ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ สลายไป ...ตถตา
มันขึ้นกับว่า เราไปยึดเอาอะไรมาเป็นสรณะ
ระหว่างระบบ "ระบอบ" กับ "สารัตถะ" ประโยชน์ความเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ
ระหว่าง "รูปแบบ" กับ เนื้อหา"
ต้นไม้ประชาธิปไตย อาจดูดีอาจเก๋ไก๋ในสายตาชาวโลก และเป็นสิ่งที่ทุกสังคมอยากไปให้ถึง
แต่สิ่งหนึ่งต้องคิดถึง "สิ่งแวดล้อม" ที่ต้นไม้ประชาธิปไตยนั้นจะไปเจริญเติบโตด้วย
หลาย ๆ เสียงบอกว่า "ต้นไม้ประชาธิปไตย" ถูกชอนไชด้วย"ไวรัสระบอบทักษิณ" ด้วยสิ่งที่เป็น "เนื้อร้าย" ของระบอบประชาธิปไตย
บางทีการกำจัดเชื้อร้ายไม่อาจใช้ "เครื่องมือ" เท่าที่มีอยู่ในสังคมนั้น ๆี
เพราะเครื่องมือในระบอบประชาธิปไตยเท่าที่มีไม่สามารถ "เอาอยู่"
หรือแม้จะ "เอาอยู่" แต่โครงร่างของต้นไม้ประชาธิปไตยอาจบิดเบี้ียว ใบโกร๋น
เพราะโดนสิ่งแปลกปลอมกัดกินจนอาจจะยืนตายและกลายพันธุ์ได้ง่าย ๆ
หลาย ๆ เสียงบอกว่าให้ปล่อยมัน ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวระบบมันจะปรับตัวมันเอง...
นั่นก็เป็นความคิดเห็นในฝ่ายที่สนใจในระบอบ มั่นใจในการปรับตัวของประชาชน
แต่อาจลืมไปว่า กว่าจะปรับตัวเรียนรู้กับมัน เราอาจต้องเสียน้ำตา เสียชีวิตและทรัพย์สินอีกเท่าใดไม่มีใครตอบได้
แม้ใครจะว่ายังไง ในส่วนของผม ผมพอใจในการ ตัดกิ่ง ที่เน่า ๆ ทิ้งไป ก่อนที่เชื้อร้าย ๆ จะกัดกินไปทั้งต้น และโค่นล้มลงมาสร้างความเสียหายเกินกว่าจะเยียวยาได้
ผมจึงเรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ซึ่งพร้อมจะงอกใบใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไปอีก
ซึ่งก็ยังไม่รับประกันว่าจะมีการปฏิรูป ปฏิวัติ รัฐประหารอีกหรือไม่
สิ่งที่ต้องป้องกัน "เนื้อร้าย" นั้นจะทำยังไง หากผู้นำไร้จริยธรรม ระบบมีหนทางกำจัดหรือไม่
เมื่อระบบที่เป็นอยู่ ขาดภูมิคุ้มกัน หรือขาดวิธีกำจัดอย่างที่ควรจะเป็น เราจะหาทางป้องกันและแก้ไขอย่างไร
จริง ๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นปรากฎการณ์ "หยุดแล้วแก้" หรือ "เดินไปแก้ไขไปตามระบอบของมัน"
สองขั้วความคิดนี่ไง ที่กำลังปรับตัว ต่อสู้กัน...
แต่ผมเชื่อว่า ประชาชนคนไทยที่อยู่ในประเทศนี้ "พอใจ" ในผลที่เกิดขึ้น มากกว่า "ไม่พอใจ"
ผมอาจจะคิดว่า เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ต่าง "พอใจ" นี่ก็เป็น "ประชาธิปไตย" ที่มิได้มองแค่ "รูปแบบ" มากไปกว่า "เนื้อหา"
หากการปฏิรูปจะสร้างความพึงใจ สร้างความสมานฉันท์ สร้างความหวังใหม่ให้กับประชาชน
ผมก็คิดว่า นี่เป็น "วิถี" แบบไทย ๆ ซึ่งอาจนอกลู่นอกทาง แต่มัน "ได้ผล" ที่น่าพึงใจ
แม้ไม่เห็นด้วย...แต่..เข้าใจ...น่าจะเป็นการสรุปความรู้สึกได้ในห้วงเวลาเช่นนี้
ที่สำคัญ เราจะเดินไปสู่จุดหมายได้อย่างไร เราจะให้ทั้งสังคมยืนบนลำแข้งของทุกคนได้อย่างไร
นี่คือ "เป้าหมาย" สูงสุด...เมื่อเดินผิดทาง หลงทาง ก็ต้องตบ ๆ ให้เข้ามาในทางที่สร้างประโยชน์มากกว่าโทษ
ที่สำคัญ ประเทศไทยคือ "บ้าน" ของคนไทย ใครนอกบ้านจะวิจารณ์ยังไง ก็เป็นมุมมองของเค้า
บางเรื่องเราอาจต้อง "ปล่อยวาง" ปล่อยให้ความคิดต่าง ๆ งอกเงยขึ้นมาในสังคม
ถึงเวลาหนึ่ง ก็จะเกิดความรู้สึกร่วม ความเห็นร่วม ที่ทุกฝ่ายพอใจ
เราต้องให้เวลากับเรื่องยาก ๆ แบบนี้ มันจะคลี่คลายปัญหาของมันเอง...
ที่สำคัญสังคมไทยมิได้เกิดมาด้วยระบอบประชาธิปไตยนี่สิ...มันถึงเกิดปัญหา...
ประชาธิปไตย เกิดจากการรัฐประหาร 2475 เรายังเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า"ประชาธิปไตย" ในหมู่ชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง แลกเปลี่ยนวาทะกรรมหรู ๆ
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากหญ้ารากแก้ว เข้าใจในสิทธิ์ของตนเองมากน้อยแค่ใหน
เราอาจไม่ได้ประชาธิปไตย"พันธุ์แท้" ในวันนี้ แต่ผมคิดว่าการแก้ปัญหาแบบไทยไทยเช่นที่เป็นอยู่
ก็ทำให้ประเทศชาติ และประชาชนมีเสียงหัวเราะได้บ้างกระมัง
อย่างน้อยที่สุด ผมก็เชื่อว่าประเทศชาติจะไปสู่จุดที่ดีกว่า เข้มแข็งขึ้น แก้ไขจุดบอดต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
ถ้าประชาธิปไตยคือการยอมรับเสียงข้างมาก ลอง ๆ ทำประชามติตอนนี้สิ ว่าพอใจกับการปฏิรูปครั้งนี้หรือไม่
มองไปข้างหน้า...ซ่อมสร้างสิ่งสึกหรอ เพื่อรอวันที่ท้องฟ้าประชาธิปไตยจะสดในในปลายปีหน้านี้
ดีมั๊ยครับ
จากคุณ :
ชวนเชิญ
- [
23 ธ.ค. 49 20:11:30
A:58.8.103.17 X:
]