Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    มายาคติ 9 ประการเกี่ยวกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

    ก็อปมาให้อ่านคู่กับสมุดปกขาว

    มายาคติ1:รัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจนำไปสู่การนองเลือด


    ข้อโต้แย้ง: ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสิ่งธรรมดาในทุกสังคม
    และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยังอยู่ในวิสัยที่สามารถคลี่คลายได้ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย การที่รัฐประหารเกิดขึ้นโดยปราศจากการปะทะและนองเลือดเป็นตัวชี้วัดภาวะความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนั้น ฉะนั้น การทำรัฐประหารไม่เพียงแต่ไม่จำเป็น แต่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งทวีความเข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้น เพราะไม่เปิดโอกาสให้ผู้มีความคิดต่างสามารถแลกเปลี่ยนแสดงความเห็นได้อย่างเสรี ประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ร่วมสมัยต่างชี้ว่าเหตุการณ์นองเลือดมักเกิดขึ้นในสังคมเผด็จการมากกว่าในสังคมประชาธิปไตย

    มายาคติ 2: รัฐประหารไม่ได้ทำลายประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยถูกทำลายไปแล้วโดย ระบอบทักษิณ

    ข้อโต้แย้ง: ถึงแม้เงื่อนไขทางการเมืองและสังคมที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้รัฐบาลชุดต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลทักษิณ สร้างความเสียหายให้กับระบอบประชาธิปไตย แต่เงื่อนไขดังกล่าวก็เปิดโอกาสให้การเมืองภาคประชาชนเติบโต สามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองในหลายระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสามารถตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ นับเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการไปสู่สังคมประชาธิปไตย แต่รัฐประหารได้ขัดขวางขั้นตอนดังกล่าว เพราะได้ปิดโอกาสทางการเมืองที่ก่อตัวขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาลงอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงสถาบันหรือทางสังคม จึงเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    มายาคติ 3: รัฐประหารเพียงหยุดประชาธิปไตยลงชั่วคราว เพื่อปรับปรุงแก้ไขวิกฤติต่างๆ แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่

    ข้อโต้แย้ง: ประชาธิปไตยไม่ใช่ซีดีหรือดีวีดีที่สามารถแช่ภาพและเสียงไว้แล้วสามารถเล่นใหม่ต่อเนื่องไปได้ทุกครั้งที่ต้องการ หากแต่เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง การหยุดชะงักไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการที่สั่งสมมาทั้งหมด ไม่สามารถเริ่มต้นจากจุดนั้นๆ ได้ รัฐประหารจึงไม่ได้หยุดประชาธิปไตยลงชั่วคราว หากแต่ทำลายรากฐานประชาธิปไตยที่สังคมไทยร่วมกันสั่งสมมา ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองเชิงสถาบัน สิทธิในการชุมนุม สิทธิในการตรวจสอบรัฐบาลและหน่วยงานรัฐ สิทธิในการจัดการทรัพยากร ฯลฯ

    มายาคติ 4: สังคมไทยมีลักษณะเฉพาะตัว รัฐประหารจึงสามารถนับเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยแบบไทย

    ข้อโต้แย้ง: ทุกสังคมมีลักษณะจำเพาะ ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ แต่ไม่ว่าจะมีลักษณะเฉพาะอย่างไร ทุกสังคมประชาธิปไตยต่างไม่ยอมรับว่ารัฐประหารเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และแม้อาจเถียงได้ว่ารัฐประหารเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของระบอบการปกครองในสังคมไทย ก็ยังจำเป็นต้องอธิบายให้ได้ว่าสังคมไทยมีลักษณะจำเพาะอย่างไรจึงจำเป็นต้องมีรัฐประหาร ไม่ใช่ด้วยการยกเมฆเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร

    มายาคติ 5: รัฐประหารเกิดขึ้นเสร็จสิ้นไปแล้ว เราจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

    ข้อโต้แย้ง: รัฐประหารยังไม่เสร็จสิ้น การโค่นล้มรัฐบาลเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของรัฐประหารซึ่งต้องการสถาปนาระบอบอำนาจใหม่ ฉะนั้น เราจึงสามารถมีส่วนในการยับยั้งมันได้ ทั้งด้วยการแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย และด้วยการหยุดสร้างความชอบธรรมให้กับมันทั้งโดยเจตนาและอย่างรู้ไม่เท่าทัน นอกจากนี้ แม้อาจเถียงได้ว่ารัฐประหารเกิดขึ้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องจำแนกถูกผิดให้ได้อยู่ดี เพราะการไม่สามารถนำฆาตกรฆ่าข่มขืนมาลงโทษได้ไม่ได้หมายความว่าฆาตกรนั้นไม่ผิด

    มายาคติ 6: รัฐประหารสามารถแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลทักษิณได้

