ความคิดเห็นที่ 1 ตลกนะ หุ้นของเขา เขาขายไม่ได้เหรอ เหมือนทรัพย์สินของคุณคุณก็มีสิทธิ์ขาย จากคุณ : คำฝอย - [ 11 ม.ค. 50 06:53:46 A:202.44.139.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่า ทักษิณ เค้าฉลาดน่ะ ถ้าไม่ขายตอนนี้ ก็คงขายไม่ได้แล้ว เพราะโดนเล่นงานเยอะ สู้ขายแล้วโดนด่าดีกว่าขายไม่ออก อีกทั้ง อาจจะมองว่าธุรกิจมือถือ มันเริ่มถึงทางตันแล้วด้วยล่ะ จากคุณ : rize69 - [ 11 ม.ค. 50 06:53:55 A:58.10.164.113 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 เค้าจะเอาทุนมาใช้ครับ และก็ จะขายหุ้นที่ถืออยู่ เพื่อให้ไม่มีใครโจมตีว่า เป็นนายกแล้วถือหุ้น แต่เสื_กมีคนมาโจมตีเอาตอนที่ขาย /me บัดซบเอ๊ย..... แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 06:55:40 จากคุณ : Thaina - [ 11 ม.ค. 50 06:55:15 A:10.17.2.222 X:202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำไรต่างกัน เป็น ร้อยล้าน  (เดานะ  น่าจะถึง เพราะขายตั้ง 70,000 กว่าล้าน) เป็นคุณจะยอมเสียเงินมั้ย  ร้อยกว่าล้าน ถ้าขายถูกจังหวะเวลา หุ้นตัวเดียวกัน  ถ้าขายตอนนี้ จะเหลือสักเท่าไหร่ คิดดูครับ จากคุณ : นักวางแผนอิสระ - [ 11 ม.ค. 50 07:00:36 A:58.64.105.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ช่าย..ธุรกิจมือถือถึงทางตัน..ไม่งั้นลงทุนเพิ่มไม่รู้ อีกกี่หมื่นล้าน. จากคุณ : come together - [ 11 ม.ค. 50 07:25:12 A:58.64.126.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดผมนะ นายกฯ ทักษิณ ท่านทราบและรู้ดีอยู่ก่อนแล้วว่า สถานะการณ์ ผิดปกติ แต่กระเพื่อมไม่ได้มากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดของท่าน นายกฯ ทักษิณคือ หุ้น การที่ ท่าน นายกฯทักษิณ ตัดสินใจขายหุ้นไป เมื่อตอนต้นปีที่แล้วนั้น ผมว่า เป็นเพราะความเชี่ยวกราก ทางการเมือง และการหุ้น ท่านทราบดีครับ ว่าควรทำอย่างไรกับมันดี สรุป ก็คือต้องขายครับ ไม่งั้นอาจจะ ไม่ได้ขายเลยก็เป็นได้ จากคุณ : Klongsan - [ 11 ม.ค. 50 07:26:03 A:10.122.49.91 X:203.155.94.129 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดว่าเป็นข้ออ้างในการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมากกว่า ก็มันเป็นทรัพย์สินของเขา เขาจะขายก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเรา เรื่องภาษีมีกฏหมายชัดเจนอยู่แล้วว่าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี มันเป็นการวางแผนภาษี ก็เหมือนกับเราน่ะแหล่ะ ถึงเวลาเสียภาษีก็ต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้เสียภาษีน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ตามสิทธิที่กฏหมายระบุไว้ เช่น หักลดหย่อนประกันสังคม, ต้องลงทุนในกองทุนต่างๆ, ต้องซื้อประกันชีวิต, หักลดหย่อนกรณีมีบุตร, ใบอนุโมทนาบัตรที่ทำบุญก็ลดได้นะ ทำบุญบริจาคอะไรไปก็อย่าลืมขอใบรับรองมาด้วย อืมม...อะไรอีกล่ะ อ้ออ....