ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยครับ ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ แต่คิดว่า มันคล้ายๆกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ TOT และ การไปรษณีย์ ใช้ระบบการบริหารแบบเอกชนก่อให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งดีกว่าระบบราชการแบบนี้ เหมือนสิ่งที่ฝ่ายต่อต้านมักจะอ้างว่าจะทำให้การบริการแพงขึ้น ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามันจะแพงขึ้นเลย **มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกก็เอกชนครับ จากคุณ : Elixir The High Priest - [ 13 ธ.ค. 49 18:35:13 A:202.12.74.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เห็นด้วยค่ะ...โตได้แล้ว..คุณคห.1 พูดถูกต้อง ที่ว่า****มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกก็เอกชน**** จากคุณ : come together - [ 14 ธ.ค. 49 07:21:27 A:58.64.126.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆ..แล้วเห็นด้วยครับ...ที่ "มหาวิทยาลัยควรออกนอกระบบ...(ในกำกับของรัฐ)...แต่ มหาวิทยาลัย.....ในต่างประเทศเช่นในอเมริกา เป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบทั้งสิ้น เพราะการก่อกำเนิดมหาวิทยาลัย...ของเค้าต่างกับของเรา..คงเนื่องมาจากบ้านเรา คำนึงถึงความมั่นคง...มาเป็นอันดับแรก....ในการจัดระบบการศึกษาของไทยเรา นับตั้งแต่..ระดับประถมศึกษา....มัธยมศึกษา...จนถึงมหาวิทยาลัย..ก็ล้วนเป็น ระบบราชการซะส่วนใหญ่....จะมีที่เป็นโรงเรียนเอกชนใหญ่ๆเพียงไม่กี่โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย..เท่านั้นที่เป็นของเอกชน.....ที่มีความก้าวหน้า..และมีชื่อเสียง แม้จะเก็บค่าเรียนแพงกว่าของราชการ..ก็ตาม..แต่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเหล่านั้น ก็สามารถดึงเอา "อาจารย์ที่เก่ง..มีชื่อเสียง..มีความสามารถ..มาเป็นอาจารย์สอนมากมาย ในขณะที่โรงเรียน และมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการทำได้ยาก...โดยจะพบว่ามี "สมองไหล"....มากขึ้นทุกที....อัตราการรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของราชการ.. บางแห่งมีแนวโน้มลดจำนวนลง....อย่างมาก การที่มหาวิทยาลัยในปัจจุบันนี้...สมควรจะออกนอกระบบ หรือไม่....อาจจะไม่ใช่ประเด็น ที่มีความสำคัญสักเท่าไรนัก...ในความรู้สึกของผม.....แต่ที่ผมสนใจมากๆ ก็คือ...โรงเรียน ในระดับมูลฐาน...ชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา..ของไทยต่างหากที่น่าจะเป็น จุดเริ่มต้นของการ "ออกนอกระบบ".....โดยการสนับสนุนให้ประชาชนในเขตชนบท ได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา..ในท้องถิ่นของเค้าเอง....โดยการบริหารจัดการร่วมกัน.. ระหว่าง...ผู้นำชุมชน...อบต. ครู...ผู้ปกครองของเด็กๆ....ในลักษณะของคณะกรรมการ จัดการศึกษาประจำท้องถิ่น....ซึ่งการสนับสนุนต่างๆ...อาจจะได้จากการ "ลงขัน"..หรือ "บริจาค"....จากผู้ปกครองเองเป็นส่วนใหญ่...สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าที่จะเป็น "ส่วนราชการ"...ที่นับวันจะห่างเหินจาก...ประชาชนมากขึ้นทุกที ปัญหาการอพยพย้ายถิ่น..ของประชาชน..ในการเข้าไปศึกษาในเมืองใหญ่...ในเมืองหลวง มีมากขึ้นมทุกปี...เกิดปัญหา...โรงเรียนกลายเป็น "เล้าเป็ด เล้าไก่"....อย่างในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผมเห็นว่า..เป็นความผิดพลาดอย่างมาก...ในการจัดการศึกษา...ที่จะทำให้ท้องถิ่น มีความ "เข้มแข็ง".....จากการ "รวบอำนาจสู่ส่วนกลางอย่างในอดีต"........ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้เรา ก็กำลังดำเนินการจาก "โรงเรียนวัด"...ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างมาก....