    ข้อโต้แย้ง: รัฐบาลทักษิณอาจมีปัญหาด้านการทุจริตคอรัปชั่น แต่ต้องแก้ด้วยวิธีการที่โปร่งใส เปิดโอกาสให้ฝ่ายต่างๆ ร่วมตรวจสอบได้ ไม่ใช่ด้วยวิธีการรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่เอื้อให้รัฐบาลทักษิณกระทำการทุจริต รัฐประหารจึงไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริตที่สั่งสมมา หากแต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จกระทำทุจริตเพิ่มขึ้นโดยไม่สามารถตรวจสอบได้ นอกจากรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ชัดเจนสำหรับการจัดการปัญหาทุจริต การที่บรรดานายทหารเข้าดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ นับเป็นสัญญาณอันตรายที่สังคมไทยพึงระมัดระวัง

    มายาคติ 7: รัฐประหารสามารถคลี่คลายปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงรัฐบาลทักษิณได้

    ข้อโต้แย้ง: ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงรัฐบาลทักษิณจริง และก็อาจจะจริงที่นโยบายของรัฐบาลทักษิณมีส่วนทำให้ปัญหาบานปลายมากขึ้น แต่รัฐประหารก็ไม่ได้ช่วยคลี่คลายปัญหาแต่อย่างใด ท่าทีและนโยบายเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาลรักษาการณ์ไม่ช่วยให้ปัญหาความรุนแรงลดลง เพราะเป็นไปได้ที่ผู้ก่อความรุนแรงจะประเมินว่ารัฐบาลรักษาการณ์ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารอ่อนแอ เพราะขาดฐานสังคมที่เข้มแข็ง ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าบรรดา เมืองขึ้น มักแข็งเมืองและแยกตัวเป็นอิสระเมื่อยามที่ศูนย์กลางอำนาจอ่อนแอ

    มายาคติ: 8 รัฐประหารสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่ก่อขึ้นโดยรัฐบาลทักษิณได้

    ข้อโต้แย้ง: รัฐบาลทักษิณก่อปัญหาไว้ค่อนข้างมาก อาทิ การรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดส่งผลให้มี ผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน ทว่าคณะรัฐประหารไม่เคยกล่าวถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณที่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบด้านลบต่อประเทศในระยะยาว อาทิ การเปิดเสรีการค้า นโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมสุดโต่ง ฯลฯ กลับได้รับการสานต่อจากรัฐบาลรักษาการณ์อย่างครบถ้วน ฉะนั้น คณะรัฐประหารจึงไม่สามารถอาศัยการอาสาเข้ามาแก้ปัญหาประเทศเป็นข้ออ้างได้ และสังคมไทยก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรจากรัฐประหารและรัฐบาลรักษาการณ์ได้เช่นกัน

    มายาคติ 9: รัฐประหารสามารถนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง

    ข้อโต้แย้ง: รัฐประหารปิดประตูที่นำไปสู่การปฏิรูปการเมือง เพราะการปฏิรูปการเมืองต้องมาจากฐานสังคมในวงกว้างและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย แต่รัฐประหารจำกัดการมีส่วนร่วมทางการเมืองไว้เฉพาะในกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่กลุ่ม และบุคคลเหล่านี้ต่างก็เป็นร่างทรงของคณะรัฐประหารเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ การเสนอแนวคิดให้มีองค์กรต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อทำงานเคียงคู่กับองค์กรภายใต้กำกับของคณะรัฐประหารก็เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าจะส่งผลจริงในทางปฏิบัติ เพราะการเริ่มต้นด้วยความคิดที่ผิดและดำเนินการด้วยวิธีการที่ผิด จะนำไปสู่สิ่งที่ถูกต้องในบั้นปลายได้อย่างไร

    คำถามชวนคิด: ในเมื่อรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งความคิดทางการเมือง (ซึ่งเป็นสิ่งปกติธรรมดาและรัฐประหารก็ไม่ใช่ทางแก้) ไม่ได้ต้องการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชัน (ซึ่งเกิดขึ้นในทุกรัฐบาลและรัฐประหารก็อาจร่วมสังฆกรรมด้วยในไม่ช้า) ไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้(ซึ่งต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการณ์ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร) ไม่สนใจต่อปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลทักษิณก่อขึ้น (ซึ่งต้องการวิธีคิดที่แตกต่าง ซึ่งไม่สามารถแสวงหาได้จากคณะรัฐประหารและรัฐบาลรักษาการณ์) ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยแบบไทยๆ (ซึ่งหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็มักถูกใช้เป็นข้ออ้างในการทำผิดอยู่ร่ำไป) และไม่ได้ต้องการปฏิรูปการเมืองอย่างกล่าวอ้าง (ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดหลังรัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจ แต่รัฐประหารกลับเป็นตัวทำลายโอกาสนั้นลง) ถ้าอย่างนั้นรัฐประหารเกิดขึ้นทำไม? เพื่ออะไร? ใครได้ประโยชน์จากการทำรัฐประหารครั้งนี้?

    All the Peoples Man Network

    แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 19:06:51

    จากคุณ : Mr.Past - [ 22 พ.ย. 49 19:01:12 A:124.120.118.176 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom