เจอข้อมูลที่ชาวบางไซไปหามาโพสต์ไว้...เอามาให้อ่าน...จะได้รู้ว่า 3 กาลิณีบ้านเมือง (เฒ่ากาลี โรตีเถื่อน จอมบิดเบือนดอกไม้บาน) สร้างความเสื่อมเสียแก่ประเทศแค่ไหน
******************
ที่มา - นางดุษฎี พนมยงค์ ทำหนังสือชี้แจงมาที่หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน กรณีตีพิมพ์ข้อระบุว่านายปรีดี พนมยงค์ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกเพิกถอนสิทธิในการถือหนังสือเดินทางหลังพ้นจากตำแหน่ง
นายปรีดี พนมยงค์ เคยถือหนังสือเดินทางการทูตเมื่อครั้งไปเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2489 และไปราชการเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2490 หลังจากนั้นเมื่อกลับมาประเทศไทยก็ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางนั้นอีกเลย
หลังรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 นายปรีดีลี้ภัยการเมืองโดยทางเรือไปประเทศสิงคโปร์ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทาง หลังจากนั้นได้รับความเอื้อเฟื้อจากนายดิเรก ชัยนาม เอกอัครราชทูตไทยประจำสำนักเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลธรรมดาให้เพื่อเดินทางไปประเทศจีน และนายปรีดีก็ถือหนังสือเดินทางฉบับดังกล่าวจนกระทั่งหมดอายุการใช้งาน
เดือนพฤษภาคม 2513 นายปรีดีเดินทางออกจากประเทศจีนมาพำนักที่ประเทศฝรั่งเศส โดยรัฐบาลจีนได้ออกใบรับรองสัญชาติให้
ต่อจากนั้นในเดือนตุลาคม 2513 กองกำลังพิเศษ Special Forces ได้เชิญนายปรีดีกับท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ไปอังกฤษ และสมาชิก สโมสรกองกำลังพิเศษ Special Forces Club มีมติเป็นเอกฉันท์ รับนายปรีดีเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
แต่เนื่องจากนายปรีดีมีเพียงใบรับรองสัญชาติในการเดินทางที่รัฐบาลจีนออกให้เมื่อคราวเดินทางจากประเทศจีนไปพำนักในประเทศฝรั่งเศส จึงจำเป็นต้องขอหนังสือเดินทางไทยประเภทบุคคลธรรมดา เพื่อใช้ในการเดินทางดังกล่าว
ขอนำบทความเรื่อง ลัทธิทางการเมืองคือสมบัติล้ำค่าของทั้งประเทศ เขียนโดยศาสตราจารย์ ดร.มนู อมาตยกุล อดีตอธิบดีกรมสหประชาชาติ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหภาพโซเวียต อดีตเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม ประจำประเทศสเปนคนแรก อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รักษาการอธิบดีกรมการเมือง อดีตเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และสาธารณรัฐเปรู ความตอนหนึ่งว่า
นายปรีดีได้ยื่นเรื่องราวต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ซึ่งขณะนั้น นายไพโรจน์ ชัยนาม ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอยู่ ขอให้ออกหนังสือเดินทาง (Passport) และหนังสือแสดงการมีชีวิตเพื่อรับบำนาญตามกฎหมาย ท่านเอกอัครราชทูตไพโรจน์ ชัยนาม ไม่กล้าออกให้ จึงเสนอเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการ ถนัด คอมันตร์ ซึ่งก็ไม่กล้าสั่งการ แต่ได้ตัดสินใจนำเรื่องเข้าชี้แจงในคณะรัฐมนตรีด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านการพิจารณาของข้าพเจ้าซึ่งเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และต้องทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางกฎหมายตามระเบียบก่อน คณะรัฐมนตรีมีมติไม่ยอมออกหนังสือเดินทางและหนังสือแสดงการมีชีวิตเพื่อรับบำนาญทั้งสองอย่างให้ และยืนยันมติมายังกระทรวงเจ้าของเรื่อง โดยหนังสือเลขที่ สว.0402/7960 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2513
ข้าพเจ้าได้ทำบันทึกปะหน้าเรื่องออกความเห็นคัดค้านว่า ความเห็นของกองกฎหมายที่อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานมาปรับกับกรณีของหนังสือสำคัญ 2 อย่างของท่านรัฐบุรุษอาวุโสปรีดีนั้น เป็นเรื่องของการขอสิทธิ แต่การปฏิเสธไม่ออกหนังสือสำคัญ 2 อย่างที่กล่าวให้แก่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสนั้นเป็นเรื่องของการรอนสิทธิ นัยหนึ่งเป็นการตัดสิทธิที่พึงจะได้รับโดยเท่าเทียมกับคนไทยคนอื่นๆ ย่อมผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 25 ที่ว่าบุคคลทุกคนย่อมมีความเสมอภาคกันในทางกฎหมาย และผิด พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.นี้ต้องออกหนังสือแสดงการมีชีวิตให้แก่ผู้มีสิทธิรับบำนาญที่ต้องมาแสดงตัวทุกปี ส่วนการไม่ยอมออกหนังสือเดินทาง (Passport) ให้แก่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ก็เป็นการละเมิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งประเทศเป็นภาคีอยู่ด้วย ในข้อ 12(2) ซึ่งระบุว่า "ทุกคนมีสิทธิที่จะออกจากประเทศใดๆ ไป รวมทั้งประเทศของตนเอง" คำคัดค้านของข้าพเจ้าทำให้คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ต้องยอมจำนน และตกอยู่ในบังคับให้ต้องกลับมติของตนเอง อนุมัติให้ออกหนังสือแสดงการมีชีวิตเพื่อรับบำนาญ และหนังสือเดินทาง (Passport) ให้แก่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ดังปรากฏในหนังสือตอบของ ครม.ที่ สร.0402/8972 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2513 (ข้อความนี้ ตีพิมพ์ในคอลัมน์ขอบฟ้ากว้าง มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1372 ประจำวันที่ 1-7 ธันวาคม พ.ศ. 2549)
จึงขอชี้แจงขอเท็จจริงว่า นายปรีดี พนมยงค์ ไม่เคยถูกยึดหนังสือเดินทางการทูตหรือหนังสือเดินทางประเภทบุคคลธรรมดาแต่ประการใด
www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol01130150&day=2007/01/13
จากคุณ :
หนูถ้ำ
- [
13 ม.ค. 50 16:16:04
A:67.15.151.110 X:
]