ความคิดเห็นที่ 28
เจ้าของกระทู้ไม่ได้โง่ครับ...เพียงแต่แกล้งพูดไม่หมด..ถูกต้องที่บอกว่าในในไตรมาสสุดท้ายของรัฐบาลทักษิณเงินคงคลังเกือบไม่เหลือ..ความจริงน่าจะใช้คำว่า "เบิกจ่ายติดขัด" มากกว่า ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่ามันมีงบฉุกเฉินเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งบื้อมาโดยตลอดทำงานผิดพลาด
เงินคงคลังคืออะไรครับ....เงินคงคลังคือเงินสดหมุนเวียนที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน ได้จากแหล่งสำคัญคือ
กรมสรรพากรประมาณเดือนละ 70,000.ล้าน กรมสรรพสามิตรประมาณเดือนละ 10,000.ล้าน อื่นๆ ประมาณเดือนละ 10,000.ล้าน
รัฐบาลตั้งงบประมาณสมดุล หมายความว่า รายได้ = ค่าใช้จ่าย รายได้ ประมาณ 1,100,000. ล้าน ค่าใช้จ่ายก็ 1,100,000.ล้าน จะใช้ยังใงก็ต้องอยู่ในงบนี้ ถ้าใช้เกินติดคุกแน่นอน ปกติประเทศไทยเก็บภาษีทุกชนิดได้เดือนหนึ่ง 90,000. ล้าน แล้วก็ใช้ไป 90,000.ล้าน เช่นกัน ถ้ารายได้และค่าใช้จ่ายมันอยู่ในวงเงินนี้ทุกเดือน เรื่องก็จบ
แต่ที่มีปัญหาคือ
1 แต่ละเดือนเก็บเงินได้ไม่เท่ากัน บางเดือนได้ สี่หมื่นล้าน บางเดือนได้แสนกว่าล้าน
2 ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนไม่เท่ากัน บางเดือนจ่ายห้าหมื่นล้าน บางเดือนจ่ายแสนล้าน
รัฐบาลทำยังใง...ก็ไปขอสำรองหรือไปขอ โอดีไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวนหนึ่ง สมมุติว่าขอโอดีไว้ 150,000.ล้าน เดือนไหนเก็บภาษีได้น้อยก็กู้ธนาคารแห่งประเทศไทย เดือนไหนเก็บได้มากก็เอาไปคืน ทำอย่างนี้ทุกรัฐบาล
ปัญหาเกิดเมื่อมีความจำเป็นต้องตั้งงบฉุกเฉิน อย่างเช่น ซึนามิ ภาวะภัยแล้ง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากในเดือนที่เกิดเหตุการณ์
แล้วทำใมไม่กู้ธนาคารแห่งประเทศไทย กู้ได้ไม่พอจ่ายครับเพราะเกินวงเงินที่ได้ตั้งไว้กี่เปอร์เซนต์ผมจำไม่ได้
แล้วทำใมไม่ขอเพิ่มวงเงิน เพิ่มก็ไม่ยาก เพิ่มได้อยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลัวว่าสื่อจะเอาไปโจมตีหาว่ารัฐบาลหมดตูด การกู้เงินแบง๕ชาติ มันอัฐยายซื้อขนมยายอยู่แล้ว รัฐบาลใช้วิธีมองไปที่งบมากมาย ที่กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆยังไม่ได้เบิกจ่ายเกือบสิ้นปีอยู่แล้วยังเบิกจ่ายไม่ถึง 60 เปอร์เซนต์ รัฐบาลเลือกที่จะใช้วิธีโยกงบ คือ กระทรวงไหนไม่เบิกก็ให้ตัดเข้าคลัง ให้มาขอตั้งเบิกใหม่ในปีหน้า แล้วเอาเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในส่วนที่เกินวงเงิน....เรื่องนี้รัฐบาลทำพลาด..พอประกาศตัดงบเท่านั้น แต่ละกระทรวงต่างก็แห่กันมาเบิกพร้อมกันหมด เพราะกลัวว่าจะถูกตัดเข้าคลัง ซึ่งความจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาถ้าเจ้าหน้าที่สำนักงบไม่ซื่อบื้อ เพียงแต่จัดระเบียบความสำคัญก่อนหลัง อันไหนเห็นว่าทำจริงและมีความสำคัญก็ให้เบิก อันไหนเห็นว่ายังไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่างก็ไม่ควรให้เบิก แค่นี้เรื่องก็จบ นี่ดันตั้งเบิกพร้อมกันหมด เงินมันก็ไม่พอ เล่นมาเบิกพร้อมกันจะเอาเงินที่ไหนมาให้
ค่าใช้จ่ายเกินวงเงินที่คาดว่าจะใช้วิธีโยกงบก็ใช้ไม่ได้ จึงทำให้การเบิกจ่ายติดขัดล่าช้า
ถามว่าแล้วมันจะเป็นยังใง...ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ในเมื่อรัฐบาลตั้งงบประมาณสมดุลอยู่แล้ว ยังใงก็มีเงินจ่าย เพียงแต่ว่ามันขลุกขลักว่าจะเอาส่วนไหนมาจ่ายเท่านั้น
ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลทักษิณใช้เงินจนหมดอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่า
จากคุณ :
หญ้าตง
- [
1 ธ.ค. 49 21:17:42
A:124.121.45.42 X:
]
|
|
|