ้นในเมี้ยนม่า ผมคิดว่าผมไม่ชอบใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมไปเยือนและพูดคุยกับรัฐบาลพม่า

บ่อยๆ เมื่อเร็วๆ นี้ผมก็เพิ่งไปที่นั่นมา ผมเป็นผู้นำคนแรกที่ไปเยือนเมืองหลวง และผมได้พูดกับพวกเขา

ว่าผมไม่อยากให้พวกเขาแยกตัวออกจากนานาประเทศ และผมก็ไม่อยากให้นานาประเทศมาแยกพม่า

ออกไป ดังนั้นพม่าควรจะอธิบายกับนานาชาติบ่อยๆ ว่าการพัฒนาประชาธิปไตยในพม่าก้าวหน้าไปถึงขั้น

ไหนแล้ว เช่นขณะนี้ อองซาน ซูจี เป็นอย่างไร รัฐบาลเป็นอย่างไร ประชาชนเป็นอย่างไร สถานการณ์

HIV/AIDS เป็นอย่างไร สถานการณ์สิทธิมนุษยชนเป็นอย่างไร ผมบอกพวกเขาว่าพวกเรากังวลกับสิ่งที่

เกิดขึ้นในพม่า พวกเขารับทราบสิ่งที่ผมพูด แต่ผมไม่ทราบว่าพวกเขาจะเข้าใจเหตุผลที่ผมพูดหรือไม่

อย่างไรก็ตามผมได้พยายามสุดความสามารถ และผมก็ได้ทำหน้าที่นำสารจากนานาชาติไปให้พวกเขา

และพยายามโน้มน้าวพวกเขาแล้ว และผมก็ได้เสนอให้พวกเขาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ในการจัดการ

แถลงการณ์เพื่ออธิบายกับ
นานาชาติ ซึ่งพวกเขาก็เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของพม่าได้มาแถลงด้วยตัว

เอง
ต่อจากนี้พวกเขาจะเอาอย่างไรต่อไปผมไม่ทราบ แต่ผมได้เสนออย่างจริงจังที่จะให้ใช้ประเทศไทยเป็นสื่อ

ในการอธิบายสถานการณ์กับนานาช
าติว่าสถานการณ์ได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างไร และพวกเขามีจุดมุ่งหมายให้เป็นอย่างไรต่อไป พวกเขามีข้อแก้

ต่างว่าในประเทศพม่านั้นมีชนกลุ่นน้อยอยู่มากมายหลายเผ่าพันธุ์ การรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวให้ได้

โดยไม่ให้แตกเป็นประเทศเล็กๆ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มก็ติดอาวุธด้วย เราได้

พยายามโน้มน้าวให้ชนกลุ่นน้อยติดอาวุธเข้าเจรจากับรัฐบาลพม่า นั่นเป็นสิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว

คำถาม – ดิฉันเป็นนักหนังสือพิมพ์ และได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยมาเป็นเวลานานมาก ในเมื่อ

ท่านได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยดูจากการที่ท่านได้ทำให้ต่างจังหวัดมีความ

มั่งคั่งขึ้นมาก เมื่อมาดูเรื่องการขายหุ้นของท่าน ท่านอยากจะให้ประวัติอันดีงามของท่านไม่ด่างพร้อยใน

เรื่องนี้ โดยจะจ่ายเงินภาษีให้รัฐ ถึงแม้ว่าตามกฎหมายแล้วท่านจะไม่ต้องเสียภาษีก็ตาม หรือจะตั้งมูลนิธิ

เพื่อการกุศลหรือไม่

นายกทักษิณ – ใช่แล้ว ครอบครัวของผมมีมูลนิธิซึ่งเราได้บริจาคเงินไปแล้วบางส่วน มูลนิธิของเราจะมี

กิจกรรมเกี่ยวกับการขจัดความยากจน การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ประชาชนมีชีวิต

ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราจะบริจาคมากขึ้นอีกเรื่อยๆ เพื่อจุดมุ่งหมายนี้ และเรา

ไม่เพียงจะบริจาคให้ประเทศไทยเท่านั้น แต่เรายังจะบริจาคให้ประเทศอื่นๆ ด้วย หากจะเป็นประโยชน์

ต่อประชาชนโดยส่วนรวม เราจะบริจาคเป็นจำนวนมากให้กับเรื่องนี้ และผมกำลังคิดว่าหากผมจะยุติการ

งานอื่น ผมก็จะทำเรื่องนี้ บริจาคเงิน สนับสนุน ช่วยเหลือประชาชน

คำถาม – ท่านนายก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีน ในปัจจุบันท่านมีความเห็นว่าอย่างไร และท่านคิดว่า

