คห. 5
ใจเย็นสิครับ จะด่าอย่างเดียวเลย .. ทำไมผมจึงบอกว่าทั้งหมดเกิดจากความเข้าใจผิด อันนี้คือสิ่งที่เคยได้ยินมาครับ
เรื่องราวมีอยู่ว่าเจ้าพ่อที่คุมอยู่แถวเชียงใหม่ในคราบของทหารที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า เสธ.... นั้นแหละเป็นต้นเหตุทั้งหมดจากการที่จับมือร่วมกันกินป่ากับนายทหารฝ่ายลาว พอกินเข้าเยอะๆรัฐบาลลาวเริ่มสงสัยจึงเปลี่ยนนายทหารกลุ่มอื่นมาดูแลแทน แต่โอละพ่อเสธ... ไม่ได้รู้เรื่องว่ารัฐบาลลาวเข้าเปลี่ยนคนมาดูแลแล้ว ก็ได้ส่งทหารเข้าไปทำไม้ตามปรกติ พอทหารไทยเข้าไปก็เหมือนกับว่าไปรุกรานประเทศลาวเขา ก็เกิดการปะทะกันขึ้นยิ่งกันไปมาจนเป็นเรื่องระหว่างประเทศอย่างที่เห็นนี้แหละครับ
ได้ยินมาเหมือนกันอีกว่า จริง ๆ เราจะยึดได้หมดอยู่แล้ว เพราะยึดมาหมดแล้วทุกเนิน เหลือ 1428 ที่เดียว และเตรียมบุกอยู่แล้ว แต่มีเจรจาหยุดยิงแล้วถอยฝั่งละ 3 กม. ซะก่อน .. เขาว่างั้นนะ (ผมไม่ใช่ทหารที่ไปรบนี่นา ก็ฟังเขาเล่าเอา)
ลองถามทหารที่เคยไปรบที่นั่นดูครับ ทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
แต่อย่ากลับไปพูดถึงเรื่องนี้เลย .. ผมไม่น่าเปิดประเด็นเล้ย
ปล. ผมไม่ใช่ทหารนะ ผมเกลียดกาัรปฎิวัติ .. ก็ดูที่ผมด่าเช้าด่าเย็นเรื่องนี้สิ (แต่ทหารส่วนมากเป็นคนดีนะ ผมคิดว่างั้น)
เสริมอีกนิดเรื่องนี้
copy มาครับ
ลองฟังคำพูดของบิ๊กจิ๋วบ้างนะครับ....
"คราวนี้มาที่ลาวบ้าง คงจำกันได้ที่ร่มเกล้า มันเกิดเอ็กซิเดนท์รบกัน ที่หมู่บ้านอุตรดิตถ์ แล้วก็ร่มเกล้า ชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ผมถูกต่อว่ามาก ผมเป็นผบ.ทบ. บังเอิญทหารอากาศไปทิ้งระเบิดผิดที่ ทหารม้าทั้งกองร้อยตายกันเยอะ ความจริงไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของน้อง ๆ แต่เราก็ต้องรับเพราะเราเป็นผบ.ทบ. เป็นผบ.สูงสุด ผมพยายามทำให้การสงครามจำกัดอยู่ที่นั่น ที่บ้านร่มเกล้า มีผู้คนมากมายว่ากันว่า ?ไม่ได้เรื่อง กองทัพบกรบไม่เป็น แพ้ลาว ถ้าเป็นเขาจะเอาเครื่องบินไปทิ้งมันเวียงจันทร์ ๓ วันให้จบไปเลย?
