ไม่ได้เข้าราชดำเนินนาน ไม่รู้ว่าเคยมีการพูดถึงบทความนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ โดยเฉพาะข้อความในตอนท้ายของบทความ จริงเท็จแค่ไหนครับ

วันศุกร์, พฤศจิกายน 03, 2006
ไวรัสที่แอบสอดไส้ไว้ในรัฐธรรมนูญปี 40
รัฐธรรมนูญฉบับปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะพิเศษ กล่าวคือได้รับการปรับปรุงโดยอาศัยประสบการณ์จากการที่เมืองไทยต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการรัฐประหารจำนวนไม่ถ้วนครั้งมาตลอดระยะ 70 กว่าปีที่มา ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงมีความพิเศษ และวางกับดักบางอย่างไว้ป้องกันการทำรัฐประหาร โดยได้มีท่านที่สันทัดทางด้านกฎหมายให้ข้อมูลกับเราดังนี้: -
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นเจตนารมณ์ร่วมกันของปวงชนชาวไทย ซึ่งถูกรัฐรองไว้ในรัฐธรรมนูญว่าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย การเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะต้องได้รับความยินยอมจากปวงชนชาวไทย ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น
นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังห้ามไม่ให้มีการล้มล้างรัฐธรรมนูญ หรือกระทำการใดๆขัดกับวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับอื่นใด ดังปรากฏในมาตรา 63 ความว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีแห่งรัฐธรรมนูญนี้ มิได้”
ดังนั้นจะอ้างเอาแนวทางการปฏิบัติ หรือจารีตทางการปกครองที่ว่า เมื่อมีการปฏิวัติแล้ว หัวหน้าคณะปฏิวัติเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และเป็นรัฐาธิปัตย์ตามที่ศาลฎีกาเคยอ้างไม่ได้ เพราะบทกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรย่อมมีค่าบังคับเหนือกว่าจารีตประเพณี หรือแนวคำพิพากษาของศาล และเป็นเจตนารมณ์ของปวงชนชาวไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่จะไม่ให้มีการล้มล้างรัฐธรรมนูญอีกในอนาคต
เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ย่อมมีค่าบังบังคับอยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง บทบัญญัติของบทกฎหมายใดก็ดี ขั้นตอนพิธีการใดก็ดี อำนาจตามกฎหมายของบุคคลใดก็ดี ขัดหรือแย้ง หรือไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หรือไม่ชอบนั่นเอง
ดังนั้นบรรดาคำประกาศ คำสั่งของค.ป.ค. จึงไม่มีผลบังคับใดๆ ตามกฎหมาย เพราะไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
และตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 231 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 บัญญัติไว้ว่า “บทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่ที่มีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญนี้” ซึ่งตามบทบัญญัตินี้ ทำให้พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งหัวหน้า ค.ป.ค. ประกาศรัฐธรรมนูญชั่วคราว ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และประกาศแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประกาศทั้งหลายทั้งปวงที่ตามมา ล้วนแต่ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายทั้งสิ้น เพราะไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งนี่คือหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขที่ทุกประเทศที่มีการปกครองในระบอบนี้ยึดถือเหมือนกันทุกประเทศ ไม่มียกเว้น
ผู้ก่อการทุกคนที่ร่วมยึดอำนาจในครั้งนี้ จึงมีความผิดฐานกบฎ พยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตามนัยยะแห่งมาตรา 113 (1)ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิตวันอาทิตย์, ตุลาคม 22, 2549
"ฉันเซ็นให้ไม่ได้ ฉันไม่เคยทำผิดกฎหมาย"
"ทำอย่างนี้ทำไม อีกไม่นานก็จะเลือกตั้งแล้ว"
"ฉันเซ็นให้ไม่ได้ ฉันไม่เคยทำผิดกฎหมาย"
เป็นคำพูดที่ถ่ายทอดผ่านมาทางผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เป็นคำพูดของในหลวงในคืนวุ่นวายนั้น แม้จะไม่ได้ถูกต้องตรงตัวทุกตัวอักษร แต่ครบความหมายไม่ขาด ทหารของพลเอกเปรมและพลเอกเปรมเขียนราชโองการเพื่อขอลายเซ็นของในหลวงแต่งตั้งตนเองให้มีค่าเป็นทหารของพระราชา แต่ท่านทรงไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด แต่สุดท้ายก็บังคับท่านให้ยอมผ่อนตาม และนำคำว่ามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไปใช้ต่อท้ายแอบอ้างในทุกการกระทำของตนเอง
ในหลวงไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติครั้งนี้
ข่าวจากแหล่งข่าวซึ่งมีโอกาสได้สนทนากับแพทย์ที่เคยถวายการผ่าตัดให้ในหลวงและปัจจุบันยังถวายงานอยู่
(ระหว่างอาหารกลางวันมื้อหนึ่ง)
แพทย์ : ในหลวงไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติครั้งนี้ ไม่เคยเห็นด้วยและไม่สบายพระทัยที่พลเอก.สุรยุทธรับตำแหน่งนายกฯ มีคนเคยเล่าให้พระองค์ท่านฟังว่าทักษิณไปทานข้าวที่ร้านอาหารในลอนดอนแล้วถูกตระโกนไล่ พระองค์ตรัสตอบว่า "ไปไล่เขาทำไม"
แหล่งข่าว : แล้วที่พระองค์ตรัสกับศาล 2 ศาลนั้น ท่านทรงมีเจตนาจะให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หรือให้เลือกตั้งต่อ?
แพทย์ : เลือกตั้งต่อ
แหล่งข่าวได้ทำพยายามสอบถามต่ออีกหลายคำถามแต่คำตอบที่ได้รับจากนายแพทย์คือ
แพทย์ : พูดพร่ำเพรื่อไม่ได้ ให้รอฟังพระราชดำรัสวันที่ 4 ธค. นี้ มันส์แน่ๆ
เบื้องหลังมีการปะทะกันในวันปฏิวัติ
ทหารราชองค์รักษ์กับตำรวจจำนวน 14 นาย ถูกยิงเสียชีวิตในการต่อสู้กับกองกำลังปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยา ศพเพิ่งได้รับการเผาเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา รายงานยังได้แจ้งว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี นรป. (นายตำรวจราชสำนักประจำ) ถูกปลดออกจากตำแหน่งฐานไม่ถวายความปลอดภัยยิ่งชีวิต กรณีเหตุรัฐประหาร 19 กันยา (ปล่อยให้ผู้อื่นเข้าถึงในหลวง) พร้อมกับนายตำรวจอีกนาย
ถ้าดูจากภาพวิดีโอ จะได้ยินเสียงปืนในการเข้าไปที่ทางเข้า
 
โดย   yureo   เมื่อ วัน ศุกร์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2549, 05 : 51