จะพัฒนาไปในทิศทางใดในอนาคต

นายกทักษิณ – ความสัมพันธ์ไทย-จีน เราเป็นเหมือนญาติพี่น้อง ตามประวัติศาสตร์ บรรพบุรุษคนไทยบาง

ส่วนอพยพมาจากประเทศจีน ตัวผมเองบรรพบุรุษข้างพ่อก็เป็นคนจีน ผมเป็นรุ่นที่สี่ ดังนั้นไทยกับจีนจึงมี

ความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก และปัจจุบันความสัมพันธ์ก็เป็นไปอย่างใกล้ชิด (เสียงขาดหายไป) ประเทศ

จีนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ บางคนอาจมองว่าประเทศจีนเป็นภัยคุกคาม แต่ผมคิดว่าที่ใดเป็นภัยคุกคามที่

นั่นก็ย่อมมีโอกาสด้วย หากไม่เป็นภัยคุกคามที่นั่นก็ไม่มีโอกาส ดังนั้นอย่ามองในด้านเดียว ในเมื่อจีนเป็น

ทั้งภัยคุกคามและมีโอกาส ทำไมไม่เปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นโอกาส ประเทศจีนกลายเป็นตลาดใหญ่ของ

เรา ปริมาณการค้าของไทยกับจีนเพิ่มขึ้นสูงมาก ดังนั้นผมคิดว่าผมจะแนะนำให้สหรัฐอเมริกพยายามเข้า

ไปเจาะตลาดในจีน แต่ห้ามมาแข่งขันสินค้าประเทศเดียวกันกับสินค้าไทย (เสียงหัวเราะ)

คำถาม – ดิฉันเคยเป็นอาสาสมัครสันติภาพในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2534 ถึง 2537 คำถามของ

ดิฉันเกี่ยวข้องกับนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรคของท่าน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประชาชน

และทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ได้รับการรักษา แต่นโยบายเสรีทางการค้าที่ท่านกำลังเจรจากับสหรัฐ

กลับจะจำกัดให้สิทธิการรักษาที่ผู้ติดเชื้อ HIV จำเป็นต้องได้รับน้อยลง ดิฉันสงสัยและอยากให้ท่านอธิบาย

ว่าทำไมนโยบายของท่านถึงขัดแย้งกันเอง

นายกทักษิณ – เราได้ตั้งเงื่อนไขต่อรองไว้ก่อนการเจรจาตกลง ดังนั้นเงื่อนไขต่อรองของทั้งสองฝ่ายจะไม่

เหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งอาจจะเป็น A ในขณะที่ของอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะเป็น B ซึ่งเป็นธรรมดาว่าในที่สุดทั้งสอง

ฝ่ายก็จะไม่ได้ตกลงให้เป็น A หรือ B หากผลออกมาเป็น A หรือ B ก็แสดงว่ามีฝ่ายหนึ่งที่งี่เง่ามาก ดังนั้น

ในที่สุดผลการต่อรองจะออกมาเป็น C ซึ่งเป็นจุดที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราก็เป็นห่วงข้อที่คุณว่า

เหมือนกัน เราจะต่อรองเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เราจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เรื่องนี้เราจัดให้อยู่ใน

บัญชีของหัวข้อเรื่องที่เราจะต้องเจรจาอย่างรอบคอบและระมัด
ระวัง

คำถาม – ผมคิดว่าคนอเมริกันในห้องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นมิตรกับประเทศไทย และสิ่งที่พวกเรากังวลมากก็

คือเราอยากให้ประเทศไทยกลับไปมีเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อประเทศไทยจะได้เดินหน้าต่อไป และ

ท่านก็ได้พูดถึงเรื่องธุรกิจเยอะมากในวันนี้ คำถามก็คือ จะมีเหตุผลอะไรให้พวกเราเชื่อได้ว่าผลการเลือก

ตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นที่
ยอมรับของกลุ่มพลังอำนาจที่ได้กระทำให้การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเป็นโมฆะ พวกเรารับทราบว่าโพลต่างๆ

ได้ออกมาว่าท่านจะชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า และท่านอาจจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การเลือก

ตั้งที่จะมาถึงนี้จะแตกต่างกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วอย่างไร ท่านจะทำให้เรามั่นใจได้หรือไม่ว่าการเมือง

จะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งหนึ่ง

นายกทักษิณ – การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน ไม่น่าจะออกมาเป็นอย่างนี้เลย เพราะฝ่ายค้านไม่มี