ถ้าเลี้ยงดูพ่อแม่ที่อายุเกิน 60 ปี ขึ้นไปก็เอามาลดหย่อนได้ อย่างนี้เป็นต้น เราต้องหาสิ่งที่มาลดภาษีให้ได้มากที่สุดเป็นเรื่องธรรมดา กรณีนายกฯ ทักษิณ ก็ในเมื่อการขายหุ้นเค้ามีช่องทางไว้จูงใจนักลงทุนว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี ก็เป็นสิทธิที่เขาที่จะทำได้ตามกฏหมายทุกประการฉะนั้นแล จากคุณ : สิงหา - [ 11 ม.ค. 50 07:29:57 A:203.155.29.60 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่มันเป็นสัมปทานจากรัฐ  เค้าห้ามซื้อขายให้คนต่างชาติไม่ใช่หรือคะ   ขอถามแบบโง่ๆอีกสักข้อนึง จากคุณ : เราอุ้มนะ - [ 11 ม.ค. 50 07:30:18 A:219.32.172.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในความคิดผมนะครับ ถ้าไม่ขายก็จะถูกโจมตีอีกว่าผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะอีกฝ่ายปักธงเล่นงานทุกวิธีอยู่แล้ว ผลสุดท้ายอาจแย่กว่าตอนนี้ก็ได้ เสียทั้งอำนาจทางการเมือง ทั้งธุรกิจที่สร้างมา อีกอย่างถ้าตอนนั้นขายแล้วเสียภาษี (ทั้งๆที่กฎหมายบอกว่าไม่ต้องเสีย) ก็คงจะถูกโจมตีว่าสร้างภาพ ทำเป็นเสียภาษีในสิ่งที่ไม่ต้องเสีย  เพราะต้องการใช้นำอำนาจเงินมาซื้อเสียงซื้อความนิยมทางอ้อม โปรยเงินสองหมื่นล้านซื้อใจรากหญ้า แล้วคงให้ กกต ตรวจสอบ สุดท้ายก็เล่นงาน คือทักษิณทำอะไรก็ผิดไปหมด ทำนองนั้นอ่ะครับ จากคุณ : Fiel - [ 11 ม.ค. 50 07:35:14 A:203.209.31.24 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมขอพูดแบบมั่นใจว่าถูกแน่ทั้งที่ข้อมูลไม่พอ แบบที่สนธิชอบทำนะ เพราะการซื้อขายหุ้นเป็นแต่เพียงการซื้อสิทธิในการรับเงินปันผลเมื่อทำกำไรได้ ไม่ได้รับสิทธิในการบริหาร(แต่แน่นอนว่าเมื่อถือหุ้นมาก ก็ทำให้มีอำนาจในการตัดสินใจ) แต่ถึงอย่างไรสัญญามันก็ยังอยู่ในไทย สัมปทานก็ซื้อขายไม่ได้เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้เลย แต่เพียงให้เช่า ถ้ารัฐบาลจะเพิกถอนก็ทำได้ ถึงเวลาก็ต้องต่อสัญญา ถ้ารัฐบาลจะไม่ให้ต่อก็สามารถทำได้ แล้วสัมปทานก็กลับขึ้นตรงต่อรัฐบาล จะให้คนอื่นเช่าต่อหรือไม่ก็แล้วแต่จะมีใครมาขอ การที่บอกว่าการหายหุ้นคือการขายชาติมันก็ผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะสัมปทานก็ไม่ได้ขาย ถึงขายบริษัทไปก็เพียงแต่ขายสิทธิให้ยืมต่อทันทีให้เท่านั้น และการขายหุ้นไปก็ยังไม่ได้ขายบริษัท อย่างมากที่สุดคือเปลี่ยนผู้บริหารเพราะโดนเทคโอเวอร์ สายงานบริษัทก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรโดยตรง สุดท้ายคือ ถึงจะเป็นนอมินีกันกี่ทอด หากสายการถือต่อไปนอกประเทศเมื่อไหร่ ก็โดนจำกัดที่ 49% อยู่แล้ว นอกจากจะมีการซิกแซ็กเลี่ยงหลบโดยสัญชาติไทย ที่บริหารบริษัทนั้นโดยตรง แต่เงินที่ได้ส่งไปสิงคโปร์หมด แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นการดึงทุนจากต่างชาติเข้ามาอยู่ดี และเป็นการสร้างงานให้คนไทยจากทุนต่างชาติ ครับ จากคุณ : Thaina - [ 11 ม.ค. 50 07:42:30 A:10.17.2.222 X:202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เขาไม่ได้เอาสัปทานไปขายช่วงนิครับ เขาขายหุ้น ในส่วนที่เป็นของครอบครัว มันเป็นเรื่องแปลกของสังคมไทยแต่ มันเป็นเรื่องปรกติของฝรั่งเขานะผมว่า ใครทำอะไรมาจนถึงประสบความสำเร็จ แล้วเขาก็ขายไปในช่วงที่มันขายได้ราคาดี ก็ดีกว่า อีกอย่าง เทคโนโลยีอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ลงทุนสูง โอกาสภายหน้าแข่งขันรุนแรงและต้นทุนสูง ขายทิ้งเสีย ก็ดีกว่า ก็แค่นั้น จากคุณ : ซาเวีย - [ 11 ม.ค. 50 07:45:06 A:58.64.100.190 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าไม่ขายตอนนั้น คงไม่มีโอกาสได้ขาย จากคุณ : sakabada - [ 11 ม.ค. 50 07:54:52 A:202.47.224.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องขายหุ้นนี่ ไม่ใช่ตัวคุณทักษิณขายนะคะ แต่เป็นตระกูลชินวัตร (คนอื่นๆ) และ ตระกูลดามาพงศ์ (สายภรรยา) ขาย แล้วมูลค่าการขายรวมของทั้งสองตระกูลคืออันที่ถูกสื่อเอามากล่าวรวมว่า เป็นทักษิณขายไปหมด คิดว่าเป็นจังหวะที่ ทั้งตระกูลจะวางมือจาก Shin Corp เรื่องภาษี เค้าก็จ่ายภาษี broker ซึ่งต้องเสียอยู่แล้วตามกฏหมาย การซื้อขายหุ้น (ไม่ได้ถึงกับไม่จ่ายภาษีอะไรเลย) แล้วเงินที่ขายหุ้น ได้ ก็ไม่ได้ได้กันมาฟรีๆ เหมือนรายได้น่ะค่ะ แต่เป็นราคาขายเฉยๆ (คือมีต้นทุนรวมอยู่ด้วย) กรณีที่มีสภาทนายความเล่นงาน เพราะอ้างว่า เป็นเรื่องสมัยทักษิณ โอนให้ พานทองแท้ ตั้งแต่สมัยก่อนเป็นนายก ว่าเป็นกรณีที่ต้องเสียภาษี ส่วนบริษัทที่ซื้อหุ้น ก็ไม่ได้เป็นบริษัทต่างชาติค่ะ แต่เป็นบริษัทที่มี อีกบริษัทที่มีต่างชาติ (เทมาเซ็ก โฮลดิ้งส์) ถือหุ้นอยู่ การลงทุนแบบมี เงินตราต่างประเทศหนุนแบบนี้จริงๆ เป็นเรื่องปกติของประเทศเรา เช่น UCOM ก็มี เทเลนอร์ (ของนอร์เวย์) มาหนุนอยู่ ใครๆ ก็รู้กันแต่ไม่ เห็นไปอัดเค้าแบบตอนเล่น case Shin Corp แต่ว่าต่างคนต่างความคิดค่ะ บางคนก็อคติเลยไปจับผิดทักษิณเป็นพิเศษ บางคนมองเป็นเกมธุรกิจก็เข้าใจและรู้ว่าไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างที่ พวกสื่อและฝ่ายไม่หวังดีเค้าตีเรื่องกันขึ้นมา... จากคุณ : ไร้นาม - [ 11 ม.ค. 50 07:59:41 A:203.107.217.61 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 กรณีที่มีสภาทนายความเล่นงาน เพราะอ้างว่า เป็นเรื่องสมัยทักษิณ โอนให้ พานทองแท้ ตั้งแต่สมัยก่อนเป็นนายก ว่าเป็นกรณีที่ต้องเสียภาษี ^ เค้าเรียกว่า โอนให้โดยพิสมัย ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ใช่เหรอครับ เรื่องนี้ 2540 ยังมีอยู่นี่? แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 08:15:49 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 08:15:13 จากคุณ : Thaina - [ 11 ม.ค. 50 08:03:34 A:10.17.2.222 X:202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องรีบขายครับ เพราะการลงทุนพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์จาก 2 จี เป็น 3 จี มันต้องใช้ทุนมาก เพราะต้องวางระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ และเครื่อข่ายต่าง ๆ อีกมาก และต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งมองแล้วไม่คุ้มค่าในการลงทุนเอง เพราะเมื่อเราพัฒนาได้ 3 จี ต่างประเทศก็ไป 4 แล้วครับ ไล่กันไม่ทัน มันต้องพัมนาต่อไปอีกไกล แล้วถ้าคุณลงทุนพัฒนาระบบต่าง ๆ ไปขนาดนั้น คุณจะเก็บค่าบริการเท่าไหร่ดี กับผู้ใช้บริการในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ชอบของแพงแน่นนอน ดูอย่างช่วงนี้ซิครับแต่ละค่ายโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ แข่งกันด้วยโปรโมชั่นราคาค่าโทรกันอย่างดุเดือด โดยไม่ค่อยชูเรื่องนโยบายการบริการซักเท่าไหร่  และอีกอย่างถ้าพัฒนาระบบเครื่องข่ายก้าวหน้าไปขนาดนั้น โทรศัพท์ที่รองรับกับระบบเหล่านี้จะราคาเท่าไหร่กัน จากคุณ : ขนมขม (ขนมขม) - [ 11 ม.ค. 50 08:03:50 A:10.10.11.204 X:203.152.14.185 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ  สำหรับคำตอบ และคำอธิบาย   เราก็เกือบๆจะเข้าใจ แต่ยังไม่เข้าใจ     เดี๋ยวจะลองค้นหาข้อมูลกระทู้เก่าๆลองอ่านดู   อีกที แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 11:52:28 จากคุณ : เราอุ้มนะ - [ 11 ม.ค. 50 08:27:08 A:219.32.172.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 เหตุผลหลักที่ต้องขาย เพื่อต้องการทำงานการเมืองอย่างเดียว ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เหตผลหลักอีกเช่นกัน การขายหุ้น ก็ต้องขายเพื่อให้ได้กำไรสูงสุดเท่าที่จะทำได้ เป็นเหตุผลธรรมดาสามัญ ถ้าขายขาดทุน จะไม่มีเรื่องให้มาคุยกันเลย ฝ่ายจับผิด ก็จะเอาเรื่องอื่นมาเล่น จากคุณ : สาวสวยสวย - [ 11 ม.ค. 50 08:30:58 A:58.8.152.229 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ....อาจจะมองว่าธุรกิจมือถือ มันเริ่มถึงทางตันแล้วด้วย..... เห็นด้วย   พอ ดี แทค ขาย  การต่อสู้อาจจะสูงมาก เขาก็เลยต้องขาย   โออิชิ ก็ยังขาย    ..... ......เค้าจะเอาทุนมาใช้ครับ และก็ จะขายหุ้นที่ถืออยู่ เพื่อให้ไม่มีใครโจมตีว่า เป็นนายกแล้วถือหุ้น แต่เสื_กมีคนมาโจมตีเอาตอนที่ขาย /me บัดซบเอ๊ย..... นี่ก็น่าจะเป็นสมมุติฐานที่ถูก   จำได้ว่า เขาเคยพูด ผมรวยพอแล้ว จากคุณ : pnyoy (pinit_yoy) - [ 11 ม.ค. 50 08:32:34 A:125.24.146.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมจำได้ว่า ครั้งแรก ๆ ที่ กะทิมันออกมาเล่นงาน ทักกี้ มันไม่มีเรื่องนี้เลย มีแต่ เรื่อง วัดพระ..... เรื่อง แต่งตั้งพระผู้ปฏิบัติ...แทน..... และเรื่องอื่นๆ แล้วก็มีการพิสูจน์แล้ว ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่พอมีข่าวขายหุ้น Shin มามันลืมเรื่อง เดิมไปเลย ได้แต่ กัด แทะ เรีย ทิ่ม แทง เสียบ ลูบ ดัน ดึง ขึง ตาก เปิด ปิด พาด เคาะ กระแทก ขว้าง ปา โยน ฯลฯ แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย ใช่ม๊ะ จากคุณ : ลุงอู๊ด - [ 11 ม.ค. 50 08:38:06 A:124.157.133.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนั้คาดไม่ถึงว่ามันจะมีผลมากขนาดนี้ครับ เพราะอยู่ในอำนาจ กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่มาตกม้าตายเรื่องนี้เอง ท่านไม่คิดแบบท่านเป็นนายกไง  ท่านคิดแบบเจ้าของหุ้น อยากขายก็ขายครับ จากคุณ : lowcost - [ 11 ม.