ผมยังนึกว่า ถ้าวันนั้นมีจริง วันเอาเครื่องบินไปถล่มเวียงจันทร์เกิดขึ้นจริงวันนี้คงไม่มี ผู้หลักผู้ใหญ่ด่าว่าหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ และส่วนมากก็มาลงกันที่ผมนี่แหละ เพราะผมเป็นคนอย่างนี้
ในที่สุดพล.อ.สีสะหวาด แก้วบุนพัน เอาเครื่องบินลำเล็กของลาวมา ๕ - ๖ คน มาขอเจรจาสงบศึก เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยบอกว่า หัวหน้าทีมในการเจรจาในการสงบศึกครั้งนี้ให้เป็นทีมทหาร โดยให้ผบ.ทบ.รักษาการผบ.สูงสุด พล.อ.ชวลิต เป็นหัวหน้าทีม ความจริงการเจรจาต้องเป็นฝ่ายต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลว่า จะไปตั้งมันทำไมพวกเรากระทรวงต่างประเทศ พวกที่มาเจรจามาถึงก็คุย ๆ กัน ๓๐ นาที แล้วก็มาแจกใบปลิวทำสงครามจิตวิทยา สักครู่ก็บินกลับ นั่นคือคำพูดของพวกเราบางคน ก็น่าเสียใจที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองยังคิดกันอย่างนี้ ผมบอกผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมคิดว่าพวกเราต้องเข้าใจเขาให้พอ เพราะฉะนั้นแทนที่จะมาเจรจากันในบ้านในเมืองเรานั้นก็เจรจากันที่ดอนเมืองนั่นแหละ
ทหารอากาศรู้ดีเอาห้องรับรองข้างล่าง ปรากฏว่าชั้นบนมันเจาะรูกันเป็นแถว เอากล้องวิดีโอดู กระทรวงการต่างประเทศบ้าง หน่วยอื่นบ้าง เขาก็บอกว่า ?มาเจรจาอะไรกันว่ะบนโต๊ะ เอาหัวชนกันแล้วก็หัวร่อต่อกระซิกกัน? เรื่องง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้
นี่สมมุติว่านี่เป็นเส้นเขตแดน นี่ไทย ด้านนี้ไทย ด้านนี้ลาว นี่เส้นเขตแดน เขามาถึงท่านสีสะหวาดมาถึงประมาณ ๑๐ โมงกว่า ๆ ก็เริ่มเจรจาว่า ?ไม่ได้ ไทยต้องถอนออกไป ห่างจากไอ้เส้นสงสัยนี้ ๓ กม.? นั่นคือ ปกติต้องอยู่ตรงนี้ แต่เขาบอกให้ถอนจากตรงนี้ไป ๓ กม. เราบอก ?อ้าว! พูดอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว? บอกว่า ?ยูกลับเหอะ ๆ?
๑๑.๐๐น.กว่า ๆ เขาบอกว่า ?เดี๋ยว ขอกินข้าวมื้อหนึ่งก่อน? กินข้าวเหนียวไก่ย่าง พอกินเสร็จก็ว่า ?ว่ายังไงเมื่อไหร่กลับ? เขาว่า ?เดี๋ยว ๆ ขอติดต่อเวียงจันทน์ แล้วได้ยังไง ก็ว่าเดี๋ยว ๆ ขอหลับมื้อหนึ่งก่อน? เพราะเขาต้องหลับกลางวัน ตื่นมา ๑๔.๐๐ น. บอกว่า ?ไม่เป็นไร ๆ มาอยู่ตรงกลางนี้? คือแทนที่บอกให้เราถอยก็ยอมให้อยู่ตรงกลาง
บ่าย ๆ ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. เราก็บอก ?ไม่ได้ อย่างนี้กลับไปเหอะ พี่สีสะหวาดไม่ไหวแล้ว กลับเหอะ? เขาก็บอกขอติดต่อเวียงจันทร์อีกที ?เอางั้นขอนอนคืนหนึ่งก่อน? ก็พามานอนที่เซ็นทรัลพลาซา ท่านไม่เคยมา แต่พูดคุยกันอย่างจริงใจ เราให้เกียรติกัน
พอ ๐๙.๐๐ น. อีกวัน ก็ปรากฏว่ายอม นี่คือการเจรจา แล้วเขาบอกว่าเราแพ้ได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่สังคมไทยไม่ได้รู้ นี่พูดสั้นมาก ผลที่สุดทำข้อตกลงกันเซ็นสัญญาเรียบร้อยสงบศึก และสัมพันธภาพกับลาววันนี้เราตระหนักดีว่าสูงสุด เพราะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ฯ
คงจำกันได้ สมเด็จพระเทพ ฯ เสด็จ ฯ ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ สมเด็จพระเทพ ฯ, พระเจ้าอยู่หัว ฯ จะเสด็จไปโปรดทุกที่ ไม่ใช่เฉพาะพี่น้องคนไทย เพราะท่านตระหนักดีว่าภูมิภาคแห่งนี้ต้องสงบ บ้านเมืองเราจึงจะพัฒนา ท่านเสด็จ ฯ ไปพ.ศ. ๒๕๓๓ มีคนถวายเงินท่านตั้งล้านกีบ ล้านกีบนี่ก็เป็นหมื่น ๆ เหมือนกัน ท่านให้อีกล้านกว่ากีบเหมือนกัน มอบให้สร้างโรงเรียนเด็กกำพร้าเวียงจันทน์พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๓๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ ท่านไกรสอน พรมวิหาน ถวายรายงานของพระราชทานศูนย์การศึกษา พัฒนาทางด้านการเกษตรที่หลัก ๒๒ บริเวณ กม. ที่ ๒๒ ในนครเวียงจันทน์ แต่ไปทางเหนือ นั่นคือสิ่งที่เป็นพระกรุณาธิคุณ เดี๋ยวนี้ยังอยู่และพัฒนาไปมหาศา ผมจึงบอกว่าพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ฯ นั้นคือสิ่งที่สำคัญ เล่าให้พวกเราฟังตรงนี้เพื่อให้เห็นว่าเรากับลาวผ่านวิกฤติกันมาอย่างไร"
แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 49 17:27:14
แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 49 17:21:21
แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 49 17:14:42