เหตุผลทางประชาธิปไตยมาบอยคอตการเลือกตั้ง ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองคุณต้องลงเลือกตั้งทุก

ครั้งที่มีการจัดการเลือกตั้ง แต่พวกเขาทราบดีว่าพวกเขาจะแพ้การเลือกตั้ง ก็เลยบอยคอต
อย่างไรก็ตาม คนไทยเรามีวิธีจัดการกับเรื่องนี้แบบไทยๆ คือเราก็เลยประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ หา

วิธีทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยบอกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอาจจะไม่เป็นประชาธิปไตยเพียงพอ

เราก็มีข้ออ้างว่าเราอ่านออกเสียงคำว่าประชาธิปไตยผิดไป แทนที่เราจะอ่านว่า democracy เรากลับอ่าน

ว่า (อ่านออกเสียงไม่เหมือนเดิม) democracy มันก็เลยออกมา เครซี่ เครซี่ นิดหน่อย (เสียงหัวเราะ)
แต่ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ พรรคฝ่ายค้านได้ออกมาให้สัญญาแล้วว่าจะลงเลือกตั้ง ดังนั้นก็ไม่น่าจะมี

ปัญหา รัฐบาลใหม่จะพร้อมเข้าทำงานในช่วงต้นปีหน้า ผมคิดว่าภายในสามเดือนทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่

สภาวะปกติ ดังนั้น ณ บัดนี้ ถึงเวลาที่ทุกท่านจะเข้ามาลงทุนแล้ว (เสียงหัวเราะ)

จากคุณ : ธานคับ - [ 9 พ.ย. 49 15:13:06 A:221.128.88.121 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3

คำถาม – ท่านนายกทักษิณ ท่านกล่าวว่าประชาธิปไตยไม่ใช่จุดสุดท้าย แต่เป็นวิธีการ ผมอยากให้ท่าน

อธิบายว่าท่านหมายความว่าอย่างไร โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศไทย การเลือกตั้งของไทย

เป็นจุดมุ่งหมายสุดท้าย หรือเป็นวิธีการ และอีกคำถามหนึ่งเกี่ยวกับพม่า อาทิตย์ที่แล้ว สภาความมั่นคง

แห่งสหประชาชาติได้มีมติ 10 ต่อ 4 ว่าพม่าเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคง เป็นที่ทราบกันว่าท่านให้

การสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า เมื่อสหประชาชาติมีมติออกมาอย่างนี้ ประเทศไทยจะยุติการสนับสนุน

รัฐบาลทหารพม่าซึ่งไม่มีความตั้งใจที่จะให้ประเทศเป็นประ
ชาธิปไตยแต่อย่างใด ผมอยากทราบว่ากาซธรรมชาติในพม่านั้น สำคัญสำหรับท่านมากกว่าการคว่ำบาตร

เพื่อกดดันรัฐบาลพม่า ให้ยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การข่มขืนกระทำชำเรา และการคุมขังบุคคลที่ได้รับ

รางวัลโนเบลหรืออย่างไร (เสียงฮือฮาจากคนฟัง)

นายกทักษิณ – บางครั้งแม้ว่าคุณจะเข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร แต่คุณก็ไม่สามารถมองที่

ประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น คุณต้องคิดถึงประชาชนด้วย ประชาธิปไตยเพื่อใคร

เพื่อประชาชน หากระบอบประชาธิปไตยของคุณไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความสุข นั่นก็ไร้ประโยชน์ หาก

เราเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง แล้วเราก็ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน หากระบอบประชาธิปไตยสร้างความ

สุขให้ประชาชนนั่นก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และผมก็กล่าวหลายครั้งแล้วว่ามาตรการคว่ำบาตรนั้นได้ผลใน

บางประเทศ แต่สำหรับบางประเทศจะไม่ได้ผลเพราะคนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน ในขณะที่ผู้ปกครองก็

จะไม่สนใจและยังคงอำนาจไว้อย่างนั้น แต่ประชาชนจะจนลงและจนลง ประชาชนไม่มีโอกาส ผมเพิ่งกลับ

มาจากคิวบา ผมเห็นว่าเป็นที่น่าเสียดายที่คิวบากับอเมริกาไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่อย่างนั้นก็จะมีนัก

ท่องเที่ยวชาวอเมริกันจำนวนมากไปที่ฮาวาน่า ซึ่งเป็นเมืองที่สวยมาก และชาวคิวบาก็จะได้มาที่นี่มากขึ้น
ผมเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นส่วนหนึ่งของประชาชน การมีประชาธิปไตยนั้นก็เพื่อประชาชน ประชาธิปไตย