ค. 50 08:39:36 A:58.147.120.168 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงยังไงทุกอย่างก็ต้องจบในเดือนกันยา จะขายหรือไม่ขายก็ไม่เกี่ยว มันเกี่ยวกับการโยกย้ายทหาร ทุกอย่างเป็นเพียงข้ออ้าง ฝ่ายหนึ่งพยายามรุกไล่ ฝ่ายหนึี่งพยายามหลบหลีก เมื่อโดนโจมตีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ขายหุ้น ตั้งแต่มีข่าวออกมา จนถึงวันแรกที่ขาย ไม่เห็นมีใครโวยวาย ฝ่ายรุกไล่เห็นช่องทางก็อัดเรื่องภาษี พอไม่ผิดกฎหมายก็ไปเรื่องจริยธรรม เรื่องขายชาติไปโน่น สื่อช่วยถล่มให้ดูเหมือนคนไทยทั้งหมดไม่เอาทักษิณ โดนรุกไล่หนักๆ ก็หาช่อง คิดว่าเลือกตั้งนี่แหละช่วยได้ เพื่อให้เห็นว่าคนเอาหรือไม่เอาตามสื่อว่า ฝ่ายหนึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นเอาทักษิณ ไม่ใช่ไล่แบบที่สื่อว่า ขืนให้เลือกตั้งก็สร้างความชอบธรรมสิ งั้นเบี้ยวดีกว่าจะได้อ้างไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนการที่ฝ่ายหนึ่งหาทางหลบ ฝ่ายหนึ่งพยายามปิดประตู สุดท้ายฝ่ายที่คิดจะยึดอำนาจก็ประสบความสำเร็จ วันนี้สะครบทเดิมก็นำหลับมาเล่นใหม่ เพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดง แต่งวดนี้ไม่เหมือนสมัยทักษิณ เอ็งรุกไล่ ข้าเอาปืนจี้ มันไม่ยอมหลบว่ะ ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเจอเขายายเที่ยงไป จะรอดออกมุมไหน โดนระเบิดอุดปากเข้า ฝ่ายรุกอ้าปากไม่ออกเลย เดี๋ยวระเบิดหล่นตัวเองตาย จากคุณ : ชาวสวน - [ 11 ม.ค. 50 08:40:43 A:61.90.250.33 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนหน้านั้น นายกทักษิณ ถูกโจมตีหนักในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ประกอบกับต้องการแสดงความพอเพียง มั๊ง ความพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงกลายเป็นหอกพุ่งเข้าแทงตัวเองจนได้ เพราะกลุ่มคนที่พยายามจะโค่นล้ม ก็เอามาเป้นประเด็น ขายชาติ แทน หมาป่า กับลูกแกะ ยังไงยังงั้น จากคุณ : เอี๋ยงเอี้ยง - [ 11 ม.ค. 50 09:07:59 A:124.120.144.249 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าคุณอุ้มมีทรัพย์สินอยู่ ผมมีสิทธิ์อะไรหรือไม่ที่ห้ามคุณอุ้มเอามาขาย จากคุณ : ^ข้าวเปลือก^ - [ 11 ม.ค. 50 09:11:32 A:210.86.128.81 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 มันโจมตีกันได้ทุกเรื่องแหละ ขนาดพระพรหมถูกทุบมันก็ว่าท่าน ท่านลงพื้นที่แบบนอนกลางดินกินกลางทราย มันก็ว่าแก้เคร็ด ตามหมอเขมร ผมฟังแล้วเซ็งโคตร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนที่โดนมันเป่าหูจะเป็นได้ขนาดนี้ ไม่ได้ยั้งคิดกันบ้างหรือไง แปลกดีนะครับ เนี่ยประเทศเละขนาดนี้ ไม่รู้ตอนนี้หลายๆคนที่โดนล้างสมองจะรู้ตัวกันบ้างหรือยัง จากคุณ : JipManU - [ 11 ม.