ในการบริจาคเงินให้วัด เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษา..ของลูกหลาน...โดยตรง..แต่นับตั้งแต่การ "โอนการบริหารจัดการ เปลี่ยนแปลงให้เข้าสู่ส่วนกลางคือ "กระทรวงศึกษาธิการ"....ก็นับว่าเป็น "ความผิดพลาด"... แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการบริหารจัดการโดย.."องค์การบริหารส่วนอำเภอ หรือจังหวัด"... ด้วยคณะบุคคลที่ไม่มีความรู้ความสามารถในด้านการจัดการศึกษา...อย่างเพียงพอ ตามสายการบริหารเป็นส่วนราชการ....ที่มีนายอำเภอ..ผู้ว่าราชการจังหวัด...หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน...อบต. ฯลฯ...ที่ไม่มีวุฒิทางการศึกษา......ดังนั้นเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ว่า...การให้โรงเรียนในชนบท...อยู่ในความดูแลของประชาชนในท้องถิ่นนั้นจะต้องมี การเตรียมบุคลากร..ให้มีความพร้อมได้อย่างไร......ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดได้..เมื่อนั้นหละ โรงเรียนประถมศึกษา..ในชนบท...ก็จะสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็น..โรงเรียนมัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัยนอกระบบ..ที่มีคุณภาพ...อย่างแท้จริง...ในแต่ละภาคส่วน..ของประเทศไทย หาใช่การบริหารจัดการแบบ "รวมศูนย์"....เหมือนดังปัจจุบันแต่อย่างใดไม่....การออกนอกระบบ ของมหาวิทยาลัย..ในความคิดของใครต่อใครหลายคน..ที่จะดำเนินการตอนนี้...จึงดูจะเป็น "อุดมคติ"....ที่เหมือนจะ "สายเกินไปแล้วหรือไม่"..... สรุปปัญหา...การจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัย 1.  นิสิต..นักศึกษา..ที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย...ต้อง "สอบแข่งขัน...แย่งเก้าอี้เข้าไปเรียน"      เกิดปัญหา...ต้องอพยพย้ายถิ่น....โรงเรียนกวดวิชา...ปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่ 2.   นิสิต นักศึกษา ที่เรียนในสาขาวิชาที่ "ยอดนิยม"...ไม่มีคุณภาพและความถนัด..เพียงพอ      อันเนื่องมาจาก "ค่านิยม"..ของผู้ปกครอง และสังคม 3.   หลายสาขาวิชาที่มีจำนวนผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย..."ตกงาน"...ไม่มีงานทำ..ว่างงานหลายปี 4.   เกิดปัญหาสังคม...เช่น "นักศึกษาขายตัว"..."มั่ว sex  ฯลฯ 5.   คนที่อยู่ชนบท..ต้องย้ายถิ่นฐาน..เข้ามาหางานทำในเมืองหลวง..หรือเมืองใหญ่มากขึ้น      ละทิ้งชนบท...ละทิ้ง "อาชีพ"..การเกษตร...ฯลฯ 6.   ผู้บริหารในมหาวิทยาลัย..นับตั้งแต่ "หัวหน้าภาควิชาฯ"...คณบดี ฯลฯ"..      ต่างล้วนเงินเดือนสูงๆ..อายุราชการก็มากมายแล้ว..แม้ว่าเมื่อต้อง "ลาออก"      จากราชการ (เนื่องจากข้อบังคับ)...ก็ยังมีเงินบำเหน็จบำนาญ..จำนวนมาก      มีบารมีมาก....ก็สามารถใช้อำนาจ "กลั่นแกล้ง"..ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา      อย่างไม่เป็นธรรม..ได้..โดยที่ไม่จำเป็นต้อง "รับผิดชอบ"..ใดๆ...ต่อผลเสีย      โดยส่วนรวม...(ได้หรือไม่) 7.   บางภาควิชา..หรือคณะฯ..ในมหาวิทยาลัย..ที่ไม่สามารถ.."เลี้ยงตัวเอง"      หรือ "ไม่ทำตังค์"....หรือ "ไม่มีลูกค้าเพียงพอคุ้มทุน"...ก็อาจจะถูกปิดหรือ      "โดนยุบ"...หรือไม่.....อาจารย์หรือข้าราชการเก่าๆ...ใหม่ๆ..จะทำอย่างไร 8.    งบประมาณของทางราชการ..ในรูปของ "ภาษีจากประชาชน"..ในการ       สร้างตึก..อาคารเรียน...ฯลฯ...ต้องถูกกลุ่มคนที่เป็นผู้บริหารชุดใหม่       ทำ "ปู้ยี่ปู้ยำ...เอาประโยชน์ใสฝ่ายตน..และพวกพ้อง"...ได้หรือไม่..       ในเมื่อไม่มีประชาชน..สามารถเข้าไปตรวจสอบได้......หรือบางคนบอกว่า        มีการ "คานอำนาจ" กันได้..จริงหรือ...ในเมื่อ..ระบบพรรคพวกเดิม...ได้พากัน        "โล้ะ...ฝ่ายตรงข้าม"..(ที่อาจจะเป็นอาจารย์ที่ดีๆ..ออกไปซะแล้ว...ตอนเปลี่ยน) ฯลฯ จากคุณ : สายไปหรือเปล่า (NoomMan) - [ 14 ธ.ค. 49 14:47:29 A:10.12.1.215 X:202.28.180.201 ]