คืออำนาจที่ประชาชนมอบให้ผู้นำ หากคุณอ่านเรื่อง “Social Contract” ของ Rousseau คุณจะเข้าใจ

ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคนมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็จะมีการเลือกตัวแทนมาทำหน้าที่ในนามของคนกลุ่มนั้น

และเพื่อคนกลุ่มนั้น เพื่อให้การอยู่ร่วมกันนั้นเป็นไปด้วยความสงบสุข และพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น นั่น

เป็นสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมี้ยนม่า ผมบอกกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น ชาวยุโรป และอเมริกาว่าหาก

คุณอยากทำอะไรกับเมี้ยนม่า ให้กระทำกับกลุ่มผู้ปกครองโดยตรง อย่าคว่ำบาตรเพราะประชาชนชาวพม่า

จะเดือดร้อน ประชาชนที่ติดเชื้อ HIV/AIDS จะเดือดร้อนมาก ไม่มีใครช่วยเหลือ หากคุณบอกว่าจะส่ง

ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมไปให้ หากผู้ปกครองไม่ให้วีซ่ากับคุณ คุณจะเข้าไปอย่างไร ผมคิดว่าการ

เจรจาเป็นสิ่งที่สำคัญ และดีกว่าการคว่ำบาตร พวกเราเป็นมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะชอบผมหรือไม่ หรือผมจะ

ชอบคุณหรือไม่ หากเราคุยกันเราก็จะเริ่มเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง และเมื่อเราเข้าใจกันเราก็จะหาวิธียุติความ

ขัดแย้งระหว่างกันได้ ยุติสิ่งที่เราไม่ชอบได้ ผมอยากเห็นการเจรจาเกิดขึ้นจริงๆ
แต่หากจะมีมาตรการคว่ำบาตรจริงๆ เราต้องมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนของประเทศซึ่งยากจนควบคู่

ไปด้วย เราจะมีมาตรการอย่างไรให้ประชาชนได้มีการศึกษาที่ดี จะทำอย่างไรให้มีบริการทางการแพทย์ที่ดี

หากคุณอยากจะคว่ำบาตรก็ได้แต่ต้องคว่ำบาตรผู้ปกครอง อย่าคว่ำบาตรทั้งประเทศเพราะจะทำให้คนยาก

จนจะยิ่งยากจนและอ่อนแอลงเรื่อยๆ

คำถาม – ท่านนายก ท่านพูดถึงประชาธิปไตยของเอเชีย ผมสงสัยว่าทำไมผู้นำที่มาจากระบอบ

ประชาธิปไตยในเอเชียถึงไม่เป็นที่นิยมของประชาชน เช่นประธานาธิบดีโรห์ แห่งเกาหลีใต้ มีคะแนน

นิยมต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ผู้นำใต้หวันมีคะแนนนิยม 20 เปอร์เซ็นต์ ผู้นำฟิลิปปินส์ก็ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

ในขณะที่ผู้นำเผด็จการในเอเชีย ทั้ง หูจินเทา ของจีน และผู้นำเวียดนาม ล้วนเป็นที่นิยมชมชอบของ

ประชาชนในประเทศ ตัวท่านนายกทักษิณเองก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ ท่านจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่อง

การให้คุณค่าแก่ประชาธิปไตยของชาวเอเชียอย่างไร ทำไมชาวเอเชียไม่นับถือผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง

จะมีก็แต่ในสิงคโปร์ที่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งได้คะแนนนิยมสูง แต่สิงคโปร์ก็ไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตย...

ท่านคิดว่าทำไมผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถึงไม่ค่อยได้รับความนิ
ยมจากประชาชนในเอเชีย

นายกทักษิณ – (หัวเราะ, เสียงหัวเราะ) ในที่สุดก็มีคำถามนี้จนได้ คือประเทศชาตินั้น คุณต้องมีการ

บริหารที่ดี หากคุณมีทีมงานบริหารที่ดี องค์กรก็จะประสบความสำเร็จ ประเทศของผมอาจมีลักษณะการ

บริหารงานที่แตกต่างออกไป การบริหารงานแบบหนึ่งอาจเหมาะกับองค์กรหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับอีกองค์กร

หนึ่ง ในภาวะการณ์แบบหนึ่งก็อาจต้องมีประชาธิปไตยในระดับหนึ่ง อย่างเช่นในประเทศจีน หรือเวียดนาม

พวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตรงตามลักษณะประชาธิปไตยของชาวตะวันตก็จริง แต่ความจริง

แล้วคุณมีแบบพิมพ์เขียวของประชาธิปไตยไหมล่ะ แบบพิมพ์เขียวประชาธิปไตยฉบับที่ช้ได้อย่างเหมาะ

สมกับทุกประเทศทั่วโลกน่ะคุณมีไหม ไม่มี ความจริงแล้วประชาธิปไตยหรือระบอบการเมืองอื่นๆ ก็เป็น

วิธีที่จะให้ทีมบริหารมาจัดการประเทศให้ประชาชนทั้งประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดี
ขึ้น ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ดีเพราะว่าเป็นระบอบที่เปิดให้มีการเจรจาตกลง เปิดให้ประชาชน

ได้ใช้สิทธิแสดงความคิดเห็น ทำให้คุณได้ฟังความเห็นมากขึ้น เหมือนกับคุณต้องเข้าใจลูกค้าของคุณ

คุณต้องฟังลูกค้า คุณถึงจะขายของได้ หากคุณไม่ฟังลูกค้าของคุณคุณก็จะขายของไม่ได้ ดังนั้น

ประชาธิปไตยก็คือการฟังเสียงของประชาชน เมื่อคุณฟังมากขึ้นคุณก็จะทราบว่าจะแก้ปัญหาให้ดีขึ้นได้

อย่างไร และคุณก็รับใช้ประชาชนได้ดีขึ้น
แต่หากคุณให้สัญญาแล้วไม่ได้ทำตามสัญญา ความนิยมในตัวคุณก็จะเสื่อมลง อย่างกรณีประเทศสิงคโปร์

ผู้นำมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ผู้นำได้ให้สัญญากับประชาชนแล้วก็ทำได้ตามสัญญา

ทำให้ผู้นำอยู่ในอำนาจได้นาน ดังนั้นผมคิดว่าความจริงแล้วประชาธิปไตยก็คือประชาชน เป็นเรื่องเกี่ยว

กับประชาชน หากเราทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนเราก็จะอยู่ในอำนาจได้นาน

คำถาม – ประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในโครงการป้องกันการติดเชื้อ HIV และผมก็

สนใจว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้โครงการประสบสำเร็จคืออะไร และอีกคำถามหนึ่งคือ ท่านได้มีความ

ก้าวหน้าในการต่อต้านการค้าโสเภณีเด็กหรือไม่

นายกทักษิณ – สำหรับเรื่อง HIV/AIDS เราได้ทำมากมายหลายอย่างเพื่อการป้องกันการระบาด และการ

รักษา ในการป้องกันเราได้ให้การศึกษากับคนหนุ่มสาว และเราก็ได้ส่งเสริมการป้องกัน HIV/AIDS โดย

การส่งเสริมให้ใช้ถุงยางอนามัย และเราก็มีการร่วมงานที่ดีกับองค์การอนามัยโลก และองค์กรเอกชน

หลายองค์กร และเมื่อรัฐบาลของผมเข้ามารับตำแหน่งเราใช้นโยบายการเข้าถึงการบริการของผู้ติดเชื้อ
ทั้งหมด และเราก็ผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเพื่อให้กับผู้ติดเชื้อ ทำให้พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ได้เกือบจะเหมือนคน

ปกติ และเราก็รักษาผู้ป่วยจำนวนนับแสนคนต่อปี ถึงจะต้องใช้เงินงบประมาณในการนี้มากแต่เราก็คิดว่า

เราควรจะต้องทำ เรามีสถานะทางการเงินที่จะทำได้
สำหรับเรื่องโสเภณีเด็ก ผมคิดว่าเรามีน้อยลงเรื่อยๆ แต่เรามีการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็น

พฤติกรรมของเด็กที่มีเพศสัมพันธ์กันในหมู่เพื่อน เราพยายามให้การศึกษาเรื่องเพศ การป้องกันการตั้ง

ครรภ์ โสเภณีในประเทศไทยก็น้อยลงไปมาก ผมคิดว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญมาก เราทำ

ให้พ่อแม่ของเด็กมีรายได้ที่ดีและสามารถส่งเสียลูกให้เข้าเรียนในโรงเรียนได้ และเราก็ให้เงินกู้ยืมเพื่อ

การศึกษา และทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจน นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก

ต้นฉบับภาษาอังกฤษ

http://w w w.cfr.org/publication/11482/

จากคุณ : ธานคับ - [ 9 พ.ย. 49 15:14:30 A:221.128.88.121 X: ]