ค. 50 09:27:38 A:61.91.93.185 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 โดยส่วนตัวเช่นกันนะคะ ตอนที่นายกฯ ทักษิณ  ขายหุ้นชิน ฯ  คิดเพียงว่าทำไมถึงไม่ตระหนักว่าสนธิกำลังเล่นงานอยู่  มันไม่ใช่ความผิดแต่เป็นความพลาดของท่าน  เพราะท่านอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ทำอะไรๆ คนจ้องอยู่ตลอด   เชื่อหรือไม่ว่า  หากไม่มีสนธิมาก่อม็อบแล้ว  ไม่มีใครคิดหรือว่าอะไรหรอก  เพราะความจริงก็คือ  มันเป็นธุรกิจของเค้าของครอบครัวเค้ามาเนิ่นนานแล้ว  สรุปก็คือ  ผลของคาถามนต์ดำที่ศาสดาพร่ำสอน (แต่หลายคนไม่รู้ตัว) ข้อสังเกตที่ชัดเจน  เมื่อเล่นงานทางกฎหมายไม่ได้  ก็มาเล่นงานด้านจริยธรรม   สังเกตไหมว่ามันเล่นงานด้านจรรญาบรรณไม่ได้  เพราะไม่มีระบุไว้  แต่มาดูจริยธรรม ซึ่ง กว้างงงงงงงงงง   มากๆ   ก็ยังประหลาดใจอยู่ดีน่ะแหล่ะว่าทำไม่เป็นนายกฯ แล้วของกินของใช้ของตัวเองไม่ได้  แล้วทำไมกฏหมายไม่ให้เสียภาษี แล้วต้องมาขอรัฐเสียภาษีจะเข้ามาตราอะไรล่ะ   ถ้าไม่มีเรื่องบ้าๆ นี้  ไม่แน่นะ  เศรษฐกิจดีต่อไป นายกฯ รวยขึ้นจากธุรกิจครอบครัว  อาจมีการทำบุญบริจาคช่วยผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม  และภาคใต้จำนวนมากก็ได้   (แต่เดี๊ยวก็มีคนบอก  หาเสียง  ไร้จริยธรรมอีก)  ขอบอกคำเดียวว่า "เฮ้อ" แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 09:38:51 จากคุณ : คองแคง - [ 11 ม.ค. 50 09:32:30 A:202.90.6.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขายก็ด่า ไม่ขายก็ด่า ก็คนมันอคติ จบข่าว จากคุณ : มือปราบแมว - [ 11 ม.ค. 50 09:57:08 A:137.8.4.12 X:203.152.50.194 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อย่างน้อยทุกคนก็ยอมรับกันว่า เบื้องหลังการขายคือทักษิน แสดงว่าที่มีการโอนหุ้นให้ลูกก็เป็นนิติกรรมอำพราง จากคุณ : ChkTe - [ 11 ม.ค. 50 10:35:05 A:192.168.1.162 X:58.8.19.247 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คนที่ขายหุ้นชินฯ ให้เทมาเส็กไม่มีชื่อนายกทักษิณเลยนะครับ กลับไปดูใหม่ว่ามีชื่อใครบ้าง ถ้าเราแยกแยะเรื่องเหล่านี้ออก มันไม่มีปัญหาหรอก ที่มันมีปัญหาเพราะคนเราแยกแยะอะไรไม่ออก ชอบเหมารวม อย่างเมื่อวานผมฟังรายการหนึ่ง มีการแจกบัตรชมหนังเรื่องสมเด็จพระนเรศวร หลานคุณหญิงเมทะกา ยังโทรไปขอบัตรชมฟรีตั้งห้าใบ (ทั้งที่เขาให้สูงสุดแค่ 4 ใบ) ผมคิดว่าไม่มีกติกาว่าใครจะขอก็ได้ แต่ผมคิดว่าของฟรีแบบนี้ถ้าได้ฟรีก็เอาไว้ก่อน ที่จริงถ้าผมเป้นคนแยกแยะอะไรไม่ออก ผมก็คิดว่าแหม คนมีตังค์ระดับครอบครัวแบบนี้ ทำไมต้องขอบัตรฟรีด้วย 5555 จากคุณ : หอมรำเพย - [ 11 ม.ค. 50 10:44:12 A:125.24.40.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ทักษิณโอนหุ้นให้คนรอบข้างตั้งแต่เริ่มเล่นการเมืองแล้วครับ จากคุณ : ลานดิน - [ 11 ม.ค. 50 10:57:38 A:158.108.3.230 X:202.29.60.161 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราชอบกระทู้นี้ อธิบายครอบคลุม ด้วยเหตุและผลได้ชัดเจนมาก เกี่ยวกับกรณีขายหุ้น ซึ่งเป็นเรื่อง ปกติมากๆ แต่ ก็การเมืองไทยและ คนไทย นั่นแหละนะ ถล่มกันซะ ชาติจะล่มจมล้มลุกคลุกเข่าคลาน กันแหล่มิแหล่ รอดมิรอดมิรู้ อยู่นี่แล้ว ถ้าใครยังแถเรื่องไม่เสียภาษีขายหุ้น เอาสมบัติชาติไปขาย บลาๆๆๆๆ อยู่ต่อไป ก็..................... เชิญเติมค่ะ เราอ่านเจอทีไร ใจมันจี๊ดดด ทุกที เห็นทีจะต้องเก็บกระทู้นี้ไว้แปะทุกครั้งที่มี ......................... มาตะแบงอีก แถมให้อีกนิดเกี่ยวกับที่มีคนประนามว่า คุณทักษิณไม่เคยเสียภาษีให้บ้านเมือง เราว่าเงินภาษีจากบริษัทชินคอร์ปของเขานั่น เข้ารัฐจำนวนมหาศาลนักหนาตามกฏกติกาแล้วนะคะ ขอบคุณผู้ตั้งที่เปิดประเด็นให้เพื่อนๆได้แสดง ความเห็นร่วมกันค่ะ จากคุณ : ชญานุช - [ 11 ม.ค. 50 11:22:52 A:58.8.48.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 สะคลั่งบอกเตรียมการมาแปดเดือน ซึ่งมันก็น่าจะราว ๆ หลังปีใหม่ 2549 นั่นมันก่อนนายกทักษิณขายหุ้นซะอีก เรื่องขายหุ้นมันเป็นข้ออ้าง ยังไงมันก็เตรียมล้มล้างกันอยู่แล้ว ยกเว้นว่าสะคลั่งโกหก จากคุณ : :: AdvanceTactics :: - [ 11 ม.ค. 50 11:29:21 A:61.91.35.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 จะขายเบื้องหน้าเบื้องหลัง  แล้วมันแตกต่างกันยังไง ยังไงๆ มันก็สมบัติของเค้าจริงๆ จะขายตรงขายอ้อม  อยากโชว์ไม่อยากโชว์  อยากเด่นไม่อยากเด่น  อยากมีเรื่องไม่อยากมีเรื่อง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอื่น (ฟระ) จากคุณ : คองแคง - [ 11 ม.ค. 50 11:51:25 A:202.90.6.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 การกล่าวหาเรื่องการขายหุ้นชิน คอร์ป นี่ถ้าเกี่ยวกับการเสียภาษี นี่ หลอกได้เฉพาะคนไม่รู้  เท่านั้น  คนที่เล่นหุ้นคงหัวเราะก๊าก แต่ถ้าเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ  มันฟังดูแล้วเหมือนอันตรายอย่างใหญ่หลวง  คนไม่รู้เรื่องระบบการสื่อสาร, ดาวเทียม ก็เริ่มเอียงแล้ว  เมื่อเอียงมันก็พาลเห็นอะไรเป็นผิดได้ทุกเรื่อง คนเราไม่ได้รู้ดีไปเสียทุกเรื่องหรอก  สำคัญที่วิจารณญาณมากกว่า  คนรู้ก็อย่าไปด่าคนไม่รู้  ว่าโง่ กินหญ้า  อะไรอย่างนี้  มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ในโอกาสที่บ้านเมืองกำลังย่ำแย่นี่แหละ  เราหันหน้ามาคุยกันดี ๆ อธิบายอย่างมีเหตุผล  อย่างในกระทู้นี้  ถือว่าทั้งคนถามคนตอบ(ส่วนใหญ่)  ใช้เหตุผลกันมากขึ้น ต้องขอโทษด้วย  ที่เคย(รุม)เขาไว้เหมือนกัน จากคุณ : toolost - [ 11 ม.ค. 50 12:16:46 A:125.26.54.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 เฮ้อ จาเล่าเรื่องตาหลกให้ฟัง เพื่อนผมเกลียดทักษินมาก ด่าว่าขายสมบัติของชาติ ผมบอกว่าอ่าวก็เขาเป็นบริษัทเอกชนนี้หน่าขายได้ ผมเลยถามต่อว่าถ้าเขาโง่บริหารแย่แล้วเจ๊งทำไงล๊ะ เพื่อนตอบก็ช่างหัวมันสิ ผมเลยได้โอกาสบอกว่า ก็ไหนว่าสมบัติของชาติไงทำไมไม่เอาเงินไปช่วยเขาล๊ะ บอกแล้วว่าเขาเป็นบริษัทเอกชนบริหารดีก็ดีไป บริหารแย่ก็แย่ จะขายก็ช่างเขาสิ 55+ จากคุณ : ton0123456789 - [ 11 ม.ค. 50 16:36:13 A:192.168.0.61 X:202.57